ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รายวิชาสตรีมศึกษา (สาระเพิ่มเติม) สำหรับน

ชื่อเรื่อง การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education)

เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

และเทคโนโลยี รายวิชาสตรีมศึกษา (สาระเพิ่มเติม) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

ผู้วิจัย นางสาวจิราพร นิลพันธ์

ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2563

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการ สำหรับพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ 2) พัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาสตรีมศึกษา (สาระเพิ่มเติม) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาสตรีมศึกษา (สาระเพิ่มเติม) ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 4) เปรียบเทียบทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาสตรีมศึกษา (สาระเพิ่มเติม) ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 5) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาสตรีมศึกษา (สาระเพิ่มเติม) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 28 คน ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด สำนักการศึกษา เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ซึ่งกลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยของการสุ่มโดยใช้วิธีการจับฉลาก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์ครูผู้สอน 2) แบบสอบถามเกี่ยวกับความต้องการ 3) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 10 แผน รวมเวลา 38 ชั่วโมง 5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ

4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่าย (p) ตั้งแต่ 0.33 - 0.75 มีค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.23 - 0.83 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.87 และ 6) แบบวัดความพึงพอใจ จำนวน 17 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (rxy) ตั้งแต่ 0.24 – 0.83 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.89 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบด้วย t-test (Dependent Sample)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า 1) ผลจากการสัมภาษณ์ครู พบว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ ทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ง่าย ๆ ผ่านสิ่งรอบ ๆ ตัว ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นความช่างสังเกต ความคิดวิเคราะห์ แก้ไขปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานเป็นทีม ทำให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา ส่งผลให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะรอบด้านผ่านการลงมือปฏิบัติจริง และ 2) ผล

การสอบถามนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อความต้องการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

2. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาสตรีมศึกษา (สาระเพิ่มเติม) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 84.23/83.84 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้

3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาสตรีมศึกษา (สาระเพิ่มเติม) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. นักเรียนที่เรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาสตรีมศึกษา (สาระเพิ่มเติม) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์เฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

5. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสตรีมศึกษา (STEAM Education) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาสตรีมศึกษา (สาระเพิ่มเติม) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย ครูนิด : [28 ก.พ. 2566 เวลา 12:30 น.]
อ่าน [100514] ไอพี : 14.207.207.117
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 57,069 ครั้ง
ใครว่าการเขียนด้วยลายมือนั้นล้าสมัย?
ใครว่าการเขียนด้วยลายมือนั้นล้าสมัย?

เปิดอ่าน 29,775 ครั้ง
หนังสือดีเด่น 2559 ที่พ่อแม่ควรให้ "ลูก" อ่าน
หนังสือดีเด่น 2559 ที่พ่อแม่ควรให้ "ลูก" อ่าน

เปิดอ่าน 35,550 ครั้ง
วิธีทำกระทง
วิธีทำกระทง

เปิดอ่าน 21,385 ครั้ง
เทควันโด : ประวัติเทควันโดในประเทศไทย
เทควันโด : ประวัติเทควันโดในประเทศไทย

เปิดอ่าน 19,352 ครั้ง
อันตราย! ขวดนม 80% มีสารเคมีอันตราย กระทบระบบสืบพันธุ์
อันตราย! ขวดนม 80% มีสารเคมีอันตราย กระทบระบบสืบพันธุ์

เปิดอ่าน 3,229 ครั้ง
ของฝากประจำจังหวัดศรีสะเกษ สินค้าแนะนำภาคอีสาน
ของฝากประจำจังหวัดศรีสะเกษ สินค้าแนะนำภาคอีสาน

เปิดอ่าน 17,002 ครั้ง
สาเหตุของความดันโลหิตสูงที่คาดไม่ถึง
สาเหตุของความดันโลหิตสูงที่คาดไม่ถึง

เปิดอ่าน 11,941 ครั้ง
A Systems Approach for Developing Technological Literacy
A Systems Approach for Developing Technological Literacy

เปิดอ่าน 20,157 ครั้ง
MV เพลง จำขึ้นใจ เพื่อรณรงค์ให้ข้าราชการปฏิบัติตนตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณ
MV เพลง จำขึ้นใจ เพื่อรณรงค์ให้ข้าราชการปฏิบัติตนตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณ

เปิดอ่าน 13,059 ครั้ง
ชมย้อนหลัง ดูดวงปี 58 กับ หมอช้าง และ อ.คฑา จากรายการตีสิบ
ชมย้อนหลัง ดูดวงปี 58 กับ หมอช้าง และ อ.คฑา จากรายการตีสิบ

เปิดอ่าน 18,481 ครั้ง
การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น
การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น

เปิดอ่าน 17,418 ครั้ง
เทควันโด : อวัยวะของร่างกายที่ใช้เป็นอาวุธ
เทควันโด : อวัยวะของร่างกายที่ใช้เป็นอาวุธ

เปิดอ่าน 21,500 ครั้ง
มังคุดคัด
มังคุดคัด

เปิดอ่าน 15,390 ครั้ง
รับประทาน "ไก่พื้นเมือง" ดีต่อสุขภาพอย่างไร
รับประทาน "ไก่พื้นเมือง" ดีต่อสุขภาพอย่างไร

เปิดอ่าน 144,328 ครั้ง
องค์ประกอบของระบบ
องค์ประกอบของระบบ

เปิดอ่าน 27,858 ครั้ง
6 วิธีรับปีใหม่แบบเฮงๆ จัดกระเป๋าสตางค์รับเงินไหล ใส่เสื้อ 5 สีมงคล
6 วิธีรับปีใหม่แบบเฮงๆ จัดกระเป๋าสตางค์รับเงินไหล ใส่เสื้อ 5 สีมงคล
เปิดอ่าน 22,083 ครั้ง
เหรียญกล้าหาญ
เหรียญกล้าหาญ
เปิดอ่าน 24,646 ครั้ง
ความวุ่นวายของการรายงาน จนครูไม่เป็นอันสอน
ความวุ่นวายของการรายงาน จนครูไม่เป็นอันสอน
เปิดอ่าน 11,945 ครั้ง
คลิปรถตู้อุบลฯ รับผู้โดยสารแน่นคัน 15 ที่นั่ง ยืนอีกเป็นสิบ
คลิปรถตู้อุบลฯ รับผู้โดยสารแน่นคัน 15 ที่นั่ง ยืนอีกเป็นสิบ
เปิดอ่าน 18,363 ครั้ง
ข่าวดีของคนอ้วน รูปร่างอวบตอนหลังกลับยืดอายุให้ยืน
ข่าวดีของคนอ้วน รูปร่างอวบตอนหลังกลับยืดอายุให้ยืน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ