ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง

ชื่อผลงาน การพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของนักเรียน

โดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง

ผู้รายงาน นายขรรค์ชัย เหน็บบัว

ผู้อำนวยการโรงเรียนกงหราพิชากร

ปีที่รายงาน ปีการศึกษา 2563 – 2564

บทคัดย่อ

รายงานผลการวิจัยการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง ปีการศึกษา 2563 – 2564 ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยดังนี้

1. เพื่อพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง ปีการศึกษา 2563 – 2564

2. เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563 – 2564

3. เพื่อศึกษาความสามารถพิเศษของนักเรียนโรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง ด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรม หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563 – 2564

4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและเครือข่ายชุมชน ที่มีต่อการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563 – 2564

5. เพื่อศึกษาผลกระทบเชิงบวกที่ปรากฏต่อโรงเรียน ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและนักเรียนโรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563 – 2564

ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ 2 ปีการศึกษา ตั้งแต่กรกฎาคม 2563 – มีนาคม 2565 ต่อเนื่องตลอดปีการศึกษา กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ดังนี้ 1. กลุ่มตัวอย่างนักเรียนปีการศึกษา 2563 และปีการศึกษา 2564 จำนวน 359 คน ประชากรครู ปีการศึกษา 2563 จำนวน 27 คน ปีการศึกษา 2564 จำนวน 29 คน กลุ่มตัวอย่างผู้ปกครองปีการศึกษา 2563 และปีการศึกษา2564 จำนวน 341 คน กลุ่มตัวอย่างคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2563 และปีการศึกษา 2564 จำนวน 13 คน และกลุ่มตัวอย่างเครือข่ายชุมชน ปีการศึกษา 2563 และปีการศึกษา 2564 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ลักษณะ ได้แก่ แบบสอบถามและแบบบันทึกผลการสังเกตพฤติกรรมที่สะท้อนคุณลักษณะความสามารถพิเศษของนักเรียนโดยครูที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และแบบบันทึกตามสภาพจริง รวมทั้งสิ้น 7 ฉบับ ฉบับที่ 1 แบบสอบถามระดับคุณภาพการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้โดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563 – 2564 ได้ค่าความเชื่อมั่น.978 ฉบับที่ 2 แบบสอบถามการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้โดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563 – 2564 ได้ค่าความเชื่อมั่น .949 ฉบับที่ 3 แบบบันทึกผลการสังเกตพฤติกรรมที่สะท้อนคุณลักษณะความสามารถพิเศษด้านกีฬาของนักเรียนโดยใช้โดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563 – 2564 โดยครูที่ปรึกษาและครูที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกีฬา ฉบับที่ 4 แบบบันทึกผลการสังเกตพฤติกรรมที่สะท้อนคุณลักษณะความสามารถพิเศษด้านดนตรีของนักเรียนโดยใช้โดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563 – 2564 โดยครูที่ปรึกษาและครูที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านดนตรี ฉบับที่ 5 แบบบันทึกผลการสังเกตพฤติกรรมที่สะท้อนคุณลักษณะความสามารถพิเศษด้านศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้โดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563 – 2564 โดยครูที่ปรึกษาและครูที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านศิลปวัฒนธรรม ฉบับที่ 6 แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและเครือข่ายชุมชนที่มีต่อการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563 – 2564 ได้ค่าความเชื่อมั่น .981 ฉบับที่ 7 แบบบันทึกผลตามสภาพจริงจากสารสนเทศโรงเรียน ที่โรงเรียน ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและนักเรียนโรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง ได้รับการประกาศเกียรติคุณรางวัลระดับจังหวัด/รางวัลระดับภาค/รางวัลระดับประเทศ หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563 – 2564 ผู้วิจัยได้ดำเนินการเก็บข้อมูลด้วยตนเองโดยเก็บข้อมูล 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 หลังการพัฒนาเมื่อสิ้นปีการศึกษา 2563 ช่วงเดือนมีนาคม 2563 ครั้งที่ 2 หลังการพัฒนาเมื่อสิ้นปีการศึกษา 2564 ช่วงเดือนมีนาคม 2564วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS version 18 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ระดับคุณภาพการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563-2564 พบว่า

ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมทุกกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม มีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า กลุ่มครู มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมาก (=3.69, .= 0.68) รองลงมาได้แก่ กลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีคุณภาพ อยู่ในระดับมาก (

=3.67, S.D.= 0.63) ส่วนกลุ่มนักเรียน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด อยู่ในระดับมาก ( =3.57, S.D. = 0.67)

ปีการศึกษา 2564 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ตอบแบบสอบถาม มีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า กลุ่มครู มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด (=4.74, = 0.44) รองลงมาได้แก่ กลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน อยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.68, S.D.= 0.48 ) ส่วนกลุ่มนักเรียน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด อยู่ในระดับมากที่สุดเช่นกัน ( =4.55, S.D.= 0.62 ) สอดคล้องตามสมมติฐาน

2. ระดับการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง

จำแนกตามกลุ่มที่ตอบแบบสอบถาม พบว่า

ปีการศึกษา 2563 โดยรวมทุกกลุ่มที่ตอบแบบสอบถามอยู่ในระดับมาก และเมื่อจำแนกตามกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า กลุ่มผู้ปกครอง มีส่วนร่วมมากที่สุด ( = 4.41, S.D.= 0.12) อยู่ในระดับมาก รองลงมาได้แก่ กลุ่มครูและกลุ่มเครือข่ายชุมชน (, = 4.28, ,S.D.= 0.19,10) อยู่ในระดับมาก ส่วนกลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีส่วนร่วมต่ำสุด ( = 4.24, S.D.= 0.10) อยู่ในระดับมากเช่นกัน

ปีการศึกษา 2564 โดยรวมทุกกลุ่มที่ตอบแบบสอบถามอยู่ ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า กลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและกลุ่มเครือข่ายชุมชน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.68, S.D.= 0.13,0.14 ) อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาได้แก่ กลุ่มผู้ปกครอง ( = 4.66, S.D.= 0.26) ส่วนกลุ่มครู มีส่วนร่วมต่ำสุด ( = 4.65,  = 0.14) อยู่ในระดับมากที่สุดเช่นกันสอดคล้องตามสมมติฐาน

3. ผลการเปรียบเทียบการสังเกตพฤติกรรมการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬาของนักเรียนโดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนาปีการศึกษา 2563 และ 2564 พบว่า

ปีการศึกษา 2563 พฤติกรรมการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬาของนักเรียนตามตัวบ่งชี้ที่โรงเรียนกำหนดทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านสมรรถภาพทางกาย 2) ด้านสมรรถภาพทางจิตใจ 3) ด้านสติปัญญา และ4 ) ด้านความเป็นเลิศ มีคุณภาพระดับดีขึ้นไป มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 72. 63 – 74.64

ปีการศึกษา 2564 พฤติกรรมการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬาของนักเรียนตามตัวบ่งชี้ที่โรงเรียนกำหนด ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านสมรรถภาพทางกาย 2) ด้านสมรรถภาพทางจิตใจ 3) ด้านสติปัญญา และ4 ) ด้านความเป็นเลิศมีค่าเฉลี่ยร้อยละ ระหว่าง 74.67 – 77.92 แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬาของนักเรียนปีการศึกษา 2564 มีการพัฒนาสูงกว่า ปีการศึกษา 2563 ทุกด้านสอดคล้องตามสมมติฐาน

4. ผลการเปรียบเทียบการสังเกตพฤติกรรมการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านดนตรีของนักเรียนโดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนาปีการศึกษา 2563 และ 2564 พบว่า

ปีการศึกษา 2563 พฤติกรรมการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านดนตรีของนักเรียนตามตัวบ่งชี้ที่โรงเรียนกำหนด ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านทักษะดนตรี 2) ด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และ 3) ด้านสุขภาวะทางอารมณ์ มีคุณภาพระดับดีขึ้นไป มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 72.03 - 72.83

ปีการศึกษา 2564 พฤติกรรมการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านดนตรีของนักเรียนตามตัวบ่งชี้ที่โรงเรียนกำหนด ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านทักษะดนตรี 2) ด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และ 3) ด้านสุขภาวะทางอารมณ์ มีค่าเฉลี่ยร้อยละ ระหว่าง 74.29 – 76.36 แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านดนตรีของนักเรียนปีการศึกษา 2564 มีการพัฒนาสูงกว่า ปีการศึกษา 2563 ทุกด้าน สอดคล้องตามสมมติฐาน

5. ผลการเปรียบเทียบการสังเกตพฤติกรรมการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนาปีการศึกษา 2563 และ 2564 พบว่า

ปีการศึกษา 2563 พฤติกรรมการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านด้านศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนตามตัวบ่งชี้ที่โรงเรียนกำหนด ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านบุคลิกภาพ 2) ด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และ 3) ด้านสุขภาวะทางอารมณ์ มีคุณภาพระดับดีขึ้นไป มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 72.63 – 75.85

ปีการศึกษา 2564 พฤติกรรมการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนตามตัวบ่งชี้ที่โรงเรียนกำหนด ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านบุคลิกภาพ 2) ด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และ 3) ด้านสุขภาวะทางอารมณ์ มีค่าเฉลี่ยร้อยละ ระหว่าง 74.60 – 77.73 แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนปีการศึกษา 2564 มีการพัฒนาสูงกว่า ปีการศึกษา 2563 ทุกด้าน สอดคล้องตามสมมติฐาน

6. ความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และเครือข่ายชุมชนในการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรี ศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนโดยใช้ 5G MODEL โรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง หลังการพัฒนาปีการศึกษา 2563 และ 2564 พบว่า

ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มที่ตอบแบบสอบถาม พบว่า ครู มีความพึงพอใจ ค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมาก (= 3.74, . = 0.15) รองลงมาได้แก่ กลุ่มเครือข่ายชุมชน อยู่ในระดับมาก ( = 3.74 , S.D. = 0.15) ส่วนกลุ่มนักเรียน กลุ่มผู้ปกครอง และกลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจต่ำสุด อยู่ในระดับมากเช่นกัน ( = 3.70, S.D. = 0.33,0.12)

ปีการศึกษา 2564 โดยภาพรวม ทุกกลุ่มที่ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า กลุ่มนักเรียน มีความพึงพอใจ ค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.83, S.D. = 0.36) รองลงมาได้แก่ กลุ่มผู้ปกครอง อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.82, S.D. = 0.38) ส่วนกลุ่มครู มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจต่ำสุด อยู่ในระดับมากที่สุด เช่นกัน (= 4.65, . = 0.13) สอดคล้องตามสมมติฐาน

7. ผลกระทบเชิงบวก หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2563 – 2564 พบว่า โรงเรียน ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและนักเรียนโรงเรียนกงหราพิชากร จังหวัดพัทลุง ได้รับการประกาศเกียรติคุณทั้งระดับจังหวัด / ภาค/ และประเทศ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย สอดคล้องตามสมมติฐาน

ข้อเสนอแนะเพื่อนำผลการวิจัยไปใช้

1. ด้าน Good Student ( นักเรียนดี ) นักเรียนควรเป็นบุคคลที่มีน้ำใจงาม ความรู้ดี มีความสุข มีความสมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดํารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ตนเองและแก่สังคมส่วนรวมในอนาคต

2. ด้าน Good School ( โรงเรียนเด่น) โรงเรียนควรสร้างโอกาสให้กับนักเรียนพัฒนาตนเองไปสู่ความสำเร็จ พัฒนาแหล่งเรียนรู้มีความหลากหลาย ให้เอื้อต่อการพัฒนานักเรียนให้มีความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรี และศิลปวัฒนธรรมของนักเรียนสู่ความเป็นเลิศ เช่น ศูนย์อนุรักษ์มวยไทย วงดนตรี กิจกรรมสืบสานมโนราห์ เพื่อให้ตรงกับศักยภาพ ความถนัดของนักเรียน เข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ ขับเคลื่อนการศึกษาเพื่ออาชีพ เพิ่มช่องทางในการเลือกศึกษา นักเรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างมีคุณภาพ

3. ด้าน Good Teacher ( ครูเป็นนักพัฒนา) ครูต้องมีความกระตือรือร้น พัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอให้ มีศักยภาพในการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร สมรรถนะ คุณลักษณะพึงประสงค์ มีทักษะในการปฏิบัติหน้าที่ได้ดี มีความรู้ความสามารถในการใช้สื่อเทคโนโลยี มีการพัฒนาตนเองทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจิตวิญญาณความเป็นครูและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักเรียน

4. ด้าน Good Management ระบบการบริหารก้าวหน้า (การบริหารจัดการดี) “พันธสัญญา พลังประชารัฐ ร่วมใจ ” สถานศึกษาควรจัดทำ MOU กับพลังประชารัฐ และสร้างพลังขับเคลื่อนพัฒนาเป็นการส่งเสริมให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ดนตรีและศิลปวัฒนธรรมของนักเรียน กิจกรรมระดมทรัพยากรการศึกษาขั้นพื้นฐานส่งผลให้โรงเรียนมีความพร้อมในการพัฒนาความสามารถพิเศษของนักเรียนอย่างรอบด้าน อันก่อให้เกิดผลดีต่อระบบการบริหารอย่างคล่องตัว

5. ด้าน Good community (สร้างศรัทธาจากชุมชน ) “เกียรติคุณหลากหลาย รางวัลมากมาย ก้าวไกลสู่ความสำเร็จ โรงเรียนควรจัดกิจกรรมวันเกียรติยศ และกิจกรรมเผยแพร่ผลงานของโรงเรียนสู่สาธารณชน เพื่อให้ชุมชนมีความศรัทธา เชื่อมั่น ยอมรับ ให้การสนับสนุน สร้างความแน่นแฟ้นกับโรงเรียน และร่วมชื่นชมความสำเร็จด้วยความภาคภูมิใจในการประกาศเกียรติภูมิวิถี

6. หลังการพัฒนาโรงเรียนควรมีการตรวจสอบพฤติกรรมที่สะท้อนการพัฒนาความสามารถพิเศษของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง เพื่อดูแนวโน้มความยั่งยืนหรือความคงทนถาวรของการพัฒนาความสามารถพิเศษ และทบทวนกิจกรรมต่างๆ เพื่อปรับปรุงพัฒนาให้สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ของโรงเรียน เช่นในด้านวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ ของโรงเรียน การเปลี่ยนแปลงของครู การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักเรียนและการเปลี่ยนแปลงของชุมชน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายแห่งรัฐ อย่างน้อยปีละ1 ครั้ง

ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป

1. ควรมีการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการดำเนินการส่งเสริมและบริหารจัดการพัฒนาความสามารถพิเศษของนักเรียนโดยใช้รูปแบบการบริหารตามแนวทางนี้

2. ควรนำแนวทางที่ได้จากการวิจัยครั้งนี้ ไปทดลองใช้ในโรงเรียนอื่นทั้งในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา หรืออื่น ๆ แล้วทำการเปรียบเทียบว่าได้ผลเหมือนกัน หรือแตกต่างกันอย่างไร

โพสต์โดย ขรรค์ชัย : [3 มี.ค. 2565 เวลา 02:57 น.]
อ่าน [2133] ไอพี : 184.22.45.177
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 7,244 ครั้ง
คนคือความท้าทาย
คนคือความท้าทาย

เปิดอ่าน 149,964 ครั้ง
เพลง   :   Jingle Bell
เพลง : Jingle Bell

เปิดอ่าน 12,594 ครั้ง
นม ร.ร.ป้องกัน มะเร็ง ช่วยไม่ให้เกิดขึ้นเมื่อตอนเป็นผู้ใหญ่
นม ร.ร.ป้องกัน มะเร็ง ช่วยไม่ให้เกิดขึ้นเมื่อตอนเป็นผู้ใหญ่

เปิดอ่าน 11,046 ครั้ง
ใช้คณิตศาสตร์ ศึกษาภาพฝาผนัง
ใช้คณิตศาสตร์ ศึกษาภาพฝาผนัง

เปิดอ่าน 9,051 ครั้ง
ระวังคาเฟอีนในขนมเด็ก
ระวังคาเฟอีนในขนมเด็ก

เปิดอ่าน 24,925 ครั้ง
Do’s Don’ts เคี้ยวให้ฟันปลอดภัย
Do’s Don’ts เคี้ยวให้ฟันปลอดภัย

เปิดอ่าน 13,204 ครั้ง
5 สิ่งมหัศจรรย์ (ทางเลือก) ของโลก
5 สิ่งมหัศจรรย์ (ทางเลือก) ของโลก

เปิดอ่าน 11,384 ครั้ง
ทีลอซู น้ำตกในฝัน ของนักผจญภัย
ทีลอซู น้ำตกในฝัน ของนักผจญภัย

เปิดอ่าน 16,591 ครั้ง
ฮิตจัด มาชม กังนัมสไตล์ ฉบับ "ทหารเรือไทย"
ฮิตจัด มาชม กังนัมสไตล์ ฉบับ "ทหารเรือไทย"

เปิดอ่าน 15,515 ครั้ง
เกิดทฤษฎีอันใหม่ดาวพุธกับดาวศุกร์ เป็นเศษเดน ของโลก
เกิดทฤษฎีอันใหม่ดาวพุธกับดาวศุกร์ เป็นเศษเดน ของโลก

เปิดอ่าน 13,994 ครั้ง
5 สัญญาณโรคร้าย ที่ชายไม่ควรเมิน
5 สัญญาณโรคร้าย ที่ชายไม่ควรเมิน

เปิดอ่าน 31,161 ครั้ง
หลักเกณฑ์สอบบรรจุครูผู้ช่วย
หลักเกณฑ์สอบบรรจุครูผู้ช่วย

เปิดอ่าน 18,072 ครั้ง
กินลูกเดือยต้านมะเร็ง
กินลูกเดือยต้านมะเร็ง

เปิดอ่าน 7,623 ครั้ง
ราชภัฏกับธนาคาร
ราชภัฏกับธนาคาร

เปิดอ่าน 23,376 ครั้ง
นโยบายและมาตรฐานการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา
นโยบายและมาตรฐานการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา

เปิดอ่าน 4,493 ครั้ง
กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการให้คุณให้โทษ และสร้างขวัญกำลังใจข้าราชการ
กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการให้คุณให้โทษ และสร้างขวัญกำลังใจข้าราชการ
เปิดอ่าน 16,174 ครั้ง
ตัวอย่างบริษัท ที่ไม่ควรทำงานด้วย
ตัวอย่างบริษัท ที่ไม่ควรทำงานด้วย
เปิดอ่าน 60,921 ครั้ง
9 เหตุผลที่คนเก่ง ก้าวไปได้ไม่ไกลในสายงาน
9 เหตุผลที่คนเก่ง ก้าวไปได้ไม่ไกลในสายงาน
เปิดอ่าน 18,035 ครั้ง
กินปลาจะช่วยป้องกันรักษาชีวิต สกัดหลอดเลือดตีบตัน
กินปลาจะช่วยป้องกันรักษาชีวิต สกัดหลอดเลือดตีบตัน
เปิดอ่าน 6,975 ครั้ง
แนวการสอนซ่อมเสริมการอ่านและการเขียน ประถมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1-7
แนวการสอนซ่อมเสริมการอ่านและการเขียน ประถมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1-7

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ