ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
โครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โรงเรียนวัดเพ็งประดิษฐาราม

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

การประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน โรงเรียนวัดเพ็งประดิษฐาราม ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ประเมินบริบทของโครงการเกี่ยวกับระดับความต้องการจำเป็น และระดับความเป็นไปได้ของโครงการ ประเมินปัจจัยนำเข้าของโครงการ เกี่ยวกับระดับความเหมาะสมของบุคลากร และระดับความเหมาะสมของงบประมาณ ประเมินกระบวนการของโครงการเกี่ยวกับร้อยละของกิจกรรมดำเนินการ และร้อยละของการติดตามโครงการ ประเมินผลผลิตของโครงการ เกี่ยวกับความสามารถในการอ่าน นิสัยรักการอ่าน ผลสัมฤทธิ์การอ่าน RT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ผลสัมฤทธิ์การสอบ(O-NET) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6วิชาภาษาไทย และความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องที่มีต่อโครงการ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ได้แก่ นักเรียน ครู ผู้ปกครองนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 510 คน ประกอบด้วยนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 จำนวน 248 คน ครู จำนวน 32 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 217 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามชนิดมาตรประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 7 ฉบับ แบบบันทึก 3 ฉบับ และแบบสัมภาษณ์ จำนวน 2 ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติอ้างอิงใช้ t-Test แบบไม่อิสระ สถิติที่ใช้หาความตรงของเครื่องมือ ใช้สูตร IOC ใช้แอลฟ่าหาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามโดยใช้สูตรของครอนบัค ซึ่งผลการประเมินโครงการสรุปได้ ดังนี้

ผลการประเมินโดยภาพรวม พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมากที่สุด ซึ่งประเด็นการประเมินทั้ง 4 ด้าน ผ่านเกณฑ์การประเมินที่ตั้งไว้ โดยผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับมากที่สุดทุกประเด็น ผลการประเมินรายประเด็นและรายตัวชี้วัด สรุปได้ดังนี้

1. ผลการประเมินประเด็นบริบท พบว่า มีผลการดำเนินโครงการประเด็นบริบทในระดับมากที่สุด โดยตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมิน ทั้ง 2 ตัวชี้วัด ดังนี้

1.1.ความต้องการจำเป็นในการจัดทำโครงการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับมากที่สุด

1.2 ความเป็นไปได้ของโครงการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับมากที่สุด

2. ผลการประเมินประเด็นปัจจัยนำเข้า พบว่า มีผลการดำเนินโครงการประเด็นปัจจัยนำเข้าในระดับมากที่สุด โดยตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมิน ทั้ง 2 ตัวชี้วัด ดังนี้

2.1 ความเหมาะสมของบุคลากร พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมากที่สุด

2.2 .ความเหมาะสมของงบประมาณ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมากที่สุด

3. ผลการประเมินประเด็นกระบวนการ พบว่า มีผลการดำเนินโครงการประเด็นกระบวนการในระดับมากที่สุด โดยตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมิน ทั้ง 2 ตัวชี้วัด ดังนี้

3.1 กิจกรรมที่ดำเนินการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมากที่สุด

3.2 การติดตามโครงการพบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมากที่สุด

4. ผลการประเมินประเด็นผลผลิต พบว่า มีผลการดำเนินโครงการในประเด็นผลผลิต ในระดับมากที่สุด โดยตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมิน ทั้ง 8 ตัวชี้วัด ดังนี้

4.1 ความสามารถในการอ่าน พบว่า หลังจากเข้าร่วมโครงการแล้ว นักเรียนมีคะแนนสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 ในระดับมากที่สุด

4.2 นิสัยรักการอ่าน พบว่า หลังเข้าร่วมโครงการแล้ว นักเรียนมีคะแนนสูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 ในระดับมากที่สุด

4.3 ผลสัมฤทธิ์การอ่าน RT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พบว่า หลังจากเข้าร่วมโครงการแล้ว นักเรียนมีคะแนนสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 ในระดับมากที่สุด

4.4 ผลสัมฤทธิ์การสอบ O-NET ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 วิชาภาษาไทย พบว่า หลังจากเข้าร่วมโครงการแล้ว นักเรียนมีคะแนนสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ในระดับมาก

4.5 ความพึงพอใจ ของนักเรียน พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมาก

4.6 ความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียน พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมาก

4.7 ความพึงพอใจของครู พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมาก

4.8 ความพึงพอใจ ของคณะกรรมการสถานศึกษา พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมากที่สุด

ข้อเสนอแนะ

จากผลการประเมินที่พบว่า ประเด็นบริบท โรงเรียนจึงควรดำเนินโครงการนี้ต่อไป และผู้เกี่ยวข้อง ควรนำผลการประเมินไปปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามข้อเสนอแนะดังนี้

1. การกำหนดกิจกรรมดำเนินการของโครงการต้องให้สอดคล้องและเหมาะสมกับบริบท ของโรงเรียน เป็นการตอบสนองต่อความต้องการจำเป็นและความเป็นไปได้ในการพัฒนา ของนักเรียน ครู และผู้ปกครองอย่างแท้จริง

2. ปัจจัยที่ใช้ในการดำเนินงาน เป็นทรัพยากรที่สำคัญในการขับเคลื่อนโครงการให้ไปสู่ความสำเร็จ ควรพัฒนาบุคลากรผู้รับผิดชอบให้พร้อมก่อนที่จะปฏิบัติงาน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง บรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ควรสนับสนุนงบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือและเทคโนโลยี ที่ต้องใช้ในการดำเนินโครงการให้เหมาะสมกับการทำกิจกรรม ให้บรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลสูงสุด

3. การปฏิบัติงานตามกิจกรรมการดำเนินการของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน มีหลายกิจกรรมที่ต้องอาศัยผู้ปฏิบัติที่มีความรู้และทักษะเฉพาะด้าน จึงควรให้ผู้รับผิดชอบโครงการและครูที่มีความรู้ความสามารถ รับผิดชอบโครงการ เพื่อให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ

4. จากผลการประเมินที่พบว่า ประเด็นผลผลิตของโครงการ ตัวชี้วัด ความพึงพอใจของครูที่มีต่อโครงการ อยู่ในระดับมาก แต่เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อคำถามที่ว่าการดำเนินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ส่งผลต่อความกระตือรือร้นในการเรียนของนักเรียนในรายวิชาต่างๆของนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 จึงควรดำเนินการ เร่งรัดให้ครูพัฒนาการเรียนการสอนโดยการใช้กิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอและเกิดประสิทธิภาพ เพื่อส่งผลให้นักเรียนมีความสามารถในการอ่าน มีนิสัยรักการอ่าน และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น เป็นการสร้างความพึงพอใจแก่นักเรียน ผู้ปกครอง ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้เกี่ยวข้อง และควรจัดกิจกรรมส่งเสริมให้นักเรียน ได้เรียนรู้ที่หลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพ ในการสร้างความพึงพอใจแก่นักเรียน ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้เกี่ยวข้องให้มากยิ่งขึ้น

โพสต์โดย ชัยสิทธิ์ จุลนิล : [7 ก.ค. 2565 เวลา 05:51 น.]
อ่าน [1973] ไอพี : 1.46.148.170
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 66,179 ครั้ง
สูตรปริมาตรทรงกระบอก
สูตรปริมาตรทรงกระบอก

เปิดอ่าน 12,526 ครั้ง
กระโดดเชือกแบบทีมเจ๋งๆ ลีลาเทพโคตร! ขอบอก
กระโดดเชือกแบบทีมเจ๋งๆ ลีลาเทพโคตร! ขอบอก

เปิดอ่าน 10,845 ครั้ง
5 อภิมหาม้าเหล็ก ทุบสถิติ วิ่งเร็วที่สุดในโลก
5 อภิมหาม้าเหล็ก ทุบสถิติ วิ่งเร็วที่สุดในโลก

เปิดอ่าน 30,733 ครั้ง
กระบี่กระบอง
กระบี่กระบอง

เปิดอ่าน 61,357 ครั้ง
หลักธรรมของชีวิตคู่
หลักธรรมของชีวิตคู่

เปิดอ่าน 894 ครั้ง
เก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องเพิ่ม Multi-skill ให้ตัวเองด้วย
เก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องเพิ่ม Multi-skill ให้ตัวเองด้วย

เปิดอ่าน 51,693 ครั้ง
กินแอปเปิ้ล ลดไข้
กินแอปเปิ้ล ลดไข้

เปิดอ่าน 162,408 ครั้ง
ปลาหมอสี วิธีการเลี้ยงปลาหมอสี อาหารปลาหมอสี
ปลาหมอสี วิธีการเลี้ยงปลาหมอสี อาหารปลาหมอสี

เปิดอ่าน 21,011 ครั้ง
ข่าวดีของบรรดาคนศีรษะล้านทั้งโลก ยาโรคต้อหินกลายเป็นยาปลูกผมได้
ข่าวดีของบรรดาคนศีรษะล้านทั้งโลก ยาโรคต้อหินกลายเป็นยาปลูกผมได้

เปิดอ่าน 11,622 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาหลังยุค รธน.มีชัย โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์
ปฏิรูปการศึกษาหลังยุค รธน.มีชัย โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์

เปิดอ่าน 23,356 ครั้ง
"ชงโค"..ไม้ประดับที่มีสรรพคุณรักษาโรค
"ชงโค"..ไม้ประดับที่มีสรรพคุณรักษาโรค

เปิดอ่าน 26,275 ครั้ง
เกษตรกรมือใหม่ต้องรู้ ระบบน้ำเลี้ยงมีความสำคัญมากยังไง
เกษตรกรมือใหม่ต้องรู้ ระบบน้ำเลี้ยงมีความสำคัญมากยังไง

เปิดอ่าน 20,592 ครั้ง
8 ตำรับใช้ข้าวเป็นยารักษาโรค
8 ตำรับใช้ข้าวเป็นยารักษาโรค

เปิดอ่าน 14,814 ครั้ง
เจ้านายจู้จี้ ขี้บ่น ทำยังไงดี
เจ้านายจู้จี้ ขี้บ่น ทำยังไงดี

เปิดอ่าน 18,907 ครั้ง
กินแก้โรค ข้าวสมุนไพรหลากสี
กินแก้โรค ข้าวสมุนไพรหลากสี

เปิดอ่าน 19,769 ครั้ง
หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายครู
หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายครู
เปิดอ่าน 129,961 ครั้ง
แบบคำขอรับการประเมิน(ก.ค.ศ.1-ก.ค.ศ.1/1) และแบบรายงานฯ(ก.ค.ศ.2-ก.ค.ศ.3)
แบบคำขอรับการประเมิน(ก.ค.ศ.1-ก.ค.ศ.1/1) และแบบรายงานฯ(ก.ค.ศ.2-ก.ค.ศ.3)
เปิดอ่าน 16,184 ครั้ง
โอกาสไม่ถึง 50-50 จะได้เห็น ขั้วโลกเหนือปลอดน้ำแข็งหุ้ม
โอกาสไม่ถึง 50-50 จะได้เห็น ขั้วโลกเหนือปลอดน้ำแข็งหุ้ม
เปิดอ่าน 17,992 ครั้ง
ไม้มงคลประจำวันเกิด ปลูกเสริมโชคลาภ
ไม้มงคลประจำวันเกิด ปลูกเสริมโชคลาภ
เปิดอ่าน 16,623 ครั้ง
การศึกษาชำรุด-เด็กไม่รู้จักตัวเอง ปรับระบบสอบแค่แก้ปัญหาปลายเหตุ
การศึกษาชำรุด-เด็กไม่รู้จักตัวเอง ปรับระบบสอบแค่แก้ปัญหาปลายเหตุ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ