บทคัดย่อ
โรงเรียนบ้านแก่ง เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนรวมเพียง 47 คน ประสบปัญหาในด้านทรัพยากร ครูไม่ครบชั้น จำนวนนักเรียนต่อห้องเรียนน้อย ส่งผลให้การจัดการเรียนรู้แบบแยกวิชาเฉพาะกลุ่มประสบข้อจำกัด และไม่สามารถพัฒนาผู้เรียนได้อย่างรอบด้านตามความต้องการของหลักสูตรสถานศึกษา เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โรงเรียนจึงได้พัฒนานวัตกรรม KAENG Model ซึ่งเป็นแนวทางจัดการศึกษาเชิงบูรณาการที่ออกแบบให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนขนาดเล็ก โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มี คุณลักษณะที่พึงประสงค์ทั้ง 8 ประการ อย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์, ซื่อสัตย์สุจริต, มีวินัย, ใฝ่เรียนรู้, อยู่อย่างพอเพียง, มุ่งมั่นในการทำงาน, รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ
กระบวนการดำเนินงานเป็นไปตามวงจร PDCA (Plan Do Check Act) เริ่มจากการวิเคราะห์บริบทโรงเรียนและชุมชน เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนา (P Plan) โดยมีการประชุมทีมครูร่วมกันออกแบบกิจกรรมที่บูรณาการทั้งวิชาการและคุณธรรม พร้อมกำหนดเป้าหมายพฤติกรรมรายบุคคลของนักเรียน และวางแผนร่วมกับภาคีเครือข่ายในชุมชน จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอน (D Do) โดยใช้ KAENG Model เป็นกรอบการจัดกิจกรรมที่เชื่อมโยงการเรียนรู้ 5 องค์ประกอบ ได้แก่
K Knowledge: ส่งเสริมความรู้ควบคู่คุณธรรม เช่น การสอนนิทานคุณธรรม บทเรียนบูรณาการ กิจกรรม คุณธรรม 1 นาที หน้าเสาธง ค่ายคุณธรรม และโครงงาน เด็กดีวิถีบ้านแก่ง
A Attitude: พัฒนาเจตคติที่ดีต่อสังคมและตนเอง ผ่านกิจกรรมสวดมนต์ นั่งสมาธิ โตไปไม่โกง เด็กไทยหัวใจคุณธรรม กิจกรรมวันสำคัญ เช่น วันแม่ วันพ่อ และวันเฉลิมพระชนมพรรษา
E Efficient: เสริมทักษะชีวิต เช่น โครงงาน ปิ่นโตวัยใสใส่ใจคุณธรรม, โครงงานจักรยานปั่นน้ำผลไม้, การทำ ECOBRICK, การผลิตภาพยนตร์สั้นส่งเสริมคุณธรรม และกิจกรรมฝึกอาชีพ เช่น ทำอาหาร ขนม พวงกุญแจจากกระสอบ และปลูกผักปลอดสารพิษ รวมถึงกิจกรรมฝึกความอดทน เช่น กีฬาสี การแข่งขันคีตะมวยไทย และกีฬาเครือข่าย
N Network: พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ เช่น โครงการ ชุมชนสอนลูกหลาน การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการวางแผนรายบุคคล (ID Plan) และกิจกรรมจิตอาสาร่วมกับ อบต., วัด และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
G Goal: สนับสนุนให้นักเรียนกำหนดเป้าหมายชีวิตผ่านแฟ้มสะสมผลงานส่วนบุคคล (ID Plan) กิจกรรม ตั้งเป้าพัฒนาตน และการสะท้อนผลรายเดือน เพื่อให้ผู้เรียนเห็นความก้าวหน้าของตนเอง
ผลลัพธ์จากการดำเนินงานพบว่า นักเรียนมีพัฒนาการด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ครบทุกด้าน โดยสามารถประเมินได้ทั้งจากแฟ้มสะสมงาน แบบสังเกตพฤติกรรม และแบบประเมินตนเอง นอกจากนี้ นักเรียนมีทักษะชีวิตดีขึ้น กล้าแสดงออก มีจิตอาสา เคารพในวัฒนธรรม มีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน และสามารถเรียนรู้อย่างมีความสุข โรงเรียนได้รับความร่วมมือจากชุมชนอย่างต่อเนื่อง และเป็นแบบอย่างในการพัฒนาผู้เรียนโรงเรียนขนาดเล็กทั้งในระดับเขตและระดับประเทศ นับเป็นนวัตกรรมที่สามารถขยายผลได้อย่างยั่งยืนในโรงเรียนบริบทคล้ายกัน