ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

แบบเสนอผลงาน/นวัตกรรมการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) เรื่อง การพัฒนาทักษะทางสมอง (Executive Function : EF) ระดับปฐมวัย ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา โดยการใช้ชุดนิทานหนูแฮมเตอร์

สำนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของประเทศที่มีภารกิจในการอำนวยการและบริหารจัดการนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พบว่า ปัจจุบันผู้เสพยาหน้าใหม่และผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในวงจรของยาเสพติดมีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นว่าปัญหายาเสพติดรุกเข้าสู่เด็กและเยาวชนมากขึ้น ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การป้องกันกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดปี 2558-2562 เน้นการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดที่เหมาะสมกับช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กกลุ่มปฐมวัย โดยในปี 2558 นับเป็นปีแรกที่สำนักงาน ป.ป.ส. ได้กำหนดทิศทางการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในเด็กและเยาวชนตั้งแต่ปฐมวัย ช่วงวัย 3-6 ปี โดยทำงานบนฐานความรู้ EF (Executive Functions) ความสามารถของสมองในการบริหารจัดการชีวิต ซึ่งเชื่อว่าหากเด็กได้รับการพัฒนาทักษะ EF ตั้งแต่ช่วงนี้ โอกาสในการที่จะเสพ/ติดยาเสพติดเมื่อโตขึ้นจะน้อยลง ซึ่งมิใช่การให้เนื้อหาความรู้เรื่องยาเสพติดแก่เด็กเล็ก หากแต่เป็นการใช้ฐานความรู้ทางวิชาการเรื่อง Executive Functions หรือ EF ที่ได้รับการศึกษาวิจัยยืนยันในระดับโลกแล้วว่า เป็นศักยภาพที่ปลูกฝังได้ตั้งแต่ปฐมวัย เพื่อสร้างทักษะแก่สมองให้รู้จักยับยั้งชั่งใจ หยุดคิดไตร่ตรองก่อนทำ รู้จักควบคุมอารมณ์ กำกับพฤติกรรมตนเองให้เหมาะสม รู้จักปรับตัวกับสถานการณ์ล้มแล้วลุกได้และเห็นคุณค่าในตนเองซึ่งในทางวิชาการระบุชัดเจนว่า ทักษะสมอง EF นี้จะปลูกฝังได้ผลดีที่สุดในช่วงปฐมวัยและหากฝึกฝนอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจากกิจกรรมในห้องเรียนหรือจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ทักษะสมองเหล่านี้จะดำรงอยู่ต่อไป เมื่อโตขึ้นและหากต้องเผชิญกับสถานการณ์เย้ายวนจากยาเสพติดหรือแม้การเสพติดสิ่งอื่นใดเขาจะมีทักษะในการยับยั้งใจ รู้จักหลีกเลี่ยง ปฏิเสธเป็น และรู้ว่าตนเองมีเป้าหมายชีวิตที่จะต้องเดินหน้าไปให้สำเร็จ นี่คือการสร้างภูมิคุ้มกันชีวิต เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของ ป.ป.ส. จากการดำเนินงานที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดการอบรมให้ความรู้ EF แก่ครูปฐมวัยและการจัดพิมพ์สื่อนิทาน EF ชุด ”อ่านอุ่นรัก” เพื่อให้ครูใช้ในห้องเรียน ในปีแรกพบว่าผลเป็นไปตามทิศทางที่มุ่งหวังเห็น

การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทั้งที่ตัวเด็ก ครู และแม้แต่ตัวพ่อแม่ที่มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้เรื่อง EF ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่า ครูอนุบาลและผู้ดูแลเด็ก บุคคลสำคัญที่มีส่วนในการวางรากฐานชีวิตและพัฒนาเด็กปฐมวัยเข้าใจและสามารถสร้างประสบการณ์ฝึกฝนทักษะสมอง EF แก่เด็กได้อย่างมีคุณภาพ จึงได้จัดทำหนังสือ “EF ภูมิคุ้มกันชีวิตและป้องกันยาเสพติด : คู่มือสำหรับครูอนุบาล” ขึ้นเพื่อขยายความรู้เรื่องEF แก่กลุ่มครูอนุบาล ผู้ดูแลเด็กในโรงเรียนอนุบาล และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกสังกัดกว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะสมอง EF แก่เด็กปฐมวัยที่แม่นยำยิ่งขึ้น และมีการประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง (สุภาวดี หาญเมธี,2558 : 2)

ทักษะสมอง EF (Executive Function) เป็นความสามารถของสมองและจิตใจที่จะควบคุมความคิดอารมณ์และการกระทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายได้ (ประเสริฐผลิตผลการพิมพ์, 2561) ซึ่งการพัฒนาสมองของเด็กนอกเหนือจากเรื่อง IQ และ EQ การฝึกทักษะ EF ทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่สำเร็จเป็นสิ่งจําเป็นและสำคัญที่จะเป็นรากฐานกระบวนการคิดตัดสินใจและการกระทำที่มีส่วนช่วยให้เด็ก

วารสารวิทยาลัยนครราชสีมา (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) ปีที่ 16 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม -สิงหาคม 2565356ในวันนี้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ในอนาคต (นวลจันทร์จุฑาภัคดีกุล, 2559) ซึ่งสอดคล้องกับ(สุภาวดีหาญเมธี, 2559) ได้กล่าวถึงทักษะสมองEF (Executive Function) ว่าเป็นชุดกระบวนการทางความคิด(Mental Process) ที่ช่วยให้เราวางแผนมุ่งใจจดจ่อจำคำสั่งและจัดการกับงานหลาย ๆ อย่างให้ลุล่วงเรียบร้อยได้สามารถจัดลำดับความสำคัญของงานวางเป้าหมายและทำไปเป็นขั้นตอนจนสำเร็จรวมทั้งควบคุมแรงอยากแรงกระตุ้นทั้งหลายไม่ให้สนใจไปนอกลู่นอกทางและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพและสถาบัน RLG (2561) ได้ให้ความสำคัญถึงทักษะสมองเพื่อจัดการชีวิตให้สำเร็จหรือ Executive Function (EF) แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 9 ทักษะคือกลุ่มทักษะพื้นฐานได้แก่ทักษะด้านความจําเพื่อใช้งานทักษะด้านการยั้งคิดไตร่ตรองและทักษะด้านการยืดหยุ่นความคิดกลุ่มทักษะกำกับตนเองได้แก่ทักษะด้านการจดจ่อใส่ใจทักษะด้านการควบคุมอารมณ์และทักษะด้านการติดตามประเมินตนเองและกลุ่มทักษะปฏิบัติได้แก่ทักษะด้านการริเริ่มและลงมือทำทักษะด้านการวางแผนจัดระบบดำเนินการและทักษะด้านการมุ่งเป้าหมายเมื่อเด็กได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะสมอง (EF) จะช่วยสร้างพฤติกรรมเชิงบวกและเลือกตัดสินใจในทางที่สร้างสรรค์ดังนั้นการพัฒนาทักษะสมอง (EF) ที่ถูกที่ถูกเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญควรฝึกพัฒนาการทักษะสมอง (EF) ให้ชํานาญและมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต ส่งผลให้เด็กเป็นพลเมืองคุณภาพ (คันธรส ภาผล, 2563) การพัฒนาทักษะสมอง (EF) ในเด็กปฐมวัยนับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพราะเป็นช่วงที่สมองส่วนหน้าพัฒนามากที่สุด (Hanmethi, 2016) การมีทักษะสมอง(EF) จะช่วยให้เด็กสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและลุกขึ้นสู้ต่อไปได้การส่งเสริมทักษะสมอง(EF) ทุกด้านจะช่วยให้เด็กมีทักษะการปรับตัวและฟื้นตัวหลังเหตุการณ์วิกฤตได้ทักษะสมอง(EF)จึงเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้บุคคลดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข (Greenberg, 2006) แต่ปัจจุบันพบว่ามีเด็กวัย 2-6 ปีมีปัญหาพฤติกรรมที่เป็นความบกพร่องของทักษะสมอง (EF) ประมาณ 30% คือเป็นเด็กที่มีความบกพร่องอย่างชัดเจน 16% และบกพร่องเล็กน้อย 14% ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนเด็กที่มีปัญหาพัฒนาการด้าน EF ล่าช้าคือพบประมาณ29% โดยเป็นเด็กที่มีพัฒนาการด้านทักษะสมอง (EF) ต่ำกว่าเกณฑ์อย่างชัดเจน 14% และต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย 15% ทั้งนี้ทักษะสมองด้าน (EF) ที่เป็นปัญหามากเป็นอันดับ 1) คือปัญหาด้านการหยุด 2) ปัญหาด้านความจําขณะทำงานและ 3) ปัญหาการควบคุมอารมณ์ซึ่งจะส่งผลด้านลบต่อความพร้อมและความสำเร็จทางการเรียนในระดับที่สูงขึ้นไป (คันธรส ภาผล, 2563) สอดคล้องกับการสัมภาษณ์ครูปฐมวัยของเครือข่ายตาเนิน กะฮาด พบว่า เด็กขาดการวางแผนจัดระบบดำเนินการ ขาดการตั้งเป้าหมาย และขาดความจําเพื่อใช้งาน สอดคล้องกับเด็กปฐมวัยของโรงเรียนบ้านโกรกกุลาที่เด็กขาดการวางแผนจัดระบบดำเนินการ ขาดการตั้งเป้าหมาย และขาดความจําเพื่อใช้งาน เป็นปัญหาที่ครูผู้สอนเร่งหาแนวทางแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาในด้านการวางแผนจัดระบบดำเนินการ การตั้งเป้าหมาย และความจําเพื่อใช้งานให้ดี

นิทานมีประโยชน์ต่อเด็กปฐมวัยเป็นอย่างมากนิทานช่วยสร้างเสริมพัฒนาการของเด็กทั้งร่างกายอารมณ์สังคมและสติปัญญาให้เหมาะสมกับการพัฒนาการตามวัย รวมทั้งยังเปิดโลกจินตนาการให้กว้างไกลยังมีสัมพันธภาพอันดีแก่บุคคลรอบข้างการแสดงออกอันเป็นที่พึงประสงค์ของสังคม (วรรษิษฐา อัครธนยวมนต์และคณะ, 2563) นิทานเป็นพื้นฐานการศึกษาเรียนรู้และเป็นการสื่อสารสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างมนุษย์กับมนุษย์สะท้อนให้เห็นคุณและโทษของการกระทำโดยส่งผ่านตัวละครของเรื่องผู้สอนสามารถแทรกความคิดและค่านิยมอันดีงามเข้าไปสู่จิตใจเด็กได้เป็นตัวชี้แนะพฤติกรรมที่สังคมยอมรับ (จินดา หีบเพ็ชร, 2558) การเล่านิทานเป็นเทคนิคหนึ่งที่นิยมนำมาใช้กับเด็กปฐมวัยเพราะนิทานเป็นสื่อสร้างการเรียนรู้ให้กับเด็กปฐมวัยที่มีประสิทธิภาพมากสามารถสร้างจินตนาการความฝันความคิดความเข้าใจและการรับรู้ให้กับเด็ก (ขวัญนุชบุญยู่ฮง, 2546) ซึ่งสอดคล้องกับ เบญจวรรณกี่สุขพันธ์ (2547) ที่กล่าวว่าสื่อที่นิยมนำมาใช้ประกอบการเล่านิทานที่ดีที่สุดคือนิทานต้องเป็นนิทานที่มีเนื้อหาเข้าใจง่ายสื่อความหมายได้ดีมีภาพประกอบที่ชัดเจนสีสันสดใสแสดงจุดเด่นของเรื่องและตัวละครได้เป็นอย่างดีการเล่านิทานเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาทักษะสมอง(EF) โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้มีอิสระในการแสดงออกได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง โดยอาศัยประสบการณ์เดิม และเป็นการจัดประสบการณ์ที่เน้นทักษะทางสมองนิทานจึงเป็นหัวใจสำคัญของเด็กครูควรจะใช้นิทานเป็นสื่อในการเรียนรู้ของเด็กผลจากการที่เด็กได้ฟังนิทานทำให้เด็กจดจําได้นานและสามารถเชื่อมโยงประสบการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี(สินีนาฎ แสงแพง, 2563)

จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น การพัฒนาทักษะสมอง (EF) โดยใช้นิทานเชื่อมโยงนามธรรมไปสู่ในสิ่งที่เป็นรูปธรรมได้ ดังนั้นผู้จัดทำจึงสนใจในการจัดประสบการณ์โดยใช้นิทาน เพื่อส่งเสริมทักษะสมอง (EF) โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้มีอิสระในการแสดงออก ได้ลงมือกระทำ ด้วยตนเอง โดยอาศัยประสบการณ์เดิม และเป็นการจัดประสบการณ์ที่เน้นทักษะทางสมอง อันเป็นรากฐานสำคัญให้เด็กเกิดการพัฒนาให้เหมาะสมกับวัย เพื่อวางรากฐานในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาให้กับเด็กปฐมวัยได้

โพสต์โดย sawitz : [13 ก.ย. 2567 (12:29 น.)]
อ่าน [63845] ไอพี : 101.108.89.77
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 16,405 ครั้ง
ฟื้นฟูตัวเอง 15 วัน เปลี่ยน...ให้สวย
ฟื้นฟูตัวเอง 15 วัน เปลี่ยน...ให้สวย

เปิดอ่าน 12,016 ครั้ง
ไม่มีโลกส่วนตัว ในโลกไซเบอร์ ภัยออนไลน์ที่นักท่องเน็ตควรระวัง
ไม่มีโลกส่วนตัว ในโลกไซเบอร์ ภัยออนไลน์ที่นักท่องเน็ตควรระวัง

เปิดอ่าน 10,980 ครั้ง
จัดสวนสวย..เสริมฮวงจุ้ยบ้าน
จัดสวนสวย..เสริมฮวงจุ้ยบ้าน

เปิดอ่าน 1,511 ครั้ง
กรมอนามัย ย้ำ องุ่นไชน์มัสแคทยังคงปลอดภัย แนะเลือกกินผลไม้หลากหลายตามฤดูกาล ล้างผัก ผลไม้ตามคำแนะนำ มั่นใจทุกคำ ลดเสี่ยงสารพิษ
กรมอนามัย ย้ำ องุ่นไชน์มัสแคทยังคงปลอดภัย แนะเลือกกินผลไม้หลากหลายตามฤดูกาล ล้างผัก ผลไม้ตามคำแนะนำ มั่นใจทุกคำ ลดเสี่ยงสารพิษ

เปิดอ่าน 42,626 ครั้ง
ทำไม สัญลักษณ์โอลิมปิก ต้องเป็นรูปวงกลม 5 ห่วง
ทำไม สัญลักษณ์โอลิมปิก ต้องเป็นรูปวงกลม 5 ห่วง

เปิดอ่าน 15,007 ครั้ง
ไม่ใช่แค่ไอคิว!! สร้างเด็กไทยพันธุ์ใหม่ "เก่ง-ฉลาด-ดี" ต้อง "ฝึกทักษะสมอง EF"
ไม่ใช่แค่ไอคิว!! สร้างเด็กไทยพันธุ์ใหม่ "เก่ง-ฉลาด-ดี" ต้อง "ฝึกทักษะสมอง EF"

เปิดอ่าน 65,789 ครั้ง
แค่ถ่ายภาพเอกสารให้ตรง แล้วส่งเข้าไลน์ ก็ถอดออกมาเป็นตัวหนังสือได้ ไม่ต้องพิมพ์
แค่ถ่ายภาพเอกสารให้ตรง แล้วส่งเข้าไลน์ ก็ถอดออกมาเป็นตัวหนังสือได้ ไม่ต้องพิมพ์

เปิดอ่าน 16,424 ครั้ง
Web 2.0
Web 2.0

เปิดอ่าน 14,032 ครั้ง
เตาอบไมโครเวฟ ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ไหม
เตาอบไมโครเวฟ ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ไหม

เปิดอ่าน 1,763 ครั้ง
การดูแล "เท้า-เรียวขา" ให้เนียนนุ่ม และ สุขภาพดี
การดูแล "เท้า-เรียวขา" ให้เนียนนุ่ม และ สุขภาพดี

เปิดอ่าน 11,279 ครั้ง
พบ ยีน ต้นเหตุชายโตเร็วกว่าหญิง แต่ส่งผลอายุขัยสั้นกว่า!
พบ ยีน ต้นเหตุชายโตเร็วกว่าหญิง แต่ส่งผลอายุขัยสั้นกว่า!

เปิดอ่าน 20,649 ครั้ง
การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ

เปิดอ่าน 45,363 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 11 การนับประตู
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 11 การนับประตู

เปิดอ่าน 968 ครั้ง
รวม 5 หัตถการช่วยชะลอวัย กระตุ้นคอลลาเจน ผิวหน้าอ่อนเยาว์
รวม 5 หัตถการช่วยชะลอวัย กระตุ้นคอลลาเจน ผิวหน้าอ่อนเยาว์

เปิดอ่าน 24,305 ครั้ง
เราสอบไปเพื่ออะไร?
เราสอบไปเพื่ออะไร?

เปิดอ่าน 35,999 ครั้ง
รับชมย้อนหลัง "แนวทางใหม่การให้วิทยฐานะครู" ยุค นพ.ธีระเกียรติ จากรายการ เผชิญหน้า FaceTime  (7 ก.พ. 2560)
รับชมย้อนหลัง "แนวทางใหม่การให้วิทยฐานะครู" ยุค นพ.ธีระเกียรติ จากรายการ เผชิญหน้า FaceTime (7 ก.พ. 2560)
เปิดอ่าน 14,795 ครั้ง
สธ. เตือนดื่มน้ำมากเกินไม่ดี เสี่ยงสมองบวม เสียชีวิตได้
สธ. เตือนดื่มน้ำมากเกินไม่ดี เสี่ยงสมองบวม เสียชีวิตได้
เปิดอ่าน 8,190 ครั้ง
เคยได้ยินหรือยัง! "หลักสูตรฐานสมรรถนะ" กุญแจยกระดับการศึกษาที่คนไทยต้องรู้จัก ให้ผู้เรียนเท่าทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21
เคยได้ยินหรือยัง! "หลักสูตรฐานสมรรถนะ" กุญแจยกระดับการศึกษาที่คนไทยต้องรู้จัก ให้ผู้เรียนเท่าทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21
เปิดอ่าน 14,536 ครั้ง
"เสาวรส"
"เสาวรส"
เปิดอ่าน 16,890 ครั้ง
สุขภาพปากและฟันกับโรคหัวใจ
สุขภาพปากและฟันกับโรคหัวใจ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ