|
|
สำนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของประเทศที่มีภารกิจในการอำนวยการและบริหารจัดการนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พบว่า ปัจจุบันผู้เสพยาหน้าใหม่และผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในวงจรของยาเสพติดมีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นว่าปัญหายาเสพติดรุกเข้าสู่เด็กและเยาวชนมากขึ้น ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การป้องกันกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดปี 2558-2562 เน้นการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดที่เหมาะสมกับช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กกลุ่มปฐมวัย โดยในปี 2558 นับเป็นปีแรกที่สำนักงาน ป.ป.ส. ได้กำหนดทิศทางการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในเด็กและเยาวชนตั้งแต่ปฐมวัย ช่วงวัย 3-6 ปี โดยทำงานบนฐานความรู้ EF (Executive Functions) ความสามารถของสมองในการบริหารจัดการชีวิต ซึ่งเชื่อว่าหากเด็กได้รับการพัฒนาทักษะ EF ตั้งแต่ช่วงนี้ โอกาสในการที่จะเสพ/ติดยาเสพติดเมื่อโตขึ้นจะน้อยลง ซึ่งมิใช่การให้เนื้อหาความรู้เรื่องยาเสพติดแก่เด็กเล็ก หากแต่เป็นการใช้ฐานความรู้ทางวิชาการเรื่อง Executive Functions หรือ EF ที่ได้รับการศึกษาวิจัยยืนยันในระดับโลกแล้วว่า เป็นศักยภาพที่ปลูกฝังได้ตั้งแต่ปฐมวัย เพื่อสร้างทักษะแก่สมองให้รู้จักยับยั้งชั่งใจ หยุดคิดไตร่ตรองก่อนทำ รู้จักควบคุมอารมณ์ กำกับพฤติกรรมตนเองให้เหมาะสม รู้จักปรับตัวกับสถานการณ์ล้มแล้วลุกได้และเห็นคุณค่าในตนเองซึ่งในทางวิชาการระบุชัดเจนว่า ทักษะสมอง EF นี้จะปลูกฝังได้ผลดีที่สุดในช่วงปฐมวัยและหากฝึกฝนอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจากกิจกรรมในห้องเรียนหรือจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ทักษะสมองเหล่านี้จะดำรงอยู่ต่อไป เมื่อโตขึ้นและหากต้องเผชิญกับสถานการณ์เย้ายวนจากยาเสพติดหรือแม้การเสพติดสิ่งอื่นใดเขาจะมีทักษะในการยับยั้งใจ รู้จักหลีกเลี่ยง ปฏิเสธเป็น และรู้ว่าตนเองมีเป้าหมายชีวิตที่จะต้องเดินหน้าไปให้สำเร็จ นี่คือการสร้างภูมิคุ้มกันชีวิต เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของ ป.ป.ส. จากการดำเนินงานที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดการอบรมให้ความรู้ EF แก่ครูปฐมวัยและการจัดพิมพ์สื่อนิทาน EF ชุด อ่านอุ่นรัก เพื่อให้ครูใช้ในห้องเรียน ในปีแรกพบว่าผลเป็นไปตามทิศทางที่มุ่งหวังเห็น
การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทั้งที่ตัวเด็ก ครู และแม้แต่ตัวพ่อแม่ที่มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้เรื่อง EF ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่า ครูอนุบาลและผู้ดูแลเด็ก บุคคลสำคัญที่มีส่วนในการวางรากฐานชีวิตและพัฒนาเด็กปฐมวัยเข้าใจและสามารถสร้างประสบการณ์ฝึกฝนทักษะสมอง EF แก่เด็กได้อย่างมีคุณภาพ จึงได้จัดทำหนังสือ EF ภูมิคุ้มกันชีวิตและป้องกันยาเสพติด : คู่มือสำหรับครูอนุบาล ขึ้นเพื่อขยายความรู้เรื่องEF แก่กลุ่มครูอนุบาล ผู้ดูแลเด็กในโรงเรียนอนุบาล และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกสังกัดกว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะสมอง EF แก่เด็กปฐมวัยที่แม่นยำยิ่งขึ้น และมีการประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง (สุภาวดี หาญเมธี,2558 : 2)
ทักษะสมอง EF (Executive Function) เป็นความสามารถของสมองและจิตใจที่จะควบคุมความคิดอารมณ์และการกระทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายได้ (ประเสริฐผลิตผลการพิมพ์, 2561) ซึ่งการพัฒนาสมองของเด็กนอกเหนือจากเรื่อง IQ และ EQ การฝึกทักษะ EF ทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่สำเร็จเป็นสิ่งจําเป็นและสำคัญที่จะเป็นรากฐานกระบวนการคิดตัดสินใจและการกระทำที่มีส่วนช่วยให้เด็ก
วารสารวิทยาลัยนครราชสีมา (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) ปีที่ 16 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม -สิงหาคม 2565356ในวันนี้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ในอนาคต (นวลจันทร์จุฑาภัคดีกุล, 2559) ซึ่งสอดคล้องกับ(สุภาวดีหาญเมธี, 2559) ได้กล่าวถึงทักษะสมองEF (Executive Function) ว่าเป็นชุดกระบวนการทางความคิด(Mental Process) ที่ช่วยให้เราวางแผนมุ่งใจจดจ่อจำคำสั่งและจัดการกับงานหลาย ๆ อย่างให้ลุล่วงเรียบร้อยได้สามารถจัดลำดับความสำคัญของงานวางเป้าหมายและทำไปเป็นขั้นตอนจนสำเร็จรวมทั้งควบคุมแรงอยากแรงกระตุ้นทั้งหลายไม่ให้สนใจไปนอกลู่นอกทางและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพและสถาบัน RLG (2561) ได้ให้ความสำคัญถึงทักษะสมองเพื่อจัดการชีวิตให้สำเร็จหรือ Executive Function (EF) แบ่งเป็น 3 กลุ่ม 9 ทักษะคือกลุ่มทักษะพื้นฐานได้แก่ทักษะด้านความจําเพื่อใช้งานทักษะด้านการยั้งคิดไตร่ตรองและทักษะด้านการยืดหยุ่นความคิดกลุ่มทักษะกำกับตนเองได้แก่ทักษะด้านการจดจ่อใส่ใจทักษะด้านการควบคุมอารมณ์และทักษะด้านการติดตามประเมินตนเองและกลุ่มทักษะปฏิบัติได้แก่ทักษะด้านการริเริ่มและลงมือทำทักษะด้านการวางแผนจัดระบบดำเนินการและทักษะด้านการมุ่งเป้าหมายเมื่อเด็กได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะสมอง (EF) จะช่วยสร้างพฤติกรรมเชิงบวกและเลือกตัดสินใจในทางที่สร้างสรรค์ดังนั้นการพัฒนาทักษะสมอง (EF) ที่ถูกที่ถูกเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญควรฝึกพัฒนาการทักษะสมอง (EF) ให้ชํานาญและมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต ส่งผลให้เด็กเป็นพลเมืองคุณภาพ (คันธรส ภาผล, 2563) การพัฒนาทักษะสมอง (EF) ในเด็กปฐมวัยนับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพราะเป็นช่วงที่สมองส่วนหน้าพัฒนามากที่สุด (Hanmethi, 2016) การมีทักษะสมอง(EF) จะช่วยให้เด็กสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและลุกขึ้นสู้ต่อไปได้การส่งเสริมทักษะสมอง(EF) ทุกด้านจะช่วยให้เด็กมีทักษะการปรับตัวและฟื้นตัวหลังเหตุการณ์วิกฤตได้ทักษะสมอง(EF)จึงเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้บุคคลดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข (Greenberg, 2006) แต่ปัจจุบันพบว่ามีเด็กวัย 2-6 ปีมีปัญหาพฤติกรรมที่เป็นความบกพร่องของทักษะสมอง (EF) ประมาณ 30% คือเป็นเด็กที่มีความบกพร่องอย่างชัดเจน 16% และบกพร่องเล็กน้อย 14% ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนเด็กที่มีปัญหาพัฒนาการด้าน EF ล่าช้าคือพบประมาณ29% โดยเป็นเด็กที่มีพัฒนาการด้านทักษะสมอง (EF) ต่ำกว่าเกณฑ์อย่างชัดเจน 14% และต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย 15% ทั้งนี้ทักษะสมองด้าน (EF) ที่เป็นปัญหามากเป็นอันดับ 1) คือปัญหาด้านการหยุด 2) ปัญหาด้านความจําขณะทำงานและ 3) ปัญหาการควบคุมอารมณ์ซึ่งจะส่งผลด้านลบต่อความพร้อมและความสำเร็จทางการเรียนในระดับที่สูงขึ้นไป (คันธรส ภาผล, 2563) สอดคล้องกับการสัมภาษณ์ครูปฐมวัยของเครือข่ายตาเนิน กะฮาด พบว่า เด็กขาดการวางแผนจัดระบบดำเนินการ ขาดการตั้งเป้าหมาย และขาดความจําเพื่อใช้งาน สอดคล้องกับเด็กปฐมวัยของโรงเรียนบ้านโกรกกุลาที่เด็กขาดการวางแผนจัดระบบดำเนินการ ขาดการตั้งเป้าหมาย และขาดความจําเพื่อใช้งาน เป็นปัญหาที่ครูผู้สอนเร่งหาแนวทางแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาในด้านการวางแผนจัดระบบดำเนินการ การตั้งเป้าหมาย และความจําเพื่อใช้งานให้ดี
นิทานมีประโยชน์ต่อเด็กปฐมวัยเป็นอย่างมากนิทานช่วยสร้างเสริมพัฒนาการของเด็กทั้งร่างกายอารมณ์สังคมและสติปัญญาให้เหมาะสมกับการพัฒนาการตามวัย รวมทั้งยังเปิดโลกจินตนาการให้กว้างไกลยังมีสัมพันธภาพอันดีแก่บุคคลรอบข้างการแสดงออกอันเป็นที่พึงประสงค์ของสังคม (วรรษิษฐา อัครธนยวมนต์และคณะ, 2563) นิทานเป็นพื้นฐานการศึกษาเรียนรู้และเป็นการสื่อสารสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างมนุษย์กับมนุษย์สะท้อนให้เห็นคุณและโทษของการกระทำโดยส่งผ่านตัวละครของเรื่องผู้สอนสามารถแทรกความคิดและค่านิยมอันดีงามเข้าไปสู่จิตใจเด็กได้เป็นตัวชี้แนะพฤติกรรมที่สังคมยอมรับ (จินดา หีบเพ็ชร, 2558) การเล่านิทานเป็นเทคนิคหนึ่งที่นิยมนำมาใช้กับเด็กปฐมวัยเพราะนิทานเป็นสื่อสร้างการเรียนรู้ให้กับเด็กปฐมวัยที่มีประสิทธิภาพมากสามารถสร้างจินตนาการความฝันความคิดความเข้าใจและการรับรู้ให้กับเด็ก (ขวัญนุชบุญยู่ฮง, 2546) ซึ่งสอดคล้องกับ เบญจวรรณกี่สุขพันธ์ (2547) ที่กล่าวว่าสื่อที่นิยมนำมาใช้ประกอบการเล่านิทานที่ดีที่สุดคือนิทานต้องเป็นนิทานที่มีเนื้อหาเข้าใจง่ายสื่อความหมายได้ดีมีภาพประกอบที่ชัดเจนสีสันสดใสแสดงจุดเด่นของเรื่องและตัวละครได้เป็นอย่างดีการเล่านิทานเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาทักษะสมอง(EF) โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้มีอิสระในการแสดงออกได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง โดยอาศัยประสบการณ์เดิม และเป็นการจัดประสบการณ์ที่เน้นทักษะทางสมองนิทานจึงเป็นหัวใจสำคัญของเด็กครูควรจะใช้นิทานเป็นสื่อในการเรียนรู้ของเด็กผลจากการที่เด็กได้ฟังนิทานทำให้เด็กจดจําได้นานและสามารถเชื่อมโยงประสบการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี(สินีนาฎ แสงแพง, 2563)
จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น การพัฒนาทักษะสมอง (EF) โดยใช้นิทานเชื่อมโยงนามธรรมไปสู่ในสิ่งที่เป็นรูปธรรมได้ ดังนั้นผู้จัดทำจึงสนใจในการจัดประสบการณ์โดยใช้นิทาน เพื่อส่งเสริมทักษะสมอง (EF) โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้มีอิสระในการแสดงออก ได้ลงมือกระทำ ด้วยตนเอง โดยอาศัยประสบการณ์เดิม และเป็นการจัดประสบการณ์ที่เน้นทักษะทางสมอง อันเป็นรากฐานสำคัญให้เด็กเกิดการพัฒนาให้เหมาะสมกับวัย เพื่อวางรากฐานในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาให้กับเด็กปฐมวัยได้
|
โพสต์โดย sawitz : [13 ก.ย. 2567 (12:29 น.)] อ่าน [1317] ไอพี : 101.108.89.77
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 22,140 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 92,031 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 42,137 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,530 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 25,525 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 15,421 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 24,117 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 31,321 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,072 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,251 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,774 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 32,942 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 31,451 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,140 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 18,401 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 74,453 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,121 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 19,917 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 54,744 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 23,335 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|