ผู้วิจัย นายธีระนัน พิรุณสุนทร
ปีที่วิจัย 2567
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความพอเพียงตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง ของครูและนักเรียนโรงเรียนเทศบาลตําบลดงมะไฟ จังหวัดสกลนคร ใช้ระเบียบวิธีการวิจัย
และพัฒนา (Researchand Development : R&D) และขยายผล (Movement : M) โดยมีวัตถุประสงค์ของ
การวิจัย 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความพอเพียงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง ของครูและนักเรียนโรงเรียนเทศบาลตําบลดงมะไฟ จังหวัดสกลนคร 2) เพื่อออกแบบและสร้าง
รูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความพอเพียงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของครูและนักเรียน
โรงเรียนเทศบาลตําบลดงมะไฟ จังหวัดสกลนคร 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความพอเพียง
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของครูและนักเรียนโรงเรียนเทศบาลตําบลดงมะไฟ จังหวัดสกลนคร
และ 4) เพื่อประเมินผลการทดลองใช้รูปแบบและขยายผลไปยังสถานศึกษาอื่นที่เป็นเครือข่ายการจัดการ
เรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลุ่มตัวอย่าง ได้มาโดยการเปิดตารางของเครจซี่และมอร์แกน
(Krejcie and Morgan, 1970 : 608) และใช้การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling)
ประกอบด้วย นักเรียนโรงเรียนเทศบาลตําบลดงมะไฟ ปีการศึกษา 2567 จํานวน 112คน ผู้ปกครองนักเรียน
โรงเรียนเทศบาลตําบลดงมะไฟ ปีการศึกษา 2567 จํานวน 112คน และครูโรงเรียนเทศบาลตําบลดงมะไฟ ปี
การศึกษา 2567 จํานวน 11คน เครื่องมือที่ใช้ ประกอบด้วย รูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความพอเพียงตาม
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม (Focused Group
Discussion) เพื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความพอเพียง แบบสอบถาม
ความพึงพอใจ แบบประเมินวิถีความพอเพียง และแบบทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความพอเพียงตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง ของครูและนักเรียนโรงเรียนเทศบาลตําบลดงมะไฟ จังหวัดสกลนคร พบว่า สภาพการ
จัดการเรียนการสอนของครูยังไม่มีการบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ยังไม่มีคุณลักษณะอัน
พึงประสงค์ตามเป้าหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ครบทั้ง 8 ข้อ
โดยเฉพาะ คุณลักษณะการอยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทํางาน และการมีจิตสาธารณะยังต้องได้รับการ
พัฒนาปลูกฝังเพื่อให้เกิดคุณลักษณะดังกล่าวและผู้เรียนยังมีความฟุ่มเฟือยเช่น การใช้โทรศัพท์มือถือราคาแพง
การใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง ไม่รู้จักวางแผน ขาดการออม เป็นต้น จึงจําเป็นอย่ายิ่งที่จะสร้างเสริมคุณลักษณะความ
พอเพียงให้เกิดขึ้นและคงอยู่ตลอดไป และผลการวิเคราะห์การจัดการเรียนการสอนและการปฏิบัติของครูและ
นักเรียนโรงเรียนเทศบาลตําบลดงมะไฟ จากการสัมภาษณ์ครู จํานวน 11คน พบว่า การจัดการเรียนการสอน
ของครูยังใช้รูปแบบการสอนแบบบรรยาย ให้นักเรียนทําแบบฝึกหัด จากบทเรียนไม่ค่อยใช้สื่อ แหล่งเรียนรู้
และฝึกให้นักเรียนคิด แก้ปัญหาได้อย่างมีเหตุผลเท่าที่ควรและการจัดการเรียนรู้ขาดการบูรณาการหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความพอเพียงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ของครูและนักเรียนที่สร้างขึ้น เรียกว่า CALEPEN Model มีองค์ประกอบคือ 1) การพัฒนาหลักสูตร
สถานศึกษา (Curriculum : C) 2) การบริหารการศึกษา (Administration : A) 3) การจัดการเรียนการ
สอน (Learning : L) 4) การประเมินผล (Evaluation : E) 5) การมีส่วนร่วมของชุมชน (Participation : P)
6) การจัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อม (Environment : E) และ 7) การสร้างเครือข่าย (Network : N)
รูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความพอเพียงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยภาพรวม มีความ
เหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด( X = 4.59,S.D. = 0.60)
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความพอเพียงตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง ของครูและนักเรียนโรงเรียนเทศบาลตําบลดงมะไฟ จังหวัดสกลนคร ปรากฎผลดังนี้ ครู มี
การปฏิบัติตนสู่วิถีพอเพียงตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( X =
4.71, S.D.= 0.54) นักเรียนมีการปฏิบัติตนสู่วิถีพอเพียงตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยภาพรวม
อยู่ในระดับมากที่สุด (X = 4.56, S.D.= 0.64) และผู้ปกครอง มีการปฏิบัติตนสู่วิถีพอเพียงตามแนวปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด( X = 4.60, S.D.= 0.65)
4. ประเมินผลการทดลองใช้รูปแบบและขยายผลไปยังสถานศึกษาอื่นที่เป็นเครือข่ายการ
จัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปรากฏผลดังนี้
4.1 ครู มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความพอเพียงตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.72, S.D.= 0.54) นักเรียน มีความพึงพอใจต่อ
รูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความพอเพียงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยภาพรวมอยู่ในระดับ
มากที่สุด ( X = 4.49, S.D.= 0.64) และผู้ปกครอง มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่วิถีความ
พอเพียงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.59, S.D.= 0.64)
4.2 การขยายผลไปยังสถานศึกษาอื่นที่เป็นเครือข่ายการจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง โดยการวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนการทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงก่อนและหลังการอบรม พบว่าก่อนการอบรมได้คะแนนเฉลี่ยรวม166คะแนน คิดเป็นร้อยละ
41.51 และหลังการอบรมได้คะแนนเฉลี่ยรวม 378 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 94.50 แสดงว่าหลังการอบรมมี
คะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการอบรม