ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูเพื่อส่งเสริม
ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชน
แห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย
ผู้วิจัย นายวิทยา สุทธิไส ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา
วิทยฐานะ ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 4
ปีที่ทำวิจัย 2566 2567
บทคัดย่อ
การวิจัย เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครู เพื่อส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย มีวัตถุประสงค์ในการวิจัย 4 ข้อ ได้แก่ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนของครู โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครู เพื่อส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูเพื่อส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย และ 4) เพื่อการประเมินความพึงพอใจของครูผู้สอน นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูเพื่อส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยการดำเนินการวิจัย แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนโรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ครูผู้สอนโรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย ปีการศึกษา 2566จำนวน 24 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย ที่กำลังศึกษาในปี 2566 จำนวน 415 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 201 คน ได้มาโดยการกำหนดกลุ่มตัวอย่างของเครซี่และมอร์แกน (Krejcie, R. V. & Morgan, D. W., 1970: 607-610) ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลและเก็บข้อมูลเพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ครูผู้สอนโรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย จำนวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นแบบปลายเปิด มีการประชุมระดมความคิดเห็น โดยใช้วิธีสนทนาแบบปฏิสัมพันธ์ตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า (Triangulation) ขั้นตอนที่ 2 เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูเพื่อส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือในการวิจัย จำนวน 5 คน ครูผู้สอนโรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย ปีการศึกษา 2566 จำนวน 24 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย ที่กำลังศึกษาในปี 2566 จำนวน 415 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 201 คน ได้มาโดยการกำหนดกลุ่มตัวอย่างของเครซี่และมอร์แกน (Krejcie, R. V. & Morgan, D. W., 1970: 607-610) เครื่องมือตรวจสอบความเหมาะสม ความถูกต้อง ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ของรูปแบบ ได้แก่ แบบบันทึกการสนทนากลุ่มและแบบประเมินความเหมาะสม ความถูกต้อง ความเป็นไปได้และความเป็นประโยชน์ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ การวิเคราะห์เนื้อหาและร้อยละ (%) ขั้นตอนที่ 3 ศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูเพื่อส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอนโรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย จำนวน 27 คน ปีการศึกษา 2567 ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 จำนวน 303 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 175 คน ได้มาโดยการกำหนดกลุ่มตัวอย่างของเครซี่และมอร์แกน (Krejcie, R. V. & Morgan, D. W., 1970: 607-610) นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 จำนวน 303 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 175 คน ได้มาโดยการกำหนดกลุ่มตัวอย่างของเครซี่และมอร์แกน (Krejcie, R. V. & Morgan, D. W., 1970: 607-610) รวมจำนวน 377 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามระดับการปฏิบัติงานที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูโดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบตรวจสอบความเหมาะสมของการนำรูปแบบไปใช้ แบบตรวจสอบความเหมาะสมของคู่มือการใช้ แบบประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ของครู และแบบประเมินรูปแบบการบริหารสถานศึกษา ค่าความเชื่อมั่นของแบบประเมินทั้งฉบับ เท่ากับ 0.92 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (x ̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ขั้นตอนที่ 4 การประเมินความพึงพอใจของครูผู้สอน นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูเพื่อส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอนโรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย จำนวน 27 คน ปีการศึกษา 2567 ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 จำนวน 303 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 175 คน ได้มาโดยการกำหนดกลุ่มตัวอย่างของเครซี่และมอร์แกน (Krejcie, R. V. & Morgan, D. W., 1970: 607-610) นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 จำนวน 303 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 175 คน ได้มาโดยการกำหนดกลุ่มตัวอย่างของเครซี่และมอร์แกน (Krejcie, R. V. & Morgan, D. W., 1970: 607-610) รวมจำนวน 377 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ค่าความเชื่อมั่นของแบบประเมินทั้งฉบับ เท่ากับ 0.94 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (x ̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยพบว่า
สภาพปัจจุบัน ปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนของครู โรงเรียนชุมชนบ้านหนองฝ้าย พบว่า เมื่อเรียงอันดับตามค่าเฉลี่ย 3 ด้าน จากมากไปหาน้อย ได้แก่ 1) ด้านการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21
ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 2) ด้านการจัดหาสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะ
การเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และ 3) ด้านการส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านการส่งเสริมทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูเพื่อส่งเสริมทักษะของผู้เรียน
ในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม พบว่า มีความตรงและเหมาะสมมาก ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) องค์ประกอบที่ 1 ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครู 2) องค์ประกอบที่2 ด้านการบริหารงานโดยใช้วงจรคุณภาพ PDCA 3) องค์ประกอบที่ 3 ด้านการนิเทศการเรียนการสอน และ 4) องค์ประกอบที่ 4 ด้านการส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21
ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูเพื่อส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมที่ได้จากแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ของครูผู้สอนสอดคล้องและเป็นแนวทางเดียวกันในด้านความสำเร็จของการนําไปใช้อยู่ในระดับ มากที่สุด นําไปสู่การปฏิบัติได้จริงในการส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
ผลการประเมินความพึงพอใจของครูผู้สอน นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูเพื่อส่งเสริมทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ด้านทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
คำสำคัญ : รูปแบบการจัดการเรียนรู้, การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning), ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21