ชื่อวิจัย การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์และกระบวนการปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมทักษะทางพฤติกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
ผู้วิจัย นางสาวสุคนธ์ แดงโชติ
ปีที่วิจัย 2567
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์และกระบวนการปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมทักษะทางพฤติกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์และกระบวนการปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมทักษะทางพฤติกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาตามแนวคิด การเรียนรู้จากประสบการณ์และกระบวนการปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมทักษะทางพฤติกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา และ 4) เพื่อประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์และกระบวนการปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมทักษะทางพฤติกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 วิธีดำเนินการวิจัยใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (R&D) มี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบ ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบ และขั้นตอนที่ 4 การประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการทดลอง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านจะเฆ่ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 12 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบวิเคราะห์เอกสาร 2) แบบสอบถาม 3) คู่มือการใช้รูปแบบ 4) แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม 5) แผนการจัดการเรียนรู้ 6) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 7) แบบประเมินทักษะทางพฤติกรรม และ 8) แบบประเมินรูปแบบ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิตินอนพาราเมตริก Nonparametric Test แบบ Wilcoxon Signed Rank Test และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์และกระบวนการปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมทักษะทางพฤติกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีการปฏิบัติ ในระดับมาก คือ ด้านครูผู้สอนและด้านการวัดและประเมินผล ลำดับสุดท้าย คือ ด้านหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษา
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์และกระบวนการปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมทักษะทางพฤติกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 2 ที่สร้างขึ้น มีองค์ประกอบดังนี้ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการเรียนการสอน 4) การวัดและประเมินผล และ 5) เงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ ซึ่งกระบวนการเรียนการสอน มี 4 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นรับรู้, ขั้นที่ 2 ขั้นเชื่อมโยงประสบการณ์, ขั้นที่ 3 ขั้นบูรณาการความรู้ และขั้นที่ 4 ขั้นสะท้อนความคิด ผลการประเมินคุณภาพตามความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า มีความเหมาะสมระดับมากที่สุด และมีความสอดคล้องกันทุกขั้นตอน
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้ จากประสบการณ์และกระบวนการปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมทักษะทางพฤติกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา พบว่า
3.1 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์และกระบวนการปฏิบัติ มีคะแนนทักษะทางพฤติกรรม โดยรวมอยู่ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ เท่ากับ 84.33
3.2 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์และกระบวนการปฏิบัติ มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.3 ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์และกระบวนการปฏิบัติ เท่ากับ 86.06/85.42 ถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80
4. ผลการประเมินและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์และกระบวนการปฏิบัติ พบว่า ครูผู้สอนมีความคิดเห็นที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด ทุกด้านของการประเมิน