เจ้าของผลงาน : นางสาวนุ่นนภา เหล่าเจริญ ศึกษานิเทศก์ สพป.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 2
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
การนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการสำคัญในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาของประเทศ โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนและหนุนเสริมกระบวนการบริหารจัดการ การจัดการเรียนการสอน และการพัฒนาครูให้สามารถจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพของผู้เรียนให้มีศักยภาพตามเป้าหมายของมาตรฐานการศึกษา ทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของศตวรรษที่ 21 ผู้เรียนจำเป็นต้องมีทักษะที่หลากหลายและครอบคลุม ทั้งทักษะวิชาการ ทักษะอาชีพ ทักษะชีวิต ทักษะความเป็นผู้นำ และทักษะสำคัญอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการทำงานในโลกยุคใหม่ การนิเทศจึงมิได้เป็นเพียงภารกิจของศึกษานิเทศก์เท่านั้น แต่เป็นกลไกที่เชื่อมโยงการทำงานของทุกฝ่าย ในระบบการศึกษาให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถพัฒนาและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การจัดการศึกษาได้เปลี่ยนแปลงจากการเน้นความรู้เชิงท่องจำ ไปสู่การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะทักษะด้านการอ่าน ซึ่งถือเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ในวิชาอื่น ๆ ความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีที่1 โดยเฉพาะในรายวิชาภาษาไทย เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่สะท้อนถึงคุณภาพของการจัดการเรียนรู้ของครูในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียนในเขตพื้นที่การศึกษายังต่ำกว่าค่ามาตรฐาน ซึ่งบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการพัฒนาครูผู้สอนภาษาไทย ให้มีศักยภาพในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ตอบสนองต่อบริบทและพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนยุคใหม่ การนิเทศการศึกษาจึงเป็นกลไกหนึ่ง ของการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ โดยมีการปรับเปลี่ยนจากการควบคุมและตรวจสอบ ไปสู่รูปแบบของการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาอย่างมีระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนิเทศเชิงพัฒนา (Developmental Supervision) ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างครูและศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2562) ได้เน้นย้ำว่ากระบวนการนิเทศ ควรเป็นกลไกที่ช่วยเหลือ ชี้แนะ และพัฒนาการปฏิบัติงานของครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่แท้จริง โดยอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย
ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการ และต้องมีการบูรณาการเชื่อมโยงการทำงานอย่างเป็นระบบในทุกระดับของการจัดการศึกษา ซึ่งอดุลย์ วงศ์ก้อม (2552) ได้กล่าวเสริมไว้ว่า การนิเทศที่มีประสิทธิภาพ ควรมีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพครูและผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ทางการศึกษาที่ชัดเจน สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาคุณภาพอย่างยั่งยืน ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการอย่างมีระบบแบบแผน และมีเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลได้อย่างเป็นรูปธรรม (ศิลา สงอาจินต์, 2561) กล่าวว่าการนิเทศจะช่วยครูให้สามารถพัฒนา และปรับปรุงการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของตนเอง ทำให้ครูได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และร่วมมือกันวางแผนพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพ และครูเกิดความมั่นใจ มีขวัญและกำลังใจ รวมทั้งเกิดความภูมิใจในการปฏิบัติงานของตนเอง (ทิพวรรณ ถาวรโชติ, 2564) จำเป็นต้องมีวิธีการนิเทศที่มีประสิทธิภาพ มีการนิเทศร่วมกันอย่างเป็นระบบ ระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ มีการวางแผนการนิเทศ กำหนดแนวทางการดำเนินการนิเทศที่เป็นลำดับขั้นตอนและดำเนินการนิเทศเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้
เชิงรุกของครู ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2561ก, น. 21-22) ได้สรุปว่า นักเรียนจะเรียนได้ดีที่สุดเมื่อพวกเขามีส่วนร่วม ครูเปลี่ยนวิธีสอนจากการบอกให้ทำหรือการบรรยายไปสู่การสอนแบบใหม่ที่ปล่อยให้ผู้เรียน สอนตัวเอง โดยมีครูคอยแนะนำ ดังนั้น การสอนที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้นั้นต้องมีกระบวนการ ที่ให้ผู้เรียนได้มี
ส่วนร่วมในกิจกรรมโดยการศึกษา ค้นคว้า พิสูจน์ ทดลอง ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง และ สร้างผลงานของตนเองออกมาอย่างมีคุณภาพ ดังนั้นการสอนในศตวรรษที่ 21 จะเห็นภาพผู้เรียนที่มุ่งมั่นในการทำงานด้วยตนเอง Bonwell & Eison (1991) สรุปว่าการจัดการเรียนรู้เชิงรุก คือ กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือกระทำและได้ใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป และเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน 2 ประการ คือ 1) การเรียนรู้เป็นความพยายามโดยธรรมชาติของมนุษย์ และ 2) แต่ละบุคคลมีแนวทางในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน Meyers & Jones (1993) โดยผู้เรียนจะถูกเปลี่ยนบทบาท
จากผู้รับความรู้ (receive) ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ (co-create)
ผู้นิเทศในฐานะศึกษานิเทศก์ตระหนักถึงความสำคัญของการนิเทศเพื่อส่งเสริมศักยภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูภาษาไทยที่จะส่งเสริมความสามารถด้านการอ่านของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยได้ทำการศึกษาแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการนิเทศ อาทิ การประยุกต์ใช้กระบวนการ DMAIC ของ Six Sigma ซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ Define, Measure, Analyze, Improve และ Control ได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องมือเชิงระบบที่สามารถช่วยในการพัฒนางานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอิงข้อมูลจริงเป็นฐานตัดสินใจ และเน้นการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การนำกระบวนการ DMAIC มาประยุกต์ใช้ร่วมกับ
ผสานการนิเทศแบบชี้แนะในกระบวนการนิเทศการศึกษา จึงเป็นแนวทางที่น่าสนใจและมีศักยภาพ โดยเฉพาะในบริบทของการพัฒนาครูภาษาไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้คิด ลงมือทำ และสะท้อนการเรียนรู้ด้วยตนเอง อันจะนำไปสู่การพัฒนาทักษะการอ่านเขียน คิดวิเคราะห์ เพื่อเป็นวิถีในการค้นหาความรู้และต่อยอดองค์ความรู้ที่สูงขึ้น อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น และสารสนเทศ ที่เกี่ยวข้องของการรายงานจากผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน (RT) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ปัญหาภาวะถดถอยของผู้เรียนที่ส่งผลให้นักเรียนมีผลการประเมินรวมทั้ง 2 ด้าน มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 79.70 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ความสามารถด้านการอ่านออกเสียงมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 79.28 และความสามารถด้านการอ่านรู้เรื่อง มีคะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 80.12
ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และยังสามารถพัฒนาให้สูงขึ้นได้ ดังนั้น ศึกษานิเทศก์เป็นผู้รับผิดชอบกลุ่มสาระภาษาไทย จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนากระบวนการสอนของครูผ่านกิจกรรมการสอนและการสร้างสื่อการสอน ให้กับครูผู้สอนในวิชาภาษาไทยระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ให้สามารถออกแบบและจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยประยุกต์ใช้ผ่านกระบวนการ นิเทศตามแนวทาง DMAIC
ของ Six Sigma ผสานในการนิเทศแบบชี้แนะ ซึ่งจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ปัญหา วางแผนปรับปรุง
วัตถุประสงค์
1. เพื่อพัฒนากระบวนการนิเทศตามแนวทาง DMAIC ของ Six Sigma ผสานในการนิเทศแบบชี้แนะ
2. เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของครูภาษาไทยในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกให้ผู้เรียนมีทักษะการอ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ครูภาษาไทยสามารถสร้างสื่อการสอนและนำไปใช้ในการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านเขียน คิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ขอบเขตการนิเทศ
กลุ่มเป้าหมาย (ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง)
ประชากร
- ประชากรในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ ครูผู้สอนวิชาภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์
เขต 2 ปีการศึกษา 2566-2567 จำนวน 88 คน
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ ครูผู้สอนวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 ปีการศึกษา 2566-2567 จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) โดยมีเกณฑ์การคัดเลือก ดังนี้
1. เป็นครูผู้สอนวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครู ครูชำนาญการ หรือครูชำนาญการพิเศษ
2. เป็นครูที่สมัครเข้าร่วมโครงการส่งเสริมสื่อนวัตกรรมของครูสู่การอ่านได้ของผู้เรียน
3. เป็นผู้ที่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมทุกกระบวนของการเสริมสร้างศักยภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูภาษาไทย
ตัวแปรที่ใช้ในการนิเทศ
ตัวแปรอิสระ (Independent Variable)
- รูปแบบการนิเทศ โดยประยุกต์ใช้กระบวนการ DMAIC ของ Six Sigma
1. Define (กำหนดปัญหา)
2. Measure (วัดข้อมูล)
3. Analyze (วิเคราะห์ปัญหา)
4. Improve (พัฒนา/แก้ไข)
5. Control (ควบคุมและติดตามผล)
- การนิเทศแบบชี้แนะ 5 ขั้นตอนหลัก
ตัวแปรตาม (Dependent Variable)
1. ศักยภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูภาษาไทย
2. ความสามารถด้านการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ระยะเวลาในการนิเทศ
- ระยะเวลาในการนิเทศในครั้งนี้ คือ ปีการศึกษา 2566 - 2567
งบประมาณ/แหล่งงบประมาณ
- ได้รับการจัดสรรตามงบประมาณโครงการของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้กระบวนการนิเทศเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้ครูผู้สอนวิชาภาษาไทย สามารถออกแบบและจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน มีการวัดประเมินผลสอดคล้องตามสภาพจริงและสามารถต่อยอดพัฒนาเป็นนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสู่การอ่านได้ของผู้เรียนในระดับ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยมีการศึกษาวิเคราะห์ศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของครูก่อนการเสริมสร้าง เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบ การสร้างการเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิด หลักการ เทคนิควิธี สื่อนวัตกรรม การวัดและประเมินผล เพื่อนำไปสู่การออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูภาษาไทย มีการกำหนดแนวทางพัฒนาร่วมกันระหว่างครู และผู้นิเทศ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและปฏิบัติการนิเทศผสานการชี้แนะ โดยผ่านการใช้กระบวนการ DMAIC ของ Six Sigma ซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ Define, Measure, Analyze, Improve และ Control ในการปฏิบัติการนิเทศ ตลอดกระบวนการนิเทศ โดยสนับสนุนให้ผู้เกี่ยวข้อง
ในสถานศึกษาเป็นทีมนิเทศและมีส่วนร่วมทุกกระบวนการนิเทศ ทั้งร่วมสังเกตการสอน ร่วมประเมินผลการนิเทศ และให้ข้อมูลย้อนกลับที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ครูนำไปพัฒนาปรับปรุงงาน จากนั้นจัดเวทีวิชาการให้ครูได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
2. ได้แนวการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อเป็นวิถีในการค้นหาความรู้และต่อยอดองค์ความรู้ที่สูงขึ้น เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุก และชุดกิจกรรมในการพัฒนาทักษะการอ่านและเขียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
3. ครูผู้สอนมีสื่อ/นวัตกรรมในการส่งเสริมการอ่านได้ของผู้เรียน 1 ครู 1 นวัตกรรม สู่การอ่านได้ของผู้เรียน
4. นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อ่านได้ 100 %
นิยามศัพท์เฉพาะ
1. การนิเทศการศึกษา หมายถึง กระบวนการที่มีเป้าหมายในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการร่วมมือระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การยกระดับคุณภาพผู้เรียน
2. การนิเทศเชิงพัฒนา (Developmental Supervision) หมายถึง การนิเทศที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างศึกษานิเทศก์กับครู โดยใช้กระบวนการวางแผน ร่วมมือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาครูให้เกิดความเชื่อมั่นและสามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. กระบวนการ DMAIC ของ Six Sigma หมายถึง กระบวนการพัฒนาคุณภาพอย่างเป็นระบบที่ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่
- Define (กำหนด): ระบุปัญหาและเป้าหมายการพัฒนา
- Measure (วัดผล): เก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์
- Analyze (วิเคราะห์): ตรวจสอบสาเหตุของปัญหา
- Improve (ปรับปรุง): พัฒนาวิธีการแก้ไข
- Control (ควบคุม): ติดตามผลเพื่อรักษาคุณภาพงานอย่างต่อเนื่อง
4. ชี้แนะสะท้อนคิด (Coaching & Reflective Supervision) เป็นแนวทางการนิเทศที่เน้นการสร้างการเรียนรู้ร่วมกันระหว่าง ผู้ให้การนิเทศ และ ผู้รับการนิเทศ โดยมุ่งส่งเสริมการคิด วิเคราะห์ และพัฒนาการเรียนการสอนอย่างลึกซึ้งและยั่งยืน ซึ่งแตกต่างจากการนิเทศแบบสั่งการหรือแบบเน้นการตรวจสอบ
5. หลักการสำคัญของการนิเทศแบบชี้แนะสะท้อนคิด
- เน้นความร่วมมือ ไม่ใช่ควบคุม
- ผู้ให้การนิเทศเป็น ผู้นำการเรียนรู้ มากกว่าผู้ตรวจสอบ
- ส่งเสริมการคิดไตร่ตรองในตนเอง (self-reflection)
- เชื่อมโยงระหว่าง การปฏิบัติ กับ ผลลัพธ์ของผู้เรียน
- เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในอย่างแท้จริง
6. กระบวนการพัฒนาแนวทางการนิเทศแบบชี้แนะสะท้อนคิด หมายถึง กระบวนการพัฒนา
5 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
- การเตรียมความพร้อม
- การสังเกตและเก็บข้อมูล
- การชี้แนะอย่างมีศิลปะ (Coaching)
- การสะท้อนคิดร่วมกัน (Reflective Dialogue)
- การติดตามและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
7. การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) หมายถึง รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผ่านการลงมือปฏิบัติ คิด วิเคราะห์ ทดลอง และสะท้อนผลการเรียนรู้ โดยครูทำหน้าที่เป็นผู้ชี้แนะ
8. ศักยภาพของครูในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก หมายถึง ความสามารถของครูในการออกแบบ บูรณาการสื่อ และดำเนินการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุกที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมและความต้องการของผู้เรียน
9. ความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน หมายถึง ทักษะของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ที่สามารถอ่านออกเสียงได้อย่างถูกต้อง และเข้าใจเนื้อหา (อ่านรู้เรื่อง) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้
10. ศึกษานิเทศก์ หมายถึง บุคลากรทางการศึกษาที่มีหน้าที่สนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาครูในการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการนิเทศที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมตามบริบทของสถานศึกษา
11. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการอ่าน (RT) หมายถึง คะแนนเฉลี่ยของความสามารถด้านการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งวัดผลจากการอ่านออกเสียงและการอ่านรู้เรื่องตามเกณฑ์ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2
ขั้นตอนการดำเนินงาน/วิธีปฎิบัติที่ดีด้านการนิเทศ
ผ่านกระบวนการ ออกแบบดังนี้
Define (กำหนดปัญหา/เตรียมความพร้อม)
- ศึกษาปัญหาการอ่าน เขียนคิดวเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จากการคัดกรองการอ่าน โดยโรงเรียนได้รายงานมาที่ศึกษานิเทศก์
- คุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนต่ำยังสามารถพัฒนาให้สูงขึ้นได้
- ครูผู้สอนยังไม่สามารถสอนเป็น Active Learning
- สร้างความเข้าใจในแนวคิด ชี้แนะสะท้อนคิด กับผู้บริหารและครู
Measure (วัดข้อมูล สังเกตและเก็บข้อมูล)
- วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (RT)
- วิเคราะห์ผลจากการรายงานการคัดกรอง ป.1
- ตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้
Analyze (วิเคราะห์ปัญหา/นิเทศชี้แนะ)
- การประชุมวิเคราะห์ร่วมกับครู/ทีม PLC วิเคราะห์ของครู ขาดการนิเทศต่อเนื่อง
Improve (พัฒนา/แก้ไขการสะท้อนคิดร่วมกัน )
- นิเทศแบบร่วมมือ
- สร้าง/ปรับปรุงนวัตกรรม การสอนร่วมกับครู
Control (ควบคุมและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง)
- ติดตาม ประเมินผล และควบคุมไม่ให้ กลับ ไปสู่ปัญหาเดิม
- จัดทำรายงานผลและข้อเสนอแนะ
- สรุปปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพ เช่น ขาดสื่อ ขาดทักษะ
วิธีการดำเนินงาน/ด้านการนิเทศการศึกษาการนำไปใช้
1. กำหนดแนวทางและมาตรการในการส่งเสริมการอ่าน แผนงาน/แนวทาง/โครงการ/กิจกรรม
2. เขียนโครงการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 ผ่านกิจกรรม ส่งเสริมสื่อนวัตกรรมของครูสู่การอ่านได้ของผู้เรียน
3.สร้างแนวทางการส่งเสริมการอ่านให้ครูภาษาไทยนำใช้
4.อบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง ส่งเสริมสื่อนวัตกรรมของครูสู่การอ่านได้ของผู้เรียน
5.อบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning เพื่อพัฒนาผู้เรียนในยุคไม่แน่นอน
6.อบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนในยุคม่แน่นอน
ระยะที่ ๑
- สร้างการเรียนรู้โดยการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ( workshop)จัดอบรม ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2567 ณ ห้องประชุมสามพระยา ชั้น 3 ในหัวข้อเรื่อง ส่งเสริมสื่อนวัตกรรมของครูสู่การอ่านได้ของผู้เรียน ครูเข้ารับการอบรม 88 คน
- กำหนดแนวทางพัฒนา/จัดทำแผนนิเทศและเครื่องมือนิเทศการใช้สื่อ
- ติดตามการใช้สื่อของครูผู้สอนภาษาไทยที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมสื่อนวัตกรรมของครูสู่การอ่านได้ของผู้เรียน จำนวน 88 คน
ระยะที่ ๒
- การสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ร่วมกันเป็นการ PLC ครั้งที่1 กับคณะอาจารย์ที่เป็นวิทยากร ครูในกลุ่มเป้าหมาย
- อบรม ในวันที่ 9 10 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุมสามพระยา ชั้น 3ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ในหัวข้อ กระบวนการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก ( Active Learning )
- ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 อบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องกระบวนการ พัฒนาสื่อการเรียนการสอน เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาภาษาไทย
- กำหนดแนวทางพัฒนา/จัดทำแผนนิเทศและเครื่องมือนิเทศการใช้สื่อ
ผลที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมาย
1. ผลลัพธ์ของกิจกรรมส่งเสริมสื่อนวัตกรรมของครูสู่การอ่านได้ของผู้เรียนโดยครูผู้สอนวิชาภาษาไทย มีนวัตกรรมการส่งเสริมการอ่านได้ของผู้เรียน ร้อยละ 80.23 จากโรงเรียนทั้งหมด 86 โรงเรียนในสังกัด โรงเรียน 69 แห่ง มีนวัตกรรมพัฒนาการอ่านนักเรียน
2. โรงเรียนผ่านการประเมิน 10 โรงเรียน รายชื่อโรงเรียนที่ได้รับโล่ อ่านได้ 100 % นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ดังนี้
1. โรงเรียนบ้านหนองตะเภา
2. โรงเรียนบ้านหนองกา
3. โรงเรียนบ้านบางปู
4.โรงเรียนบ้านสามกระทาย
5. โรงเรียนบ้านสำโหรง
6. โรงเรียนบ้านปากเหมือง
7. โรงเรียนบ้านหนองจิก
8. โรงเรียนวัดทุ่งน้อย
9. โรงเรียนบ้านยางชุม
10.โรงเรียนบ้านหนองขาม (สันติกาญจน์ราษฎร์บำรุง)
3. ขยายผลนวัตกรรมครูที่ส่งผลให้โรงเรียนผ่านการประเมิน 10 โรงเรียน นักเรียนสามารถอ่านได้ 100 % ยังโรงเรียนอื่นได้เข้ามาเรียนรู้ผ่านหน้าเว็บสพป.ประจวบคีรีขันธ์ เขต2
ผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน
- ผลRT ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 นักเรียนในสังกัดสพป.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 ปี2566 มีค่าเฉลี่ยร้อยละรวมของผลการประเมินทั้ง 2 ด้าน: 83. สูงกว่าปี 2565 - ค่าเฉลี่ยร้อยละด้านการอ่านออกเสียง: 83.30%
- ค่าเฉลี่ยร้อยละด้านการอ่านรู้เรื่อง: 83.13%