ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเยผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับน

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเย

ผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถ

ในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา

สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ผู้วิจัย ณัฐชารัศม์ โชติธนากุลวสุ

ปีการศึกษา 2565

บทคัดย่อ

การวิจัย เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเย ผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเย ผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถ ในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเย ผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเย ผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ดังนี้ 3.1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน

โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเย ผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3.2) เพื่อศึกษาผลการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเย ผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเย ผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนเทศบาลอุโมงค์ ๑ ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน สังกัดกองการศึกษา เทศบาลตำบลอุโมงค์ จำนวน 18 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบวิเคราะห์ข้อมูล การประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) จำนวน 1 ฉบับ 2) รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเยผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

3) คู่มือการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา 4) ชุดการเรียนรู้ วิชาสุขศึกษา เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต จำนวน 10 ชุด 5) แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาสุขศึกษา เรื่อง ความปลอดภัยในชีวิต จำนวน 20 แผน 6) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ จำนวน 30 ข้อ 7) แบบวัดความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา จำนวน 20 ข้อ และ 8) แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 1 ชุด วิเคราะห์ข้อมูล โดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) การหาค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ ค่าประสิทธิภาพ และวิเคราะห์ความแตกต่างโดยใช้ t-test (Dependent Sample) ผลการวิจัยพบว่า

1. ข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเยผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากการวิเคราะห์เอกสารมีหลากหลาย ประกอบด้วย 1) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ภาพรวมการพัฒนาในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 หลักการสำคัญของการพัฒนาตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 จุดเปลี่ยนสำคัญในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 2) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 54 มาตรา 69 และมาตราอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา 3) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560-2579 วิสัยทัศน์ในการจัดการศึกษา วัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา เป้าหมายด้านผู้เรียน เป้าหมายของการจัดการศึกษายุทธศาสตร์ เป้าหมาย และตัวชี้วัดในแผนการศึกษาแห่งชาติ 4) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2553 5) สภาพปัจจุบันปัญหาการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาและงานวิจัย

ที่เกี่ยวข้อง 6) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 7) ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 8) แนวคิดการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning 9) แนวคิดทฤษฎีการเรียนรู้ของกานเย (Gagne) 10) แนวคิดทฤษฎีกลวิธีการคิดอุปนัย 11) แนวคิดทฤษฎีการคิดสร้างสรรค์ 12) แนวคิดทฤษฎีความสามารถในการแก้ปัญหา และ 13) การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน

2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเยผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ มีชื่อเรียกว่า “GASWS Model” (กาเอสดับเบิ้ลยูเอส โมเดล) ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ (1) ขั้นตอนที่ 1 เร่งเร้าความสนใจ (Gain Attention : G) (2) ขั้นตอนที่ 2 การนำเสนอเนื้อหาใหม่และการทำความเข้าใจอย่างละเอียด (Acquisition and Elaboration : A) (3) ขั้นตอนที่ 3 การเรียนรู้ด้วยตนเองจากการปฏิบัติ (Students’ Self learning by doing : S) (4) ขั้นตอนที่ 4 การอภิปรายทั้งชั้นเรียนและการเปรียบเทียบ (Whole Class Discussion and Comparison : W) และ (5) ขั้นตอนที่ 5 การสรุปโดยการเชื่อมโยงแนวคิดที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน (Summarization Through Connecting Students’ Ideas Emerged in the Classroom : S) 4) การวัดผลและประเมินผล และ 5) เงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเย ผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 82.58/83.52 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเยผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า

3.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเย ผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

3.2 การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเยผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชา สุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ของกานเยผสมผสานกับกลวิธีการคิดอุปนัย เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อยู่ในระดับพึงพอใจมาก

โพสต์โดย kratai : [27 ก.พ. 2567 (13:54 น.)]
อ่าน [100112] ไอพี : 118.172.9.50
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 17,517 ครั้ง
ถอดบทเรียนปฏิรูปการศึกษาเวียดนาม ทำอย่างไรถึงสำเร็จ
ถอดบทเรียนปฏิรูปการศึกษาเวียดนาม ทำอย่างไรถึงสำเร็จ

เปิดอ่าน 42,833 ครั้ง
คุณภาพของสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
คุณภาพของสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

เปิดอ่าน 12,606 ครั้ง
ทำอย่างไรให้ "เด็ก" ปลอดภัย ใน "อินเตอร์เน็ต"
ทำอย่างไรให้ "เด็ก" ปลอดภัย ใน "อินเตอร์เน็ต"

เปิดอ่าน 33,479 ครั้ง
มหาลัยล้น ห้องเรียนร้าง วิกฤตอุดมศึกษาไทย
มหาลัยล้น ห้องเรียนร้าง วิกฤตอุดมศึกษาไทย

เปิดอ่าน 1,953 ครั้ง
UNESCO ประกาศขึ้นทะเบียน "สงกรานต์ไทย" เป็นรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ
UNESCO ประกาศขึ้นทะเบียน "สงกรานต์ไทย" เป็นรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ

เปิดอ่าน 891 ครั้ง
5 ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อแบบหล่อเสาแอลให้ใช้งานได้นาน
5 ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อแบบหล่อเสาแอลให้ใช้งานได้นาน

เปิดอ่าน 49,107 ครั้ง
กินสเต๊กอย่างถูกวิธี
กินสเต๊กอย่างถูกวิธี

เปิดอ่าน 8,498 ครั้ง
วิธีเฟ้นคนแบบ "Google" ไม่สนปริญญา
วิธีเฟ้นคนแบบ "Google" ไม่สนปริญญา

เปิดอ่าน 29,701 ครั้ง
โปรแกรมสำหรับช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษา
โปรแกรมสำหรับช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษา

เปิดอ่าน 21,495 ครั้ง
มหัศจรรย์ "ผึ้งบำบัด" รักษาอาการเรื้อรัง-ไมเกรน-อัลไซเมอร์ กระแสตอบรับล้นหลาม
มหัศจรรย์ "ผึ้งบำบัด" รักษาอาการเรื้อรัง-ไมเกรน-อัลไซเมอร์ กระแสตอบรับล้นหลาม

เปิดอ่าน 33,611 ครั้ง
เรื่องของคาราโอเกะ
เรื่องของคาราโอเกะ

เปิดอ่าน 12,397 ครั้ง
4 พัฒนาการที่แม่ควรส่งเสริม
4 พัฒนาการที่แม่ควรส่งเสริม

เปิดอ่าน 4,964 ครั้ง
เทคโนโลยีทางเลือกสำหรับผู้ที่มีบุตรยาก มีอะไรบ้างนะ
เทคโนโลยีทางเลือกสำหรับผู้ที่มีบุตรยาก มีอะไรบ้างนะ

เปิดอ่าน 20,142 ครั้ง
เหงื่อบอกโรค
เหงื่อบอกโรค

เปิดอ่าน 8,145 ครั้ง
เอกสาร ก้าวแรกการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน Project Based Learnning PBL
เอกสาร ก้าวแรกการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน Project Based Learnning PBL

เปิดอ่าน 40,179 ครั้ง
ท็อป 10 ยอดศิลปินของตลาดโลก
ท็อป 10 ยอดศิลปินของตลาดโลก
เปิดอ่าน 20,817 ครั้ง
จดหมายลูกโซ่ มีความเป็นมาอย่างไร
จดหมายลูกโซ่ มีความเป็นมาอย่างไร
เปิดอ่าน 8,962 ครั้ง
แนะพ่อแม่เลือกเฟ้น หลีกของเล่นอันตราย
แนะพ่อแม่เลือกเฟ้น หลีกของเล่นอันตราย
เปิดอ่าน 14,554 ครั้ง
คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์
คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์
เปิดอ่าน 4,777 ครั้ง
ENNXO ชวนอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง ปี 2024 ที่ต้องอ่านสักครั้งในชีวิต
ENNXO ชวนอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง ปี 2024 ที่ต้องอ่านสักครั้งในชีวิต

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ