ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
การศึกษานับว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่ง ในการพัฒนาสังคมให้เป็นคนที่มีคุณภาพ คุณธรรม กล่าวคือ การศึกษานั้นจะช่วยสร้างจิตสำนึกในการเป็นมนุษย์ มีจิตวิญญาณทางปัญญาและความงดงามทางจิตใจ การศึกษาสร้างให้คนมีความรู้และต่อยอดในการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ มีความอดทนในการต่อสู้กับอุปสรรคของชีวิต การศึกษาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนทุกวัย (สมนึก ทับแจ้งคำ, 2558 : 21)
การเรียนการสอนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีวัตถุประสงค์ประการหนึ่งคือ มุ่งปลูกฝังให้นักเรียนได้ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน การปลูกฝังให้นักเรียนรักการแสวงหาความรู้จึงมีความจำเป็นที่หนังสือ สื่อ แบบฝึกทักษะต่างๆ หรือห้องสมุดจึงเป็นครูคนที่สองของนักเรียน ครูจึงจำเป็นต้องจัดหาแหล่งค้นคว้าหาความรู้ให้นักเรียนแทนการเป็นผู้บอก เป็นผู้พูดหรือจัดทำกิจกรรมต่างๆ เอง การส่งเสริมการเรียนให้แก่นักเรียนหาความรู้เพิ่มเติม ทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติม จึงมีความจำเป็นในการจัด การเรียนการสอนในปัจจุบัน วิชาทัศนศิลป์มีความจำเป็นในการพัฒนาทักษะการเรียนให้กับนักเรียนเป็นอย่างมากทั้งด้านการเรียน การใช้ชีวิต ทักษะการทำงาน ความรู้สึกต่อการทำงาน ครบทุกมิติ
ผู้ปฏิบัติได้ศึกษาสภาพปัญหาเกี่ยวกับการเรียนการสอน วิชาทัศนศิลป์ พบว่านักเรียน ขาดทักษะในการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง การฝึกฝนทบทวน การทำการบ้าน การอ่าน ตลอดจนการทำแบบฝึกหัด และค้นคว้าหาความรู้ที่บางเนื้อหาอาจมีไม่เพียงพอกับความต้องการของนักเรียน นักเรียนบางส่วนยังมีสมรรถภาพในการเรียนรู้ที่ไม่ดีพอ นักเรียนบางส่วนยังไม่มีนิสัยรักการเรียนรู้ เมื่อรู้สภาพปัญหาแล้ว ก็นำข้อมูลที่ได้มาเป็นแนวทางเสริมการเรียนรู้ พอจะสรุปได้ว่าหนังสือหรือแบบฝึกทักษะพัฒนาการเรียนรู้ หมายถึง หนังสือที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เป็นไปในทางส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการฝึกฝนทักษะในด้านต่างๆ และทำให้รักในการเรียนรู้มากขึ้นการปฏิบัติครั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนในรายวิชาทัศนศิลป์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยการใช้กิจกรรมการทำแบบฝึกทักษะ และทำแบบฝึกหัดด้วยตนเองในวิชาที่ครูสอน สำหรับให้นักเรียนศึกษาหาความรู้และมีการช่วยเหลือกันบ้างเล็กน้อย และเพื่อให้นักเรียนเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน เกิดความซาบซึ้งในคุณค่าของการเรียนรู้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเสริมสร้างทักษะและนิสัยของการเรียนที่ดีให้แก่นักเรียนที่บกพร่อง
วัตถุประสงค์และเป้าหมาย
1) เพื่อพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้วิชาทัศนศิลป์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
2) เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาทัศนศิลป์ของนักเรียนให้สูงขึ้น
เป้าหมาย
เชิงปริมาณ นักเรียนร้อยละ 80 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาทัศนศิลป์เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสีของนักเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะพัฒนาการเรียนรู้สูงกว่าก่อนเรียน
เชิงคุณภาพ นักเรียนมีทักษะความเข้าใจในการเรียนรู้เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสีที่สูงขึ้น
ประโยชน์ของการศึกษา / ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ครูได้ใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสีที่สร้างขึ้น ช่วยให้เกิดวิทยาการใหม่ๆ เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติ
2. นักเรียนที่ได้เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ มีคะแนนทักษะทางการเรียน เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีแนวโน้มที่สูงขึ้นหลังการสอน
3. เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจที่จะนำแนวคิดและวิธีการที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของตนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
4. ได้แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบการลงมือปฏิบัติจริง ในวิชาทัศนศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี ซึ่งได้นำไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับนักเรียนที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จากกิจกรรมการเรียนรู้แบบการลงมือปฏิบัติจริง
2. เนื้อหาในการศึกษาครั้งนี้
เป็นเนื้อหาในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทัศนศิลป์ ที่ใช้ในการทดลองเพื่อการศึกษาคะแนนทักษาทางการเรียนรู้ของนักเรียน เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี จำนวน 1 หน่วย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 4 แบบฝึก
3. ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย
3.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ การพัฒนาคะแนนทักษะทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้ชุดแบบฝึกทักษะ
3.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ คะแนนทักษะทางการเรียนรู้ในวิชาทัศนศิลป์เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี
4. ระยะเวลาในการศึกษา
การศึกษาครั้งนี้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ถึงวันที่ 30 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2567 ระยะเวลาในการศึกษา เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 วัน วันละ 1 ชั่วโมง รวมเวลา 8 ชั่วโมง
เอกสารและงานศึกษาที่เกี่ยวข้อง
ในการศึกษาศึกษา เรื่อง การพัฒนาทักษะทางการเรียนวิชาศิลปะ โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสีของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้ศึกษาได้ศึกษา ค้นคว้าเอกสาร และงานศึกษาที่เกี่ยวข้องดังนี้
1. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับแบบฝึกทักษะ
2. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับคะแนนทักษะทางการเรียน
3. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551
4. แนวคิดการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
5. งานศึกษาที่เกี่ยวข้อง
6. กรอบแนวคิดในการศึกษา
วิธีดำเนินการ
งานศึกษา เรื่อง การพัฒนาคะแนนทักษะทางการเรียนวิชาทัศนศิลป์ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี ใช้ระเบียบวิธีศึกษาเชิงปฏิบัติการ มีความมุ่งหมายเพื่อการพัฒนาคะแนนทักษะทางการเรียนของนักเรียน ซึ่งผู้รายงานได้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ตามลักษณะการใช้ดังนี้
1. ชุดแบบฝึกทักษะ วิชาทัศนศิลป์ เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี
2. แบบทดสอบวัดคะแนนทักษะทางการเรียน เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี โดยใช้แบบฝึกทักษะของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ
ขั้นตอนการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล
1. ก่อนจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ทัศนศิลป์ เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี ผู้ศึกษาจะดำเนินการทดสอบวัดคะแนนทักษะทางการเรียน (Pretest) เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี กับนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ในวันที่ 1 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
2. ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างตามแผนการสอน ตั้งแต่วันที่ 1 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ถึงวันที่ 30 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2567 ระยะเวลาในการศึกษา เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 วัน วันละ 1 ชั่วโมง รวมเวลา 8 ชั่วโมง
3. ให้นักเรียนทำใบงาน แบบฝึกทักษะด้วยตนเอง และประเมินผลงานแบบฝึกทักษะของนักเรียนโดยใช้แบบประเมินผลงานที่จัดทำไว้
4. เมื่อสอนครบทุกแผนการสอนแล้วจะดำเนินการทดสอบเพื่อวัดคะแนนทักษะทางการเรียน หลังเรียน (Posttest) กับกลุ่มตัวอย่างโดยใช้แบบวัดชุดเดียวกันกับที่ใช้วัดก่อนเรียน
5. ตรวจผลการสอบวัดคะแนนทักษะทางการเรียน แล้วนำคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์ทางสถิติเป็นรายบุคคลและนำเสนอข้อมูลประกอบคำบรรยาย
สรุปผลการศึกษา
ในการทำรายงานการพัฒนานวัตกรรมในครั้งนี้ ผู้รายงานได้ใช้แบบฝึกทักษะเรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี ในการพัฒนาคะแนนทักษะทางการเรียนรู้ของนักเรียน สรุปผลได้ดังนี้
พบว่า คะแนนเฉลี่ยจากการประเมินพฤติกรรมกลุ่มระหว่างเรียนและการทำแบบฝึกทักษะของนักเรียนที่เรียนด้วย การจัดการเรียนรู้ทัศนศิลป์ เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี โดยใช้แบบฝึกทักษะชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 22 คน เท่ากับ 81.95 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 81.95 ของคะแนนเต็ม และคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบวัดคะแนนทักษะทางการเรียนหลังเรียน เท่ากับ 85.62 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 85.62 ของคะแนนเต็ม ดังนั้น การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาทัศนศิลป์ เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.95/85.62 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้
นักเรียนทุกคนมีคะแนนทักษะที่ดีขึ้นหลังจากการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ ทดสอบด้วยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนในภาพรวม ซึ่งมีค่าเฉลี่ยผลรวมคะแนนก่อนเรียนเป็น 5.05 คะแนน และค่าเฉลี่ยผลรวมคะแนนหลังเรียนเป็น 8.23 คะแนน และมีค่าผลต่างคะแนนพัฒนาการเพิ่มขึ้น +3.18 คะแนน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 คิดเป็นร้อยละที่เพิ่มขึ้น 62.97.% ซึ่งผลการวิจัยนี้จะช่วยยกระดับคะแนนทักษะทางการเรียนในรายวิชาทัศนศิลป์ของนักเรียนให้สูงขึ้นได้ต่อไป
ข้อเสนอแนะ
จากผลการวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะทางการเรียนวิชาทัศนศิลป์ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการนำนวัตกรรมไปใช้
1.1 ครูผู้สอนทัศนศิลป์ควรช่วยสนับสนุนให้มีการนำแบบฝึกทักษะเกี่ยวกับเรื่องการสร้างสรรค์ผลงานวาดภาพระบายสี มาใช้กับการเรียนการสอนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งพัฒนากิจกรรมเสริมหลังจากแบบฝึกทักษะ เช่น เกม สื่อสามมิติ มาเสริมให้กับนักเรียนหรือสร้างชุดของกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้เองได้
1.2 ควรจัดให้มีการฝึกอบรมวิชาทัศนศิลป์ให้แก่ครูผู้สอนระดับชั้นอื่นเพื่อครูจะได้พัฒนากระบวนการเรียนการสอนอันส่งผลถึงความเจริญทางการศึกษาต่อไปในอนาคต