1.ยุทธวิธีในการวัดประเมินผสานการจัดการเรียนรู้
William (2018) ได้กล่าวถึงยุทธวิธีในการประเมินเพื่อพัฒนาที่ทำให้เกิดผลการพัฒนา 5 ยุทธวิธี ดังนี้
ยุทธวิธีที่ 1 การกำหนดวัตถุประสงค์และเกณฑ์ความส าเร็จในการเรียนรู้
การกำหนดเกณฑ์ให้คะแนน (Rubrics) หลักการในการกำหนดวัตถุประสงค์และเกณฑ์ความสำเร็จในการเรียนรู้ ครูควรคำนึงเกณฑ์การกำหนดเกณฑ์ให้คะแนน (Rubrics) การกำหนดเกณฑ์ความสำเร็จ และการใช้ภาษา ซึ่งไม่มีการกำหนดเกณฑ์ว่าแบบใดที่ดีที่สุด แต่ครูควรมีการเลือกใช้เกณฑ์ที่เหมาะสมในแต่ละชิ้นงานของนักเรียน
ยุทธวิธีที่ 2 การหาหลักฐานของความสำเร็จในการเรียนรู้
เป็นเรื่องของการชี้แจงและสื่อสารสิ่งที่ครูต้องการให้นักเรียนเรียนรู้ นักเรียนต้องมีความเข้าใจในตนเองว่าตนเองมีการเรียนรู้อยู่ในระดับใด มีความเข้าใจในบทเรียนแล้วหรือไม่การหาหลักฐานของความสำเร็จในการเรียนรู้ ครูสามารถทำได้โดยการใช้คำถามเพื่อให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมาซึ่งคำถามที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนักเรียน
ยุทธวิธีที่ 3 การให้ข้อมูลย้อนกลับ
เป็นยุทธวิธีในการข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนขณะที่มีการจัดการเรียนการสอน การให้ข้อมูลย้อนกลับแบบทันทีและเน้นให้ผู้เรียนได้ตรวจสอบด้วยตนเองก่อนได้รับการช่วยเหลือจาก เพื่อนและครู
ยุทธวิธีที่ 4 นักเรียนเป็นครูซึ่งกันและกัน
การเรียนรู้แบบร่วมมือกันของนักเรียน (cooperative learning) มีประสิทธิภาพ
เทียบเท่ากับการสอนแบบตัวต่อตัวจากครู ซึ่งนักเรียนมักจะรู้สึกไม่เต็มใจที่จะขัดจังหวะครูเพื่อขอคำชี้แจงแต่เมื่อทำงานกับเพื่อนนักเรียนมักจะรู้สึกสบายใจพอที่จะขอให้เพื่อนทำอะไรช้าลงหรือทำอะไรซ้าแล้วซ้าเล่าจนกว่าพวกเขาจะเข้าใจ และนักเรียนที่มีปัญหาอาจได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากเพื่อน ๆ มีคุณสมบัติ 2 ประการ เพื่อให้การเรียนรู้แบบร่วมมือ คือ 1) นักเรียนต้องมีเป้าหมายของกลุ่ม หากไม่มีเป้าหมายนักเรียนจะทำงานเป็นกลุ่มไม่ใช่เป็นกลุ่ม และ 2) นักเรียนแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง
ยุทธวิธีที่ 5 นักเรียนเป็นเจ้าของการเรียนรู้ของตน
ยุทธวิธีนี้ช่วยให้นักเรียนได้ฝึกประเมินตนเอง รับรู้ความสามารถของตนเองทั้งข้อดีและข้อบกพร่องของนักเรียน ถ้าครูสามารถจัดการเรียนรู้ได้ดีเท่าไหร่ก็จะยิ่งสามารถเรียนรู้ได้มากขึ้นเท่านั้นนักเรียนทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้การเรียนรู้ ดังนั้นครูที่จะสอนให้นักเรียนมีทักษะในการเป็นเจ้าของการเรียนรู้ของตนและส่งเสริมการกำกับตนเองของนักเรียน
2. การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self -Directed Learning : SDL)
การเรียนรู้แบบนำตนเอง (Self-directed learning) หมายถึงการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนได้เป็นผู้ปฏิบัติการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีPassion มีเป้าหมายและใช้กระบวนการเรียนรู้ของตนเองอย่างหลากหลาย มีความมุ่งมั่นเพียรพยายามจนเกิดความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และสมรรถนะตามเป้าหมายที่ผู้เรียนกาหนดไว้การเรียนรู้ด้วยการนำตนเองเริ่มต้นจากความสนใจใฝ่รู้(curiosity) ประกอบกับการมีวินัย (discipline) และความรับผิดชอบนำตนเองไปสู่การเรียนรู้อย่างมีความหมาย รู้จักการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาตนเองในยุคปัจจุบัน ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้บุคคลต้องมีการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีนักวิชาการจำนวนมาก (Song, Lee and Lee, 2022; Hwang and Oh, 2021; Fang et al, 2016; Senyuva and Kaya, 2014; Edly, 2024; Charokar and Dulloo, 2022; Brockett and Hiemstra, 2023) สรุปได้ดังนี้
1. การควบคุมกระบวนการเรียนรู้: ช่วยให้บุคคลสามารถออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ของตนเอง มีการควบคุมกระบวนการเรียนรู้และกำกับความก้าวหน้าของตนได้ตามความต้องการ
2. การเพิ่มพูนประสบการณ์และทักษะ : เปิดโอกาสให้บุคคลได้เพิ่มพูนประสบการณ์การเรียนรู้และทักษะในการลงมือทำมากกว่าสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ บุคคลมีอิสระในการขับเคลื่อนเส้นทางการเรียนรู้เพิ่มเติมตามความสนใจ และสามารถพัฒนาทักษะด้านนั้นให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและยังช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นและพัฒนาวินัยในตนเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างทักษะชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริงได้
3. การเลือกวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสม : ช่วยส่งเสริมความสามารถในการเลือกวิธีกาเรียนรู้ในเรื่องที่สนใจ สำคัญและเหมาะสมต่อตนเองได้ตลอดเวลา โดยการพัฒนาแนวทางเชิงกลยุทธ์ในการเรียนรู้และขยายขอบเขตการเรียนรู้ซึ่งเป็นการหล่อหลอมกรอบแนวคิดการเติบโต ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความถนัดและความชอบของตนเอง ดังนั้นวิธีการเหล่านี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะเข้าถึงความรู้ต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติและได้ประสิทธิภาพสูงสุด
4. การพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและคิดวิเคราะห์ : ช่วยส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการตัดสินใจ ทั้งในส่วนที่ต้องใช้ทักษะในการค้นคว้า การวางแผน และการตัดสินใจ ซึ่งทักษะเหล่านี้เป็นทักษะที่สำคัญในชีวิตประจำวันและการทำงาน
5. การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและการเรียนรู้ตลอดชีวิต: เป็นการสร้างนิสัยที่ดีในการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องตลอดชีวิตจากแรงจูงใจภายในที่จะกำหนดเส้นทางการเติบโตส่วนบุคคล ช่วยให้บุคคลสามารถพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดนิ่ง เนื่องจากโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วการมีทักษะในการเรียนรู้ด้วยตนเองทำให้บุคคลสามารถปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา
6. การเพิ่มความมั่นใจและความรับผิดชอบ : ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้เมื่อบุคคลสามารถกำหนดเป้าหมายและประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ด้วยตนเอง จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและรู้สึกมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเองมากขึ้น
ผลการดำเนินงาน/ผลสัมฤทธิ์/ประโยชน์ที่ได้รับ
1. ผลที่เกิดขึ้นตามวัตถุประสงค์
1.1 นักเรียนร้อยละ 98.50 ได้รับการวัดและประเมินผลที่ผสานกับการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาศิลป์สร้างสรรค์และรายวิชาศิลปะ พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อยู่ที่ร้อยละ 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 อยู่ที่ร้อยละ 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ที่ร้อยละ 98 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 อยู่ร้อยละ 98 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ร้อยละ 95 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อยู่ที่ร้อยละ 100 ซึ่งบรรลุเป้าหมายของกิจกรรม
1.2 นักเรียนร้อยละ 83.90 ที่มีแววความสามารถทางด้านดนตรีได้รับการส่งเสริมทักษะและความสามารถทางดนตรีได้รับการพัฒนาศักยภาพทางด้านดนตรีผ่านกิจกรรมของวงโยธวาทิต WKK Marching Band วงขับร้องประสานเสียง WKK Chorus รวมไปถึงการเป็นนักเรียนในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนชุมนุม ดนตรีและเสียงเพลง ปีการศึกษา 2567 รวมนักเรียนที่มีแววความสามารถทางด้านดนตรี จำนวน 46 คน และนักเรียนที่มีแววความสามารทางด้านดนตรีในระดับชั้นต่าง ๆ ประกอบด้วย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 22 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 15 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 19 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 19 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 11 และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 20 ซึ่งบรรลุเป้าหมายของกิจกรรม
1.3 นักเรียนที่ผ่านการจัดการเรียนรู้ที่ผสานการวัดและประเมินผลมีสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเองอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.65 ดังนี้ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีผลการประเมินสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.61 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีผลการประเมิสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.64 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลการประเมิสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.54 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลการประเมิสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.70 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีผลการประเมิสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.62 และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลการประเมิสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.80 ซึ่งบรรลุเป้าหมายของกิจกรรม
1.4 การดำเนินกิจกรรมการวัดและประเมินผสานการจัดการเรียนรู้ส่งเสริมให้นักเรียนมีสมรรถนะการเรียนรู้แบบนำตนเอง ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนศักยภาพทางด้านดนตรี สามารถนำความรู้ความสามารถต่อยอดความสนใจในการพัฒนาตนเองในระดับการศึกษาที่สูงขึ้น กระทั้งใช้ความสามารถเพื่อสร้างความภาคภูมิใจในตนเองและสร้างชื่อเสียงในโรงเรียน