1. ความสำคัญของนวัตกรรมที่นำเสนอ
1.1 ความเป็นมาและสภาพของปัญหา
ปัจจุบัน การพัฒนาผู้เรียนระดับชั้นอนุบาลให้มีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาถือเป็นหัวใจสำคัญของการจัดการศึกษา เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่บุคคลเริ่มวางรากฐาน ของพฤติกรรมและคุณลักษณะพื้นฐาน ซึ่งจะหล่อหลอมให้เกิดเป็นลักษณะนิสัยที่ยั่งยืนเมื่อเติบโตขึ้น หนึ่งในทักษะที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตและการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม คือ ความมีวินัย ด้านความสะอาดและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว การฝึกให้เด็กสามารถดูแลของใช้ส่วนตัว เก็บรักษาอุปกรณ์อย่างถูกต้อง รักษาความสะอาดพื้นที่ที่ใช้ร่วมกัน รวมถึงเรียนรู้ขั้นตอนการจัดระเบียบอย่างเหมาะสม เป็นพื้นฐานสำคัญต่อการสร้างพฤติกรรมเชิงบวกในระยะยาว ทั้งยังเป็นการวางรากฐานทักษะด้านการช่วยเหลือตนเอง การทำงานร่วมกับผู้อื่น การรู้จักหน้าที่ และการเคารพกฎกติกาในสังคม
จากการสังเกตพฤติกรรมของเด็กในช่วงวัยดังกล่าว พบว่าเด็กยังไม่สามารถปฏิบัติตามกิจกรรมการดูแลห้องเรียนได้อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่ยังขาดความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของความสะอาด รวมทั้งยังไม่เข้าใจผลกระทบของสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นระเบียบ ต่อการเรียนรู้ เช่น พื้นที่ที่รกหรือสื่อการเรียนรู้วางไม่เป็นที่เป็นทางทำให้เด็กเกิดความสับสน หาของไม่พบ หรือเกิดอุบัติเหตุจากการสะดุดสิ่งของ นอกจากนี้ยังพบปัญหาสิ่งของสูญหาย ขยะตกค้าง อุปกรณ์การเรียนเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ เนื่องจากไม่มีระบบการดูแลรักษาที่เป็นขั้นตอน หรือไม่มี การปลูกฝังพฤติกรรมซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้สภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ไม่พร้อม ต่อการจัดกิจกรรมในแต่ละวัน และทำให้เวลาเรียนรู้ต้องถูกใช้ไปกับการจัดระเบียบห้องเรียนมากกว่า การส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความไม่ตั้งใจของเด็ก แต่เกิดจากข้อจำกัดด้านพัฒนาการที่ยังต้องการการฝึกฝนผ่านประสบการณ์ตรงอย่างต่อเนื่อง เด็กปฐมวัยเรียนรู้ได้ดีที่สุดจากกิจกรรมที่สนุก เข้าใจง่าย และต้องมีแบบอย่างที่ชัดเจนในการปฏิบัติตาม การสั่งสอนด้วยวาจาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เด็กเกิดพฤติกรรมเชิงบวกอย่างยั่งยืน หากต้องมีการจัดกิจกรรมเป็นขั้นตอน มีการสร้างแรงเสริม และออกแบบรูปแบบที่เด็กสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่ ครูผู้สอน จึงมีความจำเป็นในการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ที่สร้างพฤติกรรมวินัยด้านความสะอาดให้เด็กปฐมวัยด้วยวิธีที่เหมาะสมกับวัย เข้าถึงง่าย และสอดคล้องกับแนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เน้นการลงมือปฏิบัติจริงเพื่อสร้างความเข้าใจและทักษะอย่างเป็นธรรมชาติ
ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดแนวคิดในการพัฒนานวัตกรรม ห้องเรียนสะอาดสร้างวินัย จุดประกายเด็กดี ด้วยกระบวนการ C L E A N ซึ่งเป็นรูปแบบกิจกรรมที่มีขั้นตอนเป็นระบบ ชัดเจน และสามารถประยุกต์ใช้ในทุกช่วงเวลาของการจัดกิจกรรมในห้องเรียน คำว่า CLEAN เป็นสัญลักษณ์ของกระบวนการเรียนรู้ที่ถูกออกแบบให้เป็นมิตรต่อเด็ก จำง่าย และนำไปสู่การสร้างพฤติกรรมด้านความสะอาด อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกระบวนการประกอบด้วยการสังเกต การจัดลำดับ การเก็บรักษา การประเมิน และการสร้างนิสัย ผ่านกิจกรรมที่เด็กได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ นวัตกรรมนี้เน้นการพัฒนาเด็กผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน มีสื่อประกอบที่เหมาะสมต่อวัย และมีการเสริมแรงเชิงบวก ควบคู่กับการสร้างบรรยากาศ ที่กระตุ้นให้เด็กเกิดแรงจูงใจในการร่วมมือดูแลห้องเรียนของตนเอง
1.2 แนวคิดหลักการสำคัญ
นวัตกรรม ห้องเรียนสะอาดสร้างวินัย จุดประกายเด็กดี ด้วยกระบวนการ C L E A N พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของแนวคิดทางการศึกษาปฐมวัยที่มุ่งเน้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและสามารถพัฒนาพฤติกรรมเชิงบวกผ่านกิจกรรมที่เป็นระบบ สอดคล้องกับธรรมชาติของพัฒนาการเด็กในช่วงวัยอนุบาล แนวคิดการสร้างวินัยผ่านการจัดสภาพแวดล้อมและการลงมือปฏิบัติมีรากฐาน จากนักทฤษฎีสำคัญหลายท่าน เช่น มอนเตสซอรี (Maria Montessori) ซึ่งให้ความสำคัญต่อสภาพแวดล้อมที่เป็นระเบียบ เป็นมิตร และจัดเตรียมอย่างเหมาะสม เพื่อส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง กระบวนการ CLEAN จึงสอดคล้องกับแนวคิด Prepared Environment หรือ สิ่งแวดล้อมที่เตรียมไว้แล้ว ที่ทำให้เด็กสามารถสังเกต หยิบใช้ เก็บคืน และดูแลสื่อการเรียนรู้ด้วยตนเองได้อย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งช่วยพัฒนาวินัยภายใน (Inner Discipline) อันเป็นพื้นฐานของพฤติกรรมที่ดีในระยะยาว ขณะเดียวกัน นวัตกรรมนี้ยังสอดคล้องกับแนวคิดของ ฌอง ปีอาเจต์ (Jean Piaget) ที่อธิบายว่าเด็กปฐมวัยอยู่ในช่วงพัฒนาการก่อนปฏิบัติการ (Pre-operational Stage) ซึ่งเด็กเรียนรู้ดีที่สุด ผ่านการลงมือทำ การเลียนแบบ การจัดหมวดหมู่ และการสร้างความเข้าใจจากประสบการณ์จริง ทำให้เด็กเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติและสามารถจดจำเป็นนิสัยได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ กระบวนการ CLEAN ยังยึดตามแนวคิดของ ไวก็อตสกี (Lev Vygotsky) ที่เน้น การเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning) โดยให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับเพื่อน และผู้ใหญ่ การลงมือทำร่วมกัน (Act together) จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสังคมของเด็ก ทำให้เด็กเรียนรู้การทำงานเป็นทีม การเจรจาตกลง การแบ่งหน้าที่ และการช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Zone of Proximal Development : ZPD ที่ระบุว่าเด็กสามารถพัฒนาศักยภาพได้ดีที่สุดเมื่อได้รับการชี้แนะอย่างเหมาะสมจากครูหรือเพื่อนที่มีความสามารถสูงกว่า ในด้านพฤติกรรมศาสตร์ นวัตกรรมนี้ยังอาศัยแนวคิดของ สกินเนอร์ (B. F. Skinner) เกี่ยวกับการเสริมแรงเชิงบวก (Positive Reinforcement) เพื่อสร้างพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในเด็กปฐมวัย ผ่านกิจกรรมการยอมรับ การชมเชย หรือสัญลักษณ์รางวัลเพื่อกระตุ้นให้เด็กเกิดแรงจูงใจภายใน ในการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ ซึ่งช่วยให้ขั้นตอนสุดท้ายของ CLEAN คือ Nurture habits สามารถพัฒนาต่อยอดจนเกิดเป็นนิสัยและคงอยู่ในระยะยาว หลักการสำคัญของนวัตกรรมจึงมุ่งเน้นให้เด็กปฐมวัยเกิดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ผ่านกระบวนการที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย พร้อมทั้งส่งเสริมให้เด็กเกิดความตระหนักรู้ว่าการรักษาความสะอาดและการจัดระเบียบห้องเรียนเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่ภาระของครูเพียงฝ่ายเดียว โดยกระบวนการ CLEAN ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เด็กปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบ เรียนรู้วิธีการจัดการสิ่งของ การจัดสภาพแวดล้อม และการรักษาความปลอดภัยในห้องเรียน ขณะเดียวกัน ยังช่วยเสริมทักษะชีวิต ทักษะสังคม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็กปฐมวัยให้เกิดขึ้น อย่างกลมกลืน กล่าวโดยสรุป แนวคิดและหลักการสำคัญของนวัตกรรมนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีพัฒนาการและการเรียนรู้ของนักทฤษฎีหลายสำนัก ซึ่งล้วนชี้ให้เห็นว่าการสร้างวินัย การจัดสภาพแวดล้อม ที่เหมาะสม และการให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติจริง เป็นปัจจัยสำคัญในการหล่อหลอมพฤติกรรมเชิงบวก กระบวนการ C L E A N จึงเป็นนวัตกรรมที่ตอบสนองต่อธรรมชาติของเด็ก อย่างแท้จริง ทำให้เด็กเกิดทักษะความรับผิดชอบ ความเป็นระเบียบ และคุณธรรมพื้นฐานเพื่อนำไปใช้ ในชีวิตประจำวันอย่างยั่งยืน
2. จุดประสงค์และเป้าหมายของนวัตกรรม
2.1 จุดประสงค์
2.1.1เพื่อส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยมีวินัยและความรับผิดชอบในการดูแลรักษาความสะอาด ของห้องเรียนอย่างต่อเนื่อง
2.1.2 เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีทักษะการทำงานร่วมกันและการมีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่ส่วนรวม ของห้องเรียน 2.1.3 เพื่อปลูกฝังเจตคติที่ดีและความตระหนักในความสำคัญของความสะอาด ความเรียบร้อย และความปลอดภัยในห้องเรียน