ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและเจตคติต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชื่อวิจัย การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมี

วิจารณญาณและเจตคติต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ผู้วิจัย นางสาวอาทิตยา การัมซอ

หน่วยงาน โรงเรียนบ้านตือระ มิตรภาพที่ 172 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นราธิวาส เขต 2

ปีที่วิจัย 2565-2566

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ วิธีดำเนินการวิจัยใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานของการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ และแบบสอบถาม ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนการสอน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ ร่างรูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบ และแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นตามรูปแบบ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบวัดทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และแบบสอบถามเจตคติ ต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ และขั้นตอนที่ 4 การประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบประเมินความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และความถูกต้องของรูปแบบ กลุ่มเป้าหมายที่นำรูปแบบไปใช้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านตือระ มิตรภาพที่ 172 อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 22 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์โดยการคำนวณหาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติที (t - test แบบ Dependent Samples) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและเจตคติต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ พบว่า จากการสัมภาษณ์ครูผู้สอน แนวทางในการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ ได้แก่ นักเรียนควรเรียนรู้และลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง เพราะถ้านักเรียนได้เรียนรู้และแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง นักเรียนจะมีความรู้ความเข้าใจที่คงทนกว่า การสอนแบบท่องจำ และเป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นนักเเรียนเป็นสำคัญ นักเรียนจะใช้ความรู้ความเข้าใจ การแสดงความคิดเห็น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เกี่ยวกับความคิดของตนเองในทักษะความคิดอย่างมีวิจารณญาณที่ดีขึ้น และสภาพปัญหาและความต้องการ ที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด

2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและเจตคติต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ มีองค์ประกอบสำคัญ 5 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ 4) การวัดและประเมินผล และ 5) เงื่อนไขการนำรูปแบบการเรียนการสอนไปใช้ โดยในองค์ประกอบที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนรู้ มีขั้นการสอน 6 ขั้นตอน (SIENEA Model) ได้แก่ ขั้นที่ 1 ขั้นกำหนดสถานการณ์ปัญหา (Situation) ขั้นที่ 2 ขั้นปฏิบัติการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry) ขั้นที่ 3 ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Exchange) ขั้นที่ 4 ขั้นสร้างองค์ความรู้ใหม่ (New knowledge creation) ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation Phase) และขั้นที่ 6 ขั้นวิเคราะห์และสรุปผล (Analyze and summary) และผลการประเมินรูปแบบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนการสอน มีความเหมาะสมมาก

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอน สรุปได้ดังนี้

3.2 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและเจตคติต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ มีคะแนนทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณภาพรวมในระดับสูงมาก

3.2 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและเจตคติต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3.3 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและเจตคติต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ มีเจตคติต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ อยู่ในระดับมากที่สุด

4. ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอน สรุปได้ดังนี้

4.1 รูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและเจตคติต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ มีผลการประเมินมาตรฐานความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสมและความถูกต้อง ในระดับมากที่สุด

4.2 ผลที่เกิดต่อครูผู้สอนและนักเรียน เกี่ยวกับรางวัล/เกียรติบัตรที่ได้รับระดับเครือข่ายทางการศึกษาขึ้นไป ได้รับรางวัล จำนวน 7 รายการ เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ จำนวนรางวัลที่ได้รับตั้งแต่ระดับเครือข่ายทางการศึกษาขึ้นไป มีไม่น้อยกว่า 5 รายการ ผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด

โพสต์โดย หญิงวัน : [16 ก.ค. 2567 (11:32 น.)]
อ่าน [59709] ไอพี : 49.228.93.80
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 23,556 ครั้ง
Backward Design
Backward Design

เปิดอ่าน 23,474 ครั้ง
ลักษณะที่ดีและลักษณะที่บกพร่องของงานวิจัยเชิงปริมาณที่เป็นปริญญานิพนธ์ (วิทยานิพนธ์)
ลักษณะที่ดีและลักษณะที่บกพร่องของงานวิจัยเชิงปริมาณที่เป็นปริญญานิพนธ์ (วิทยานิพนธ์)

เปิดอ่าน 15,306 ครั้ง
การทำบุญสะเดาะเคราะห์
การทำบุญสะเดาะเคราะห์

เปิดอ่าน 20,661 ครั้ง
รายงานการวิจัย สถานภาพการประยุกต์ใช้ ICT เพื่อการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานรองรับการปฏิรูปการศึกษ
รายงานการวิจัย สถานภาพการประยุกต์ใช้ ICT เพื่อการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานรองรับการปฏิรูปการศึกษ

เปิดอ่าน 69,915 ครั้ง
ระบบการสอนของดิคและคาเรย์ (Dick and Carey)
ระบบการสอนของดิคและคาเรย์ (Dick and Carey)

เปิดอ่าน 2,427 ครั้ง
4 จุดภายในบ้าน ที่ควรตรวจสอบ ป้องกันผู้สูงวัยลื่นล้ม เสี่ยงอันตราย
4 จุดภายในบ้าน ที่ควรตรวจสอบ ป้องกันผู้สูงวัยลื่นล้ม เสี่ยงอันตราย

เปิดอ่าน 22,245 ครั้ง
ดื่มเบียร์ทุกวัน ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้นได้
ดื่มเบียร์ทุกวัน ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้นได้

เปิดอ่าน 915 ครั้ง
วิธีซื้อประกันออนไลน์ต้องพิจารณาที่อะไรบ้าง คุ้มค่าไหม?
วิธีซื้อประกันออนไลน์ต้องพิจารณาที่อะไรบ้าง คุ้มค่าไหม?

เปิดอ่าน 18,117 ครั้ง
เลือดกำเดาไหล
เลือดกำเดาไหล

เปิดอ่าน 4,724 ครั้ง
คนกินเค็มต้องระวัง "โซเดียมในเลือดสูง"
คนกินเค็มต้องระวัง "โซเดียมในเลือดสูง"

เปิดอ่าน 46,191 ครั้ง
5 ผักธรรมดาที่ไม่ธรรมดา กินมากไประวังอาการเหล่านี้!!
5 ผักธรรมดาที่ไม่ธรรมดา กินมากไประวังอาการเหล่านี้!!

เปิดอ่าน 11,266 ครั้ง
7 วิธี เอาชนะริ้วรอย
7 วิธี เอาชนะริ้วรอย

เปิดอ่าน 111,640 ครั้ง
ครูกับการจัดการเรียนการสอน
ครูกับการจัดการเรียนการสอน

เปิดอ่าน 70,168 ครั้ง
จำนวนข้าราชการครูจำแนกตามระดับวิทยฐานะ
จำนวนข้าราชการครูจำแนกตามระดับวิทยฐานะ

เปิดอ่าน 22,052 ครั้ง
สุนัขบ้ากัด
สุนัขบ้ากัด

เปิดอ่าน 28,912 ครั้ง
บุญบั้งไฟ
บุญบั้งไฟ
เปิดอ่าน 16,329 ครั้ง
ทำไมคนไทยปฏิรูปการศึกษาไม่ได้ผล
ทำไมคนไทยปฏิรูปการศึกษาไม่ได้ผล
เปิดอ่าน 3,951 ครั้ง
"ไซยาไนด์" คืออะไร อันตรายแค่ไหน
"ไซยาไนด์" คืออะไร อันตรายแค่ไหน
เปิดอ่าน 14,353 ครั้ง
หน้ากากอนามัย ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี
หน้ากากอนามัย ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี
เปิดอ่าน 4,245 ครั้ง
4 เรื่องไม่จริงเกี่ยวกับ PDPA พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
4 เรื่องไม่จริงเกี่ยวกับ PDPA พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ