|
Advertisement
|
ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถ ในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย วิญญ์ธชัย ศักดิ์กัณฑ์หา
ปีที่รายงาน 2564
บทคัดย่อ
การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน 2) พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน 3) ทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน 4) ประเมินประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน โดยทำการศึกษาความสามารถในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์หลังการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้วิจัยเป็นฐาน เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน
ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาความต้องการและข้อมูลพื้นฐาน โดยใช้แบบสอบถาม สรุปผล ดังนี้ 1) แบบสอบถามความต้องการและจำเป็นต่อการส่งเสริมความสามารถในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 250 คน พบว่า ในภาพรวมนักเรียนเห็นความสำคัญและจำเป็นในการส่งเสริมความสามารถในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดับมาก ( = 3.93, S.D. = 0.82) 2) แบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริหาร/ครู เกี่ยวกับความต้องการและจำเป็นในการในการส่งเสริมความสามารถในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 13 คน พบว่า ในภาพรวมผู้บริหารและครูเห็นความสำคัญและจำเป็นในการส่งเสริมความสามารถในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดับมาก ( = 4.26, S.D. = 0.83) อยู่ในระดับมาก ผลการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน พบว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐานมีองค์ประกอบดังนี้ 1) ส่วนนำ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 14 แผน 3) กิจกรรมการเรียนรู้แบ่งเป็น 6 ขั้นตอน ได้แก่ กำหนดปัญหา (Problem) การตั้งสมมติฐาน (Hypothesis) การรวบรวมข้อมูล (Data gathering) การวิเคราะห์ข้อมูล (Data analysis) การสรุป (Conclusion) และการนำเสนอและประเมินผล (Presentation)
ผู้วิจัยได้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐานที่ผ่านขั้นทดลองแบบรายบุคคล ขั้นทดลองแบบกลุ่มย่อย และขั้นทดลองภาคสนามซึ่งมีค่า E1/E2 = 82.01/81.13 ไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3.8 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย สังกัดสำนักการศึกษาเทศบาลนครเชียงราย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 36 คน ใช้การสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม พบว่ามีค่า E1/E2 = 82.75/81.25 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ผลการประเมินความสามารถในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ อยู่ในระดับดี โดยมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 78.70 คะแนน ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ พบว่า คะแนนก่อนเรียน ( = 7.56, S.D. = 3.12) คะแนนหลังเรียน ( = 16.25, S.D. = 2.44) ผลการทดสอบสถิติ t พบว่า คะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังได้หาค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) พบว่าค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.70 หมายถึง ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.70 หรือผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 70 ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน พบว่าค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.92, S.D. = 0.62) จากการพิจารณาผลของการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการปรับปรุงชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ วิจัยเป็นฐาน โดยจัดทำวีดิทัศน์ในการเฉลยแบบฝึกหัดให้ผู้เรียนได้ศึกษาเพิ่มเติม นอกเหนือจากการเฉลยแบบฝึกหัดด้วยเอกสาร และจัดทำห้องเรียนออนไลน์โดยใช้ Google classroom ร่วมกับการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ดังกล่าว เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิผล
|
โพสต์โดย ภูวินท์ : [21 ก.พ. 2565 เวลา 09:16 น.] อ่าน [63643] ไอพี : 183.89.122.229
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
Advertisement
|
|
| |
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
| |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 13,862 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 24,318 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 30,833 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 20,460 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 9,183 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 31,959 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,652 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,909 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,759 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,805 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 28,065 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 38,408 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 25,911 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 473,134 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 8,895 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 13,206 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,381 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 11,532 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 136,097 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 125 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|