การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของครู สู่คุณภาพผู้เรียนโดยใช้กลยุทธ์การนิเทศ 6 ลักษณะ 2) ศึกษาศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของครู 3) ศึกษาคุณภาพผู้เรียน ดังนี้ 3.1) ความสามารถด้านการอ่าน และการเขียนของนักเรียน 3.2) พฤติกรรม
ที่สะท้อนถึงการมีนิสัยรักการอ่านของนักเรียน 3.3) ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรียนตามมาตรฐาน
ที่ 1 คุณภาพของผู้เรียน และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของครู และเครือข่ายการนิเทศที่มีต่อการพัฒนาศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของครู สู่คุณภาพผู้เรียนโดยใช้กลยุทธ์การนิเทศ 6 ลักษณะ ดำเนินการวิจัยและพัฒนา 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การกำหนดรูปแบบ ระยะที่ 2 การดำเนินการวิจัย และ ระยะที่ 3 การประเมินผลการวิจัย กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย 1) ครู กำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 102 คน 2) เครือข่ายการนิเทศ กำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 70 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบสอบถามระดับคุณภาพการพัฒนาศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของครู สู่คุณภาพผู้เรียนโดยใช้กลยุทธ์การนิเทศ
6 ลักษณะ 2) แบบสอบถามระดับศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของครู 3) แบบบันทึกผลการประเมินตามสภาพจริงการคัดกรองความสามารถด้านการอ่าน และการเขียนของนักเรียน 4) แบบสอบถามระดับคุณภาพพฤติกรรมการมีนิสัยรักการอ่านของนักเรียน 5) แบบบันทึกผลการประเมินตามสภาพจริง
การสังเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของนักเรียน และ 6) แบบสอบถามความพึงพอใจของครู และเครือข่ายการนิเทศที่มีต่อการพัฒนาศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของครู สู่คุณภาพผู้เรียนโดยใช้กลยุทธ์การนิเทศ 6 ลักษณะ ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ระดับคุณภาพการพัฒนาศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้
กลยุทธ์การนิเทศ 6 ลักษณะ ตามความคิดเห็นของครู และเครือข่ายการนิเทศ พบว่า
ปีการศึกษา 2566 โดยภาพรวมทั้งสองกลุ่มที่ประเมินมีคุณภาพอยู่ในระดับมาก ( = 4.08, S.D. = 0.81) เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่ม พบว่า กลุ่มเครือข่ายการนิเทศ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมาก
( = 4.30, S.D. = 0.74) รองลงมาคือ กลุ่มครู ( = 3.85, S.D. = 0.87) อยู่ในระดับมาก เช่นกัน
ปีการศึกษา 2567 โดยภาพรวมทั้งสองกลุ่มที่ประเมินมีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.59, S.D. = 0.47) เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มที่ประเมิน พบว่า กลุ่มครู มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด
( = 4.62, S.D. = 0.44) รองลงมาคือ กลุ่มเครือข่ายการนิเทศ ( = 4.56, S.D. = 0.49) อยู่ในระดับมากที่สุด เช่นกัน
2. ระดับศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของครูสู่คุณภาพผู้เรียน ตามความคิดเห็นของครูและเครือข่ายการนิเทศ พบว่า ปีการศึกษา 2566 โดยภาพรวมทั้งสองกลุ่มที่ประเมิน มีความคิดเห็น
ต่อระดับศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของครู สู่คุณภาพผู้เรียนมีคุณภาพอยู่ในระดับมาก ( = 4.01, S.D. = 0.80) เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มที่ประเมิน พบว่า กลุ่มครู มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.28, S.D. = 0.75) อยู่ในระดับมาก รองลงมาคือ กลุ่มเครือข่ายการนิเทศ ( = 3.73, S.D. = 0.84) อยู่ในระดับมาก เช่นกัน ปีการศึกษา 2567 โดยภาพรวมทั้งสองกลุ่มที่ประเมิน มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด
( = 4.52, S.D. = 0.50) เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มที่ประเมิน พบว่า กลุ่มเครือข่ายการนิเทศ
มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.53, S.D. = 0.48) อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ กลุ่มครู ( = 4.51, S.D. = 0.52) อยู่ในระดับมากที่สุด เช่นกัน
3. คุณภาพผู้เรียนหลังการพัฒนาศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของครู จำแนกเป็น
3.1 ผลการคัดกรองความสามารถด้านการอ่าน การเขียนของนักเรียน จำแนกตามขนาดของโรงเรียน พบว่า ปีการศึกษา 2566 ผลการคัดกรองความสามารถด้านการอ่านของนักเรียนที่มีคุณภาพอยู่ในระดับดีขึ้นไป จำนวน 42,114 คน คิดเป็นร้อยละ 81.09 และเมื่อพิจารณาจำแนกตามขนาดของโรงเรียน พบว่า โรงเรียนขนาดใหญ่ มีผลการประเมินระดับดีขึ้นไปมีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงสุดคือ ร้อยละ 82.51 รองลงมาคือ โรงเรียนขนาดกลาง ร้อยละ 81.08 และโรงเรียนขนาดเล็ก
ร้อยละ 80.19 ส่วนโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ มีค่าเฉลี่ยร้อยละต่ำสุดคือ ร้อยละ 79.32
ส่วนความสามารถด้านการเขียน ที่มีคุณภาพอยู่ในระดับดีขึ้นไป จำนวน 41,611 คน คิดเป็นร้อยละ 80.12 เมื่อพิจารณาจำแนกตามขนาดของโรงเรียน พบว่า โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ มีผลการประเมินระดับดีขึ้นไป มีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงสุดคือ ร้อยละ 82.82 รองลงมา ได้แก่ โรงเรียนขนาดเล็ก ร้อยละ 80.95 และโรงเรียนขนาดใหญ่ ร้อยละ 79.95 ส่วนโรงเรียนขนาดกลาง มีค่าเฉลี่ยร้อยละต่ำสุดคือ
ร้อยละ 74.20 ปีการศึกษา 2567 ผลการคัดกรองความสามารถด้านการอ่านของนักเรียนที่มีคุณภาพ
อยู่ในระดับดีขึ้นไป จำนวน 42,359 คน คิดเป็นร้อยละ 81.57 เมื่อพิจารณาจำแนกตามขนาด
ของโรงเรียน พบว่า โรงเรียนขนาดใหญ่ มีผลการประเมินระดับดีขึ้นไปมีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงสุดคือ
ร้อยละ 83.11 รองลงมาได้แก่ โรงเรียนขนาดเล็ก ร้อยละ 82.95 และโรงเรียนขนาดกลาง ร้อยละ 80.33 ส่วนโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ มีค่าเฉลี่ยร้อยละต่ำสุดคือ ร้อยละ 80.08 ส่วนความสามารถด้านการเขียนโดยรวมมีคุณภาพอยู่ในระดับดีขึ้นไป จำนวน 41,977 คน คิดเป็นร้อยละ 80.83
เมื่อพิจารณาจำแนกตามขนาดของโรงเรียน พบว่า โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษมีผลการประเมินระดับดี
ขึ้นไป มีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงสุดคือ ร้อยละ 83.59 รองลงมา ได้แก่ โรงเรียนขนาดใหญ่ ร้อยละ 80.54 และโรงเรียนขนาดกลาง ร้อยละ 75.91 ส่วนโรงเรียนขนาดเล็ก มีค่าเฉลี่ยร้อยละต่ำสุดคือ ร้อยละ 75.35
3.2 ระดับคุณภาพพฤติกรรมการมีนิสัยรักการอ่านของนักเรียน พบว่า ปีการศึกษา 2566 โดยรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( = 4.20, S.D. = 0.48) ปีการศึกษา 2567 โดยรวม
มีค่าเฉลี่ย ( = 4.23, S.D. = 0.41) อยู่ในระดับมาก เช่นกัน
3.3 ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรียน พบว่า ปีการศึกษา 2566 โดยรวมทุกประเด็นตัวชี้วัดด้านผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรียน มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 88.38 อยู่ในระดับดีเลิศ เมื่อพิจารณา
แต่ละประเด็นตัวชี้วัด พบว่า ประเด็นที่ 1 : มีความสามารถในการอ่าน การเขียน การสื่อสาร และ
การคิดคำนวณ มีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงสุด ร้อยละ 92.25 อยู่ในระดับยอดเยี่ยม รองลงมา คือ ประเด็นที่ 2 : ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดวิจารณญาณ อภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแก้ปัญหา
มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 90.14 อยู่ในระดับยอดเยี่ยม ส่วนประเด็นที่ 5 : ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามหลักสูตร
มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ร้อยละ 85.46 อยู่ในระดับดีเลิศ ปีการศึกษา 2567 โดยรวมทุกประเด็นตัวชี้วัด
ด้านผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรียนมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 88.69 อยู่ในระดับดีเลิศ เมื่อพิจารณา
แต่ละประเด็นตัวชี้วัด พบว่า ประเด็นที่ 1 : มีความสามารถในการอ่าน การเขียน การสื่อสาร และการคิดคำนวณ มีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงสุด ร้อยละ 93.14 อยู่ในระดับยอดเยี่ยม รองลงมา คือ ประเด็นที่ 2 : ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดวิจารณญาณ อภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแก้ปัญหา มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 92.25 อยู่ในระดับยอดเยี่ยม ส่วนประเด็นที่ 3 : ความสามารถในการสร้างนวัตกรรม
มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ร้อยละ 86.00 อยู่ในระดับดีเลิศ
4. ความพึงพอใจของครู และเครือข่ายการนิเทศ ที่มีต่อการพัฒนาศักยภาพการจัด
การเรียนรู้ของครู สู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้กลยุทธ์การนิเทศ 6 ลักษณะ พบว่า ปีการศึกษา 2566
โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ย ( = 3.90, S.D. = 0.69) อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณา
แต่ละกลุ่มที่ประเมิน พบว่า กลุ่มครู มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 3.99, S.D. = 0.56) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ กลุ่มเครือข่ายการนิเทศ มีค่าเฉลี่ย ( = 3.80, S.D. = 0.81) อยู่ในระดับมากเช่นกัน
ปีการศึกษา 2567 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ย ( = 4.23, S.D. = 0.63) อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มที่ประเมิน พบว่า กลุ่มเครือข่ายการนิเทศ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.25, S.D. = 0.70) อยู่ในระดับมาก รองลงมาคือ กลุ่มครู มีค่าเฉลี่ย ( = 4.21, S.D. = 0.55) อยู่ในระดับมาก เช่นกัน
คำสำคัญ : การพัฒนาศักยภาพการจัดการเรียนรู้ของครู, คุณภาพผู้เรียน, กลยุทธ์การนิเทศ
6 ลักษณะ