ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมสำหรับคุณครู  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

เคยได้ยินหรือยัง!“หลักสูตรฐานสมรรถนะ”กุญแจยกระดับการศึกษาที่คนไทยต้องรู้จัก ให้ผู้เรียนเท่าทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21


สำหรับคุณครู 3 ก.พ. 2565 เวลา 03:50 น. เปิดอ่าน : 6,621 ครั้ง
เคยได้ยินหรือยัง!“หลักสูตรฐานสมรรถนะ”กุญแจยกระดับการศึกษาที่คนไทยต้องรู้จัก ให้ผู้เรียนเท่าทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21

Advertisement

เคยได้ยินหรือยัง!“หลักสูตรฐานสมรรถนะ”กุญแจยกระดับการศึกษาที่คนไทยต้องรู้จัก ให้ผู้เรียนเท่าทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21

การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หรือวิกฤตโควิด-19 ที่เป็นตัวเร่งให้เกิดดิจิทัลดิสรัปชัน (Digital Disruption) ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทุกภาคส่วน รวมทั้งวิถีการดำเนินชีวิตของประชากรในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะประชากรวัยแรงงานที่ไม่สามารถนำความรู้ที่ได้จากห้องเรียนมาใช้ในโลกของการทำงานได้อีกต่อไป และต้องพัฒนาศักยภาพของตนเองเพิ่มเติม (Upskill) ยกระดับทักษะเดิมให้ดีขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต (Reskill) รวมทั้งการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ต้องนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงาน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ระบบการศึกษาต้องปรับตัวเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ด้วยการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ (Competency-Based Curriculum) สนับสนุนให้ผู้เรียนทุกช่วงวัยได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล มีความรู้และทักษะในการดำรงชีวิตในสังคมโลกในศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

การปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนจากหลักสูตรอิงมาตรฐาน (Standard-Based Curriculum) ในปัจจุบัน มาเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ ที่สามารถสร้างและพัฒนาสมรรถนะที่สำคัญและจำเป็นของผู้เรียน ยังสอดคล้องกับแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ที่มีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาและพัฒนากำลังคนคุณภาพเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดย รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา เล่าว่า หลักสูตรอิงมาตรฐาน จะวัดผลจากความรู้ความเข้าใจเชิงวิชาการ แต่ความสามารถและทักษะในการลงมือปฏิบัติที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในสังคม รวมทั้งลักษณะนิสัยที่ควรจะเป็นของเด็กแต่ละช่วงวัยเป็นสิ่งที่ถูกละเลยไป จึงต้องเปลี่ยนโจทย์การศึกษาให้ผู้เรียนมีทั้งความรู้และทักษะควบคู่กัน จากเดิมที่เคยตั้งคำถามว่า “เรียนแล้วรู้อะไร” เป็น “เรียนแล้วทำอะไรได้บ้าง”

· Learning – Living – Working ต้องเดินไปพร้อมๆ กันกับผู้เรียน
รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ กรรมการปฏิรูปฯด้านการศึกษา เล่าว่า ในโลกของการทำงานยุคปัจจุบันที่องค์กรต่างๆ มักกล่าวว่าเด็กจบใหม่จำเป็นต้องพัฒนาทักษะเพิ่มเติม นอกเหนือจากทักษะที่ได้รับจากการเรียนในสถาบันการศึกษา เป็นอีกสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าการจัดการศึกษายังไม่สามารถตอบโจทย์สังคมและโลกยุคใหม่ได้ ทำให้การปฏิรูปการเรียนรู้ต้องยึด “ทักษะของผู้เรียน” เป็นที่ตั้ง ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่างความรู้ความเชี่ยวชาญเชิงวิชาการที่ต้องมี ลักษณะนิสัยที่จำเป็นต่องานนั้นๆ และสุดท้ายคือความสามารถในการลงมือปฏิบัติ ดังนั้น สิ่งที่ได้เรียนกับสิ่งที่นำไปใช้ต้องสอดคล้องกัน ผู้เรียนต้องสามารถผสมผสานการเรียนรู้ (Learning) การใช้ชีวิต (Living) และการทำงาน (Working) เข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการซื้อ-ขายสินค้าในชีวิตประจำวัน สามารถคำนวณราคา ส่วนลด หรือกำไร ไปจนถึงการต่อยอดประกอบกิจการขนาดเล็กของตัวเองได้

· สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ครูผู้สอน
รศ.ดร.ศิริเดช เล่าต่อว่า การปรับปรุงหลักสูตรนับเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของระบบการศึกษา แน่นอนว่าอาจนำมาซึ่งความเป็นกังวลของทั้งสถาบันการศึกษาและตัวครูผู้สอนที่ต้องเตรียมพร้อมต่อความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งยังไม่ทราบผลที่จะเกิดตามมา เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก่อนเริ่มผลักดันโมเดลการจัดการเรียนการสอนบนฐานสมรรถนะไปยังทุกพื้นที่ คือ การสร้างความรู้ความเข้าใจต่อหลักสูตรสมรรถนะอย่างถ่องแท้ให้กับบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะเป้าหมายในการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนสามารถนำไปทักษะไปต่อยอดใช้ในสถานการณ์จริงได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเนื้อหาสาระการเรียนรู้เชิงวิชาการจะไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะหัวใจของหลักสูตรฐานสมรรถนะ คือการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะต่างๆ ที่จำเป็น จนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงจนเกิดผลทางพฤติกรรมหรือการปฏิบัติ นอกจากนี้ยังต้องปรับวิธีคิดและทัศนคติของผู้เรียนให้มีความพร้อมต่อการเปิดรับทักษะใหม่ๆ ที่มีความหมายกับชีวิตมากกว่าความรู้จากตำราในห้องเรียนอีกด้วย

· นำร่องหลักสูตรฐานสมรรถนะในระบบการศึกษาไทย
กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) วางแผนจะนำหลักสูตรฐานสมรรถนะมาปรับใช้ในกรอบเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2565 – ปีการศึกษา 2567 โดยกำหนดสมรรถนะเด็กไทย 6 ด้าน ประกอบด้วย 1. การจัดการตนเอง รู้จัก รัก เห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีเป้าหมายในชีวิตและสามารถกำกับตนเองในการจัดการกับอารมณ์ ความเครียด และปัญหา จนถึงการฟื้นฟูสู่สภาวะสมดุลและมีสุขภาวะที่ดีได้ 2. การคิดขั้นสูง วิเคราะห์ สังเคราะห์ และตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณอย่างมีเหตุผล สามารถเชื่อมโยงความคิดอย่างเป็นระบบ มีความสร้างสรรค์ นำความรู้และจินตนาการมาใช้แก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ 3. การสื่อสาร รับรู้ ตีความ และสามารถส่งสารผ่านวัจนภาษาและอวัจนภาษาอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและเคารพความเห็นของผู้อื่น 4. การรวมพลังทำงานเป็นทีม จัดระบบการทำงานร่วมกับผู้อื่น มีภาวะผู้นำ โปร่งใส่ สามารถสร้างสัมพันธ์อันดีในทีมและรับมือกับความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ 5. การเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง รับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ เคารพสิทธิเสรีภาพของทั้งตนเองและผู้อื่น เคารพกฎหมายและค่านิยมประชาธิปไตยเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติ 6. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน รู้และเข้าใจปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนโลกและในชีวิตประจำวัน รู้เท่าทันเทคโนโลยี สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการดำรงชีวิตร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน

เบื้องต้น ศธ. ได้ดำเนินการผลักดันหลักสูตรฐานสมรรถนะในขั้นทดลองใช้ผ่าน “โครงการนำร่องการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา” ใน 8 จังหวัดนำร่อง ครอบคลุม 265 โรงเรียนในสังกัดต่างๆ ได้แก่ โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตลอดจนการเปิดรับความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องผ่านทางเว็บไซต์หลักสูตรฐานสมรรถนะ (http://www.cbethailand.com) “คาดว่าการทดลองใช้ในครั้งนี้จะสะท้อนให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของหลักสูตรตามความเป็นจริง เพื่อให้ทราบว่าควรปรับปรุงที่จุดไหนก่อนที่จะนำไปปรับใช้ทั่วประเทศ โดยยึดผลประโยชน์ของเด็กหรือผู้เรียนเป็นที่ตั้ง แม้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนและใช้เวลาในการพัฒนาแก้ไขหลักสูตรที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้การพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะประสบความสำเร็จในการนำไปใช้จริงมากที่สุด” รศ.ดร.ศิริเดช กล่าวทิ้งท้าย

อย่างไรก็ดี การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ เป็นหนึ่งในกิจกรรมปฏิรูปประเทศ (Big Rock) ของ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ ตามเป้าหมายการสนับสนุนให้ผู้เรียนในทุกระดับชั้นได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ เป็นผู้มีความรู้และมีทักษะที่จำเป็นในการดำเนินชีวิต นอกจากนี้ หลักสูตรฐานสมรรถนะจะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะหลักครบรอบด้าน และสามารถบ่มเพาะความรู้และทักษะที่ได้ เพื่อนำไปต่อยอดและประยุกต์ใช้ในชีวิตการทำงาน สามารถปรับตัวเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต และกลายเป็นกำลังคนคุณภาพของประเทศในการขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ

ติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรม ของ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ได้ใน 4 ช่องทาง ดังนี้ เว็บไซต์ https://www.thaiedreform2022.org เฟซบุ๊กแฟนเพจ https://web.facebook.com/Thaiedreform2022 ยูทูบช่อง ‘thaiedreform2022’ และทวิตเตอร์ https://twitter.com/Thaiedreform22

 


เคยได้ยินหรือยัง!“หลักสูตรฐานสมรรถนะ”กุญแจยกระดับการศึกษาที่คนไทยต้องรู้จัก ให้ผู้เรียนเท่าทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21หลักสูตรฐานสมรรถนะสมรรถนะฐานสมรรถนะหลักสูตรใหม่

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

รวมสื่อการสอน Back to School 2565

รวมสื่อการสอน Back to School 2565


เปิดอ่าน 6,569 ครั้ง
The 90/90 Standard

The 90/90 Standard


เปิดอ่าน 25,795 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

การพิมพ์หนังสือราชการภาษาไทยด้วยโปรแกรมการพิมพ์ในเครื่องคอมพิวเตอร์

การพิมพ์หนังสือราชการภาษาไทยด้วยโปรแกรมการพิมพ์ในเครื่องคอมพิวเตอร์

เปิดอ่าน 31,737 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
สมรรถนะวิชาชีพ (Vocational Competency)
สมรรถนะวิชาชีพ (Vocational Competency)
เปิดอ่าน 54,291 ☕ คลิกอ่านเลย

คู่มือการปฏิบัติงานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
คู่มือการปฏิบัติงานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
เปิดอ่าน 18,930 ☕ คลิกอ่านเลย

Public Domain คืออะไร?
Public Domain คืออะไร?
เปิดอ่าน 38,238 ☕ คลิกอ่านเลย

Download แบบอาคารเรียนแบบ สปช. 105/29 ปรับปรุง 2 ชั้น 10 ห้องและ 2 ชั้น 8 ห้อง ใต้ถุนโล่ง
Download แบบอาคารเรียนแบบ สปช. 105/29 ปรับปรุง 2 ชั้น 10 ห้องและ 2 ชั้น 8 ห้อง ใต้ถุนโล่ง
เปิดอ่าน 55,103 ☕ คลิกอ่านเลย

ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการประชุมชี้แจง เรื่องแนวทางการปรับเงินเดือน ขรก.ที่ปรับใหม่
ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการประชุมชี้แจง เรื่องแนวทางการปรับเงินเดือน ขรก.ที่ปรับใหม่
เปิดอ่าน 14,810 ☕ คลิกอ่านเลย

ดาวน์โหลด แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6
ดาวน์โหลด แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6
เปิดอ่าน 405,299 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์
ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์
เปิดอ่าน 382,463 ครั้ง

พายุสุริยะ คืออะไร
พายุสุริยะ คืออะไร
เปิดอ่าน 26,375 ครั้ง

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก 17 ประการ
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก 17 ประการ
เปิดอ่าน 13,652 ครั้ง

เคล็ดลับเรียนภาษา ให้ได้ผล
เคล็ดลับเรียนภาษา ให้ได้ผล
เปิดอ่าน 11,501 ครั้ง

5 กิจกรรมส่งความสุข เพื่อสมองลูกรัก
5 กิจกรรมส่งความสุข เพื่อสมองลูกรัก
เปิดอ่าน 10,131 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ