1. ความสำคัญของผลงานหรือนวัตกรรมที่นำเสนอ
ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ ทรัพยากรมนุษย์ ประเด็นที่ 3 การปฏิรูปการเรียนรู้แบบพลิกโฉม ข้อ 3.1 การปรับเปลี่ยนระบบการเรียนรู้ ให้เอื้อต่อการพัฒนาทักษะสำหรับศตวรรษที่ 21 ได้กำหนดเป้าหมายให้คนไทยเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ พร้อมสำหรับวิถีชีวิตในศตวรรษที่ 21 และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560 2564 ที่มีเป้าหมายเพื่อเตรียมคนในสังคมไทยให้มีทักษะในการดำรงชีวิตสำหรับโลกศตวรรษที่ 21 ซึ่งหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลด้านการศึกษาในการเตรียมความพร้อมให้กับคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 ให้เท่าทันพลวัตของการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนโยบายจุดเน้นกระทรวงศึกษาธิการ และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ได้มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามกระบวนการเรียนรู้ และมีสมรรถนะหลัก 5 ประการ คือความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิต และการใช้เทคโนโลยีในระดับประถมศึกษาให้จัดการเรียนการสอนเพื่อฝึกทักษะสื่อสาร และพัฒนาครูให้มีความชำนาญในการสอน ภาษาอังกฤษ กอปรกับนโยบายด้านการศึกษาของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในการพัฒนาคนสู่ศตวรรษที่ 21 โดยสนับสนุนให้เด็กไทยได้เรียนภาษาอังกฤษพร้อมพัฒนาหลักสูตรรองรับโลกยุคดิจิทัล
กระทรวงศึกษาศึกษาธิการมีนโยบายปฏิรูประบบการเรียนการศึกษา เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน โดยเฉพาะทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้เพื่อการพัฒนาตน ซึ่งนําไปสู่ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษผู้สอนต้องปรับเปลี่ยน และประยุกต์วิธีการสอนของตนเพื่อ สามารถเลือกวิธีสอน กิจกรรมการเรียนการสอน ตลอดจนสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนและจุดมุ่งหมายของ การเรียนภาษาในแต่ละระดับชั้น ซึ่งทําให้การเรียนการสอนนั้นมีประสิทธิภาพ แนวคิดสําคัญที่ครูในศตวรรษที่ 21 ต้องเรียนรู้เพื่อนํามาจัดการเรียนการสอนมีดังต่อไปนี้คือ (กระทรวงศึกษาธิการ (2545, หน้า 144-145)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมุ่งหวังให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อภาษาต่างประเทศ สามารถใช้ภาษาต่างประเทศสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ แสวงหาความรู้ประกอบอาชีพ รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจเรื่องราวและวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคมโลกและสามารถถ่ายทอดความคิดและวัฒนธรรมไทยไปสู่สังคมโลกได้อย่างสร้างสรรค์โดยได้กำหนดสาระหลักที่จําเป็นสําหรับนักเรียนทุกคนซึ่งประกอบด้วยภาษาเพื่อการสื่อสาร ภาษาและวัฒนธรรม ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนโลก (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551)
สืบเนื่องจากนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยเป็นแนวคิดสำคัญในการพัฒนาคุณภาพนักเรียนอย่างมีคุณภาพ นิยามของ Active Learning มีหลายความหมาย โดยสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2560) อธิบายว่า Active Learning คือ กระบวนการที่เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมดำเนินการในกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งด้วยการเชื่อมโยงนักเรียนกับเนื้อหาในองค์ความรู้ทั้งที่เป็นข้อเท็จจริง แนวความคิดและทักษะผ่านกิจกรรมต่างๆ นักเรียนได้ลงมือทำงานและใช้กระบวนการคิดค้นคว้าแสวงหาความรู้ ไตร่ตรอง สะท้อนคิด อภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่นักเรียนได้ปฏิบัติ และมีบทบาทในการสร้างการเรียนรู้ของตนเองซึ่งจะเห็นคำสำคัญจากนิยาม ได้แก่ การมีส่วนร่วม ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง การค้นคว้า สะท้อนคิด เเละการปฏิบัติ โดยพฤติกรรมการเรียนรู้ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ในหลากหลายรูปแบบการสอน โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ถือเป็นอีกรูปแบบ วิธีการในการสร้างพลังการเปลี่ยนแปลงนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้บอร์ดเกมเพื่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ อยู่ในแนวทางของการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐาน (GBL) โดยรูปแบบลักษณะเเละโครงสร้างของบอร์ดเกมมีความหลากหลาย เเละแตกต่างกันไปตามบริบทของเกม เเต่เมื่อนำบอร์ดเกมมาใช้ในการเรียนรู้ หัวใจสำคัญของการใช้บอร์ดเกมเพื่อการสอน คือ "การใช้กระบวนการ Active Learning เพื่อให้นำไปสู่ Transformation Level" โดยการเข้าไปสู่ระดับของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักเรียนภายใต้แนวคิดของการเรียนรู้เชิงรุก เเละฐานความเชื่อของการใช้เกมเพื่อการเรียนรู้
จากการจัดการเรียนการสอนที่ผ่านมาพบว่า นักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนเขื่อนเพชร (ชลประทานสงเคราะห์) ยังไม่สามารถจดจำและอ่านสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร จึงได้ทำการสร้างสื่อการเรียนรู้ ชุดบอร์ดเกม Phonics board games ขึ้น เพื่อช่วยเป็นสื่อการสอนที่จะช่วยฝึกฝนให้นักเรียนสามารถอ่านสะกดคำศัพท์ได้อย่างถูกต้องตามหลักการอ่านสะกดคำศัพท์แบบโฟนิกส์และเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินกับการเรียนรู้ บนทฤษฎีของการสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองการเรียนรู้ของนักเรียนในช่วงวัยประถมศึกษา เพื่อช่วยให้นักเรียนได้พัฒนาการเรียนรู้การอ่านสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง เข้าใจ และมีความมั่นใจในการออกเสียงคำศัพท์มากยิ่งขึ้น
2. วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน
2.1 เชิงปริมาณ
2.1.1 เพื่อให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ มีทักษะการอ่านสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษหลังเรียนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games สูงขึ้นกว่าก่อนเรียน ร้อยละ ๗๐
2.1.2 เพื่อให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ร้อยละ ๘๐ มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games อยู่ในระดับมาก
2.1.3 เพื่อให้ผู้ปกครอง ร้อยละ 80 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games อยู่ในระดับมาก
2.2 เชิงคุณภาพ
2.2.1 เพื่อให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ มีทักษะการอ่านสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษ หลังเรียนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games สูงขึ้นกว่าก่อนเรียน
2.2.2 เพื่อให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games
2.2.3 เพื่อให้ผู้ปกครองมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games
2.2.4 เพื่อเผยแพร่นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games
3. กระบวนการผลิตผลงาน หรือขั้นตอนการดำเนินงาน
3.๑ กระบวนการผลิตผลงาน
3.1.1 การกำหนดเป้าหมายการสร้างสื่อการสอน
3.๑.๒ หลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่ใช้ในการสร้าง/พัฒนาสื่อการสอน
ในการพัฒนานวัตกรรม สื่อการเรียนรู้ ชุดบอร์ดเกม Phonics board games เพื่อพัฒนาการอ่านสะกดคำศัพท์พื้นฐานภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้ดีขึ้น ได้ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานตามหัวข้อดังต่อไปนี้
1) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ
2) การออกเสียงภาษาอังกฤษตามหลักภาษาศาสตร์
3) การอ่านออกเสียงสะกดคำ
4) การเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐาน (Game-based Learning)
5) งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551) ในสังคมโลกปัจจุบัน การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อสื่อสาร การศึกษา การแสวงหาความรู้ การประกอบอาชีพ การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและวิสัยทัศน์ของชุมชนโลก และตระหนักถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองของสังคมโลก นำมาซึ่งมิตรไมตรีและความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีความเข้าใจตนเองและผู้อื่นดีขึ้น เรียนรู้และเข้าใจความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี การคิด สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง มีเจตคติที่ดีต่อการใช้ภาษาต่างประเทศ และใช้ภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารได้ รวมทั้งเข้าถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ ได้ง่ายและกว้างขึ้น และมีวิสัยทัศน์ในการดำเนินชีวิต
ภาษาต่างประเทศที่เป็นสาระการเรียนรู้พื้นฐาน ซึ่งกำหนดให้เรียนตลอดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ ภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาต่างประเทศอื่น เช่น ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุ่น อาหรับ บาลี และภาษากลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน หรือภาษาอื่นๆ ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะจัดทำรายวิชาและจัดการเรียนรู้ตามความเหมาะสม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ มุ่งหวังให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อภาษาต่างประเทศ สามารถใช้ภาษาต่างประเทศสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ แสวงหาความรู้ ประกอบอาชีพ และศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวและวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคมโลก และสามารถถ่ายทอดความคิดและวัฒนธรรมไทยไปยังสังคมโลกได้อย่างสร้างสรรค์ ประกอบด้วยสาระสำคัญ ดังนี้
ภาษาเพื่อการสื่อสาร การใช้ภาษาต่างประเทศในการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน
แลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและความคิดเห็น ตีความ นำเสนอข้อมูล ความคิดรวบยอดและความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลอย่างเหมาะสม
ภาษาและวัฒนธรรม การใช้ภาษาต่างประเทศตามวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
ความสัมพันธ์ ความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับวัฒนธรรมไทย และนำไปใช้อย่างเหมาะสม
ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น การใช้ภาษาต่างประเทศใน
การเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น เป็นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน
ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก การใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์
ต่างๆ ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ชุมชน และสังคมโลก เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ ประกอบอาชีพ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก
2) การออกเสียงภาษาอังกฤษตามหลักภาษาศาสตร์
ในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพนั้นจำเป็นต้องออกเสียงให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อให้ผู้ส่งสารและ
ผู้รับสารเกิดความเข้าใจตรงกัน ดังนั้นการฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษตามหลักภาษาศาสตร์จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกออกเสียงพยัญชนะและสระได้ถูกต้องชัดเจน ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ตำแหน่งของอวัยวะการออกเสียงในช่องปาก (Point of articulation)
(กฤษณา ยอดมงคล, 2553) เมื่อลมออกจากกล่องเสียงเข้าสู่ช่องปาก อวัยวะในปากจะทำประสานกัน เช่น ทำให้ช่องปากมีรูปร่างแบบต่างๆ มีการกักลมก่อนปล่อยทันที หรือค่อยๆ ปล่อย อวัยวะที่ใช้เพื่อการออกเสียงในปากเรียกว่า ฐานกรณ์ (Articulators) อวัยวะที่ไม่เคลื่อนไหว เรียกว่า ฐาน (Passive articulators) ส่วนอวัยวะที่เคลื่อนไหว ขยับตัวไปแตะอวัยวะส่วนอื่นๆ เรียกว่า กรณ์ (Active articulators) ซึ่งในที่นี้ คือ ลิ้น (tongue) สาหรับลิ้นไก่เป็นอวัยวะที่ขยับตัวได้เช่นกัน แต่ไม่มากเหมือนลิ้น เมื่อลิ้นแตะ ฐาน ต่าง ๆ คือ ปุ่มเหงือก เพดานปาก เพดานอ่อน เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการกัก เปลี่ยนรูปร่าง ช่องว่างในปากช่วยให้เราออกเสียงพูดได้
3) การอ่านออกเสียงสะกดคำ
(ดวงใจ ตั้งสง่า, 2555-2556) การอ่านออกเสียงสะกดคำ Phonics นั้นมีความหมายและความสำคัญ ดังนี้ โฟนิกส์ (Phonics) คือวิธีการเรียนอ่านเขียนและออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้หลักการถอดรหัสเสียงและการผสมเสียงตัวอักษร a ถึง z ทั้ง 26 ตัว ผู้เรียนจะต้องเข้าใจเสียงของตัวอักษรต่างๆ และออกเสียงเหล่านั้นให้ได้อย่างถูกต้องจึงจะสามารถผสมเสียงออกมาเป็นค่าได้ ยกตัวอย่าง เช่น การสะกดคำว่า cat จะสอนให้รู้จักตัวc จากเสียงของมันคือเสียงค (ออกเสียงเคอะ เบาๆ ในลำคอ) ตัวa เป็นเสียง แอะ และตัว t เป็นเสียงท (ออกเสียง เทอะ เบาๆ ใช้ ปลายลิ้นกระทบฟันหน้าบน) และผสมเสียง กันเป็น ค-แอะ-ท แคท (ลองออกเสียง ค แอะ - ท ซ้ำๆเร็วๆจะพบว่าสุดท้ายจะออกเสียงเป็น แคท)
การอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์ จะช่วยให้นักเรียนออกเสียงสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง ทำให้การสื่อสารภาษาอังกฤษได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และจะช่วยให้นักเรียนสามารถอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษต่าง ๆ จากการรู้จักเสียงของตัวอักษรและเข้าใจหลักการผสมเสียง แม้ในช่วงแรกการเรียนแบบโฟนิกส์จะดูช้ากว่าการเรียนแบบท่องจำมาก เพราะนักเรียนต้องทำความเข้าใจเสียงและหลักการผสมคำจากง่ายไปยาก ต้องฝึกซ้ำ ๆ เพื่อให้จำได้ นอกจากนี้มีบทศึกษามากมายที่ยืนยันว่า นักเรียนที่เรียนการอ่านเขียนแบบโฟนิกส์นี้ จะสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่านักเรียนทั่วไป และมีความแตกฉานทางภาษา รักการอ่าน
การค้นคว้าหาความรู้ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตัวนักเรียนเองในอนาคต
4) การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD
วัฒนาพร ระงับทุกข์ (2542) ได้กล่าวว่า วิธีสอนแบบแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ คือวิธีการจัดการเรียนการสอนที่จัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนให้แก่ ผู้เรียนเรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่มเล็ก สมาชิกในแต่ละกลุ่มที่ความสามารถแตกต่างกัน โดยที่แต่ละคนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการเรียนรู้และในความสำเร็จของกลุ่ม
ทิศนา แขมมณี (2552) กล่าวว่า การจัด กิจกรรมการเรียนรู้แบบ STAD ทำให้นักเรียนได้ร่วมมือกันในการเรียนรู้ ส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพและทำให้ครูผู้สอนทราบได้ว่านักเรียนขาดหรือบกพร่องในเนื้อหาส่วนใดเพื่อที่จะเพิ่มความรู้ในเนื้อหาส่วนนั้นได้มากยิ่งขึ้น
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD คือ การจัดการเรียนรู้ในลักษณะกลุ่มย่อยที่คละความสามารถ เก่ง ปานกลาง และอ่อน ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสปรึกษา ช่วยเหลือ ร่วมกันเรียนรู้และแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี
5) งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
จีรนันท์ เมฆวงศ์ (2547) ได้ทำวิทยานิพนธ์เรื่องการพัฒนาความสามารถในการออกเสียง ภาษาอังกฤษและความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธีการสอนแบบโฟนิกส์ ผลปรากฏว่า ความสามารถในการออกเสียงภาษาอังกฤษของนักเรียนที่ได้รับการสอนด้วยวิธีโฟนิกส์โดยรวมผ่านเกณฑ์ที่กำหนด นอกจากนั้นผู้เรียนมีความคงทนในการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษหลังจากที่ได้รับการสอนด้วยวิธีโฟนิกส์
3.๑.2 การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์
1) กระดาษผิวมันสำหรับพิมพ์รูปขนาด A4
2) สติกเกอร์ใส
3) ฟิวเจอร์บอร์ดที่เหลือใช้
4) เทปกาวชนิดหนา และเทปกาวชนิดบาง
5) ลูกเต๋า, ตัววางผู้เล่น, ลูกศรวงล้อ
3.2 ขั้นตอนการดำเนินการผลิต
1) ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐาน (GBL),
การจัดการเรียนรู้ การออกเสียงภาษาอังกฤษตามหลักภาษาศาสตร์ และการอ่านออกเสียงสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษตามหลัก Phonics
2) ออกแบบบอร์ดเกม (เกมกระดาน) ให้มีลักษณะคล้ายเกมบันไดงู เพื่อความง่ายต่อการเล่นของเด็กนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา
3) สร้างบอร์ดเกมการอ่านออกเสียงสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษตามหลัก Phonics ทั้ง 4 กระดาน ด้วยโปรแกรม Canva โดยให้มีการเน้นการใช้สีสันสดใส เพื่อช่วยดึงดูดความสนใจของนักเรียน
4) พิมพ์บอร์ดเกม ทั้ง 4 กระดาน ขนาด A4 แล้วเคลือบเพื่อความคงทน
5) สร้างวงล้อตัวอักษรด้วยโปรแกรม Canva พิมพ์ขนาด A4 แล้วเคลือบเพื่อความคงทน
3.3 การนำไปใช้
3.3.1 นักเรียนทำแบบทดสอบการอ่านสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษก่อนเรียน จากนั้นครูจัดการ
เรียนรู้เรื่องการอ่านสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษตามหลัก Phonics และใช้นวัตกรรมสื่อการเรียนรู้ ชุดบอร์ดเกม Phonics board games ตามแผนการสอน ดังนี้
ขั้นนำ (Warm up)
1. ครูเข้ามาในห้องและพูดทักทายนักเรียนในชั้น
Teacher: Good morning. How are you today?
Student: Im fine, thank you and you?
Teacher: Im great.
2. ครูเปิดเพลงการออกเสียงคำศัพท์ /s/ - /a/ - /t/ - /i/ - /p/ - /n/ ใน YouTube ให้นักเรียนร้องตาม พร้อมทำท่าประกอบ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนุกสนานและสนใจกับบทเรียน
๓. ครูถามคำถามนักเรียนเกี่ยวกับเพลงการออกเสียงคำศัพท์ /s/ - /a/ - /t/ - /i/ - /p/ - /n/ ใน YouTube ที่ครูได้เปิดให้นักเรียนดูไปด้วยคำถาม ดังนี้
- นักเรียนเคยได้ยินเพลงนี้หรือไม่
- นักเรียนคิดว่าการออกเสียงพยัญชนะภาษาอังกฤษแบบ phonics มีความน่าสนใจหรือไม่
- นักเรียนเคยได้ยินการออกเสียงพยัญชนะภาษาอังกฤษแบบ phonics แบบนี้หรือไม่
ขั้นนำเสนอ (Presentation)
1. ครูสอนให้นักเรียนเริ่มอ่านสะกดคำศัพท์จากสระเสียงสั้นก่อน A E I O U คือสระแอะ, เอะ, อิ, เอาะ, อะ ตามลำดับ
2. ให้นำเอาสระเหล่านี้ไปผสมกับพยัญชนะต้นต่าง ๆ จากนั้นฝึกผสมเสียง (หรือ blend) ดังนี้ Ba = เบอะ แอะ "แบะ" (b + a = ba) Be = เบอะ เอะ "เบะ" Bi = เบอะ อิ "บิ" Bo = เบอะ เอาะ "เบาะ" Bu = เบอะ อุ "บุ"
3. ครูนำเสนอคำศัพท์จากสระเสียงสั้นบนกระดาน 5-10 คำ และถามคำถามนักเรียนว่าคำเหล่านี้สะกดอย่างไร และให้นักเรียนอ่านออกเสียงสะกดคำศัพท์
4. ครูสอนสระเสียงยาว A E I O U คือ เอ, อี, อาย, โอว, อู แต่ให้สะกดอีกแบบ เช่น เอ ให้ใช้ ay / อี = ee / อาย = y / โอว = ow / อู = oo (Bay, Bee, By, Bow, Boo) เมื่อนักเรียนสามารถออกเสียงสระเสียงสั้นและเสียงยาวได้แล้ว ให้นักเรียนฝึก "blend" เสียงเพื่อประกอบเป็นคำศัพท์ที่มีความหมายในชีวิตจริง จะเป็นคำที่สะกดด้วยตัวอักษรสามตัวเป็นส่วนใหญ่ โดยใช้ rhyming words เช่น -at, -it, -et มาผสมกับพยัญชนะต้นอย่าง b-, r-, k-, g- เป็นต้น
B + at (เบอะ แอท) = Bat (แบท) C + at (เคอะ แอท) = Cat (แคท)
F + at (เฟอะ แอท) = Fat (แฟท) H + at (เหอะ แอท) = Hat (แฮท)
M + at (อึม แอท) = Mat (แมท)
ขั้นฝึก (Practice)
1. ครูใช้นวัตกรรม สื่อการสอนชุดบอร์ดเกม Phonics board games โดยแบ่งนักเรียนหรือผู้เล่นออกเป็น 2 4 ฝ่าย จากนั้นให้ผู้เล่นทอยลูกเต๋าเพื่อหาผู้เล่นก่อน หลัง ตามลำดับ
2. ผู้เล่นที่เริ่มก่อนทอยลูกเต๋า และเดินช่องตามจำนวนที่ทอยลูกเต๋าได้ เมื่อเดินไปตกที่ช่องใดผู้เล่นออกเสียงคำศัพท์ตามหลัก Phonics พร้อมสุ่มวงล้อ พยัญชนะ และสระ ประสมคำตามที่แต่ละช่องกำหนดไว้ให้ถูกต้อง หากผู้เล่นออกเสียงไม่ถูกต้อง ให้ย้อนกลับไปที่ช่องเดิม ผู้เล่นคนใดที่ถึงจุด Finish ได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ
ขั้นนำไปใช้ (Production)
3. ครูนำเสนอคำศัพท์จากสระเสียงสั้นและยาวบนกระดานจำนวน 5-10 คำ และถามคำถามนักเรียนว่าคำนี้เหล่านี้สะกดอย่างไร และให้นักเรียนช่วยกันอ่านออกเสียงสะกดคำศัพท์พร้อม ๆ กัน
4. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบการอ่านสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษหลังเรียน
ขั้นสรุป (Wrap up)
1. ครูถามคำถามนักเรียนเพื่อสรุปความรู้ที่ได้เรียนในชั่วโมงนี้ด้วยคำถาม ดังนี้
- นักเรียนคิดว่าการอ่านออกเสียงสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบ phonics มีความยากหรือง่ายอย่างไร
- นักเรียนคิดว่าการอ่านออกเสียงสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบ phonics ช่วยให้นักเรียนอ่านสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นหรือไม่
. ปัจจัยความสำเร็จ
5.๑ ด้านผู้เรียน
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ให้ความสนใจในกิจกรรมการเรียนรู้การอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games และสนุกสนานกับสื่อการสอน Phonics Board Games ที่ครูนำมาให้เล่น นักเรียนให้ความร่วมมือในขณะการร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดคาบเรียนตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งนับว่าได้รับการปรับทัศนคติจากความเบื่อในการเรียนรู้มาเป็นความสนุกและความสนใจในการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น
5.๒ ด้านครู
ครูใช้วิธีการสอนโดยจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD และเน้นการตั้งคำถาม (Question Based Learning) เป็นลักษณะ Driving Question เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้เข้าใจ มีทักษะเพื่อการประยุกต์นำไปใช้ (Applicable Based Learning) ในขณะเดียวกันนักเรียนได้รับข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) บทบาทของครูจึงเปลี่ยนมาเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) ผู้ฝึก (Coach) และผู้ให้กำลังใจ (Supporter) ในขณะที่นักเรียนกำลังเรียนรู้และใช้สื่อการสอน Phonics Board Games และช่วยนักเรียนได้ไตร่ตรองสะท้อนกลับ (Reflection) ออกมาในลักษณะของการตอบคำถามที่ครูใช้ถามตลอดการจัดการเรียนรู้
5.๓ ด้านผู้บริหาร
ท่านผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ให้การสนับสนุนครูเป็นอย่างดี ในด้านการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการจัดทำนวัตกรรมสื่อการเรียนรู้ของครูอย่างต่อเนื่อง มีการนิเทศ ติดตาม พัฒนาครูผู้สอนในด้านการจัดการเรียนรู้ โดยให้การสนับสนุนให้ครูมีการสร้างนวัตกรรมที่ทันสมัยเหมาะสมกับผู้เรียน ส่งเสริมให้ครูเข้าร่วมการอบรมเพื่อพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมประกวดสื่อการสอนภายในโรงเรียน นอกจากนี้ยังมีการติดตามและประเมินผลการใช้สื่อนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้ของครู และนักเรียน รวมถึงวิเคราะห์ผลการประเมินเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุง และพัฒนาต่อไป
6. บทเรียนที่ได้รับ (Lesson Learned)
6.1 มิติด้านการเรียนรู้
การอ่านสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games ช่วยให้นักเรียนออกเสียงสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง ทำให้สื่อสารภาษาอังกฤษได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และจะช่วยให้นักเรียนสามารถอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองอย่างคล่องแคล่ว จากการรู้จักเสียงของตัวอักษรและเข้าใจหลักการผสมเสียง แม้ในช่วงแรกการเรียนแบบโฟนิกส์จะดูช้ากว่าการเรียนแบบท่องจำมาก เพราะนักเรียนต้องทำความเข้าใจเสียงและหลักการผสมคำจากง่ายไปยาก ต้องมีการฝึกฝนซ้ำ ๆ เพื่อให้สามารถจำได้ นอกจากนี้นักเรียนมีความกระตือรือร้นสนใจใฝ่รู้มากขึ้น และสนุกสนานกับสื่อการสอนชุดบอร์ดเกม Phonics board games รวมถึงสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนนักเรียนด้วยกันจากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD
6.2 มิติด้านกระบวนการ
การเรียนรู้เรื่องการอ่านสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games สามารถช่วยให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์และเกิดความผูกพันในการเรียนรู้ ทำให้ผู้เรียนรู้จักบริหารจัดการอารมณ์และการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ได้ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ การบูรณาการและสร้างกลยุทธ์เพื่อความสำเร็จ การสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น ความรับผิดชอบและการเคารพกฎกติกาหรือผลแพ้ชนะอย่างมีเหตุผล ในขณะเดียวกันผู้เรียนได้เรียนรู้เนื้อหาสาระสำคัญและได้ฝึกทักษะต่าง ๆ ที่สอดแทรกอยู่ในการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games ได้
6.3 มิติด้านการมีส่วนร่วมและสังคม
การจัดการเรียนรู้เรื่องการอ่านสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games ได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูที่ให้การสนับสนุน รวมถึงให้ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาแก้ไขปรับปรุงนวัตกรรมให้มีความสมบูรณ์ได้ นอกจากนี้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน ทำให้ครูผู้สอนเป็นที่ไว้วางใจแก่ผู้ปกครอง เกิดความเชื่อถือและให้ความมั่นใจในคุณภาพการเรียนการสอน และก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครู ผู้ปกครองและชุมชน
การอ่านสะกดคำศัพท์แบบโฟนิกส์นั้น จะเป็นการเรียนรู้แบบค่อยเป็นค่อยไป จึงจะดูเป็นการเรียนรู้ที่ช้ากว่าการเรียนแบบท่องจำ เพราะนักเรียนทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด ต้องเริ่มจากการอ่านออกเสียงพยัญชนะภาษาอังกฤษจาก a - z แล้วจากนั้นจะเริ่มฝึกผสมเสียงคำศัพท์ในระดับง่ายก่อน ดังนั้น การที่จะคาดหวังให้นักเรียนสามารถใช้หลักการอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์สะกดคำศัพท์ยาก ๆ ได้เลยนั้นคงมีความเป็นได้ได้ยาก แต่ในระยะยาวเมื่อนักเรียนได้รับการเรียนรู้และได้มีการฝึกฝนการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้นักเรียนมีทักษะการอ่าน การสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น และเข้าใจหลักการออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง จึงมีผู้วิจัยหลายท่านที่ให้การยืนยันว่า หลักการอ่านสะกดคำศัพท์แบบโฟนิกส์ จะช่วยให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษของนักเรียน มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่านักเรียนทั่วไป ดังนี้ อัจจิมา ไชยชิต(2563) ได้ทำวิจัย เรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Phonics) โดยใช้แบบฝึกทักษะของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ผลปรากฏว่า นักเรียนออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ได้รับการสอนด้วยวิธีการแบบโฟนิกส์ โดยรวมผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนดและนักเรียนสามารถจำคำศัพท์พร้อมทั้งความหมายได้เป็นอย่างดี และ นภาพร วงศ์พุทธา (2554) ได้ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/12 โรงเรียนนวมินททราชินูทิศสตรีวิทยา พุทธมณฑล ผลปรากฏว่า หลังจากนักเรียนได้อ่านชุดฝึกการอ่านตามหลักโฟนิกส์ นักเรียนมีทักษะการอ่านดีขึ้นและมีความมั่นใจในการอ่านมากขึ้น
ถึงแม้การอ่านสะกดคำศัพท์แบบโฟนิกส์ (Phonics) จะดูยากและซับซ้อน แต่เป็นการปูพื้นฐานในการฟัง อ่าน พูด ของนักเรียนได้ดีมาก ๆ หากครูผู้สอนสามารถหาสื่อการสอน Phonics ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การฟังเพลง การร้องเพลง การเล่นเกม การใช้บัตรสัมผัส การเขียน เพื่อเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสหลาย ๆ ด้าน จะช่วยให้การเรียน Phonics นั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความสม่ำเสมอในการฝึกฝนกับคุณครูอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้การฝึกอ่านออกเสียงแบบ Phonics ของเด็ก ๆ มีประสิทธิภาพและมองเห็นการพัฒนาการอย่างสูงสุด
ดังนั้นข้าพเจ้ามีความคิดที่จะประยุกต์ ต่อยอดการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Gamesในรูปแบบออนไลน์ เนื่องจากยุคสมัยปัจจุบันนับว่าเป็นยุคดิจิทัล ที่เทคโนโลยีมีส่วนในการกำหนดเนื้อหา และรูปแบบการเรียนการสอนที่สำคัญ ศักยภาพของเทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น หากครูคนใดรู้จักปรับตน นำเอาเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการนำเสนอเนื้อหา ก็ย่อมจะเพิ่มพลังในกิจกรรมการสอนให้ช่วยดึงดูดเหล่าผู้เรียนยุคใหม่ ให้หันมาสนใจในเนื้อหามากยิ่งขึ้น (บุญเลิศ วงศ์พรม, 2565) ครูผู้สอนภาษาอังกฤษจึงจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีมาบูรณาการในการจัดการเรียนรู้เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดการศึกษาในยุคดิจิทัล ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาเป็นฐานรากสำคัญ เพื่อช่วยให้การสื่อสารมีพลัง และสรรค์สร้างกิจกรรมการเรียนการสอนให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น สามารถจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถดึงดูดความสนใจให้ผู้เรียนในยุคดิจิทัลมาสนใจกับเนื้อหาที่เรียนมากขึ้น
7. การเผยแพร่/การได้รับการยอมรับ/รางวัลที่ได้รับ
7.1 การเผยแพร่
ข้าพเจ้านำผลของการพัฒนามาพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน(PLC)
ข้าพเจ้าเผยแพร่การจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games ให้แก่ผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนเขื่อนเพชร (ชลประทานสงเคราะห์)
ข้าพเจ้าเผยแพร่การเรียนการสอนเพื่อพัฒนาการสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games ทางแอปพลิเคชั้น TIKTOK
ข้าพเจ้าเผยแพร่การพัฒนาทักษะการสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games ทางเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม
7.2 การได้รับการยอมรับ
การจัดการเรียนการสอนที่ดีนั้น นอกจากจะมีนวัตกรรมการสอนที่ดีทันสมัย มาใช้กับผู้เรียนให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดแล้ว ยังต้องมีสิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมการเรียนการสอนอีก ซึ่งประกอบด้วย ครูผู้สอน หลักสูตรหรือเนื้อหา ผู้เรียน สื่อ/อุปกรณ์ และทักษะกระบวนการต่าง ๆ ทั้งหมดล้วนก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ต่อผู้เรียนได้ตลอดเวลาและตลอดชีวิตเพื่อนำนวัตกรรมไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอน ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา โดยการนำสิ่งประดิษฐ์หรือแนวความคิดใหม่ ๆ ในการเรียนการสอนนั้นมาเผยแพร่ไปสู่ครูท่านอื่น ๆ หรือเพื่อเป็นตัวอย่างอีกรูปแบบหนึ่งให้กับครูที่ทำการสอนในรายวิชาเดียวกัน ได้นำแนวความคิดไปปรับปรุงใช้หรือผลิตสื่อการสอนใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป
ข้าพเจ้าเผยแพร่การจัดการเรียนรู้เรื่องการอ่านสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อการสอน Phonics Board Games ผ่านทางเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม และในแอพพลิเคชั่น TIKTOK ต่อผู้ที่สนใจผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยใช้สื่อดิจิทัล โดยได้รับการยอมรับจากครูสอนภาษาอังกฤษหลายท่าน ว่าเป็นการจัดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ
7.3 รางวัลที่ได้รับ
การแข่งขัน Spelling bee นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เหรียญเงิน การแข่งขันทักษะวิชาการ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ระดับอำเภอท่ายาง