ชื่อเรื่อง รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง สำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2
ผู้ศึกษา นางนพรัตน์ ภักดีพันดอน
ปีที่รายงาน 2568
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบ สภาพที่เป็นจริง และสภาพที่พึงประสงค์การพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 2) สร้างและพัฒนารูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ 3) ทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ และ 4) ประเมินรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ ที่พัฒนาขึ้นในบริบทสถานการณ์จริง ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ ครู โรงเรียนอนุบาลหนองแสง จำนวน 22 คน วิธีการดำเนินการวิจัย แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาองค์ประกอบ สภาพที่เป็นจริง และสภาพที่พึงประสงค์การพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนย่อย ดังนี้ ขั้นที่ 1.1 ศึกษาองค์ประกอบ สภาพที่เป็นจริง และสภาพที่พึงประสงค์การพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง ขั้นที่ 1.2 การศึกษาสภาพที่เป็นจริง สภาพที่พึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นของการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ครู จำนวน 22 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง ขั้นที่ 1.3 การศึกษาแนวทางการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ กรณีศึกษา 3 โรงเรียนที่มีวิธีปฏิบัติเป็นเลิศด้านการนิเทศภายใน โดยการสัมภาษณ์ ขั้นที่ 1.4 การศึกษาแนวทางรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ผู้บริหารสถานศึกษา 3 โรงเรียนที่มีวิธีปฏิบัติเป็นเลิศด้านการนิเทศภายใน โดยใช้แบบสอบถาม ขั้นตอนที่ 2 สร้างและพัฒนารูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง ประกอบด้วย 2 ขั้นตอนย่อย ดังนี้ ขั้นที่ 2.1 การยกร่างรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง จำนวน 13 คน โดยการประชุมระดมสมอง ขั้นที่ 2.2 ตรวจสอบร่างรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ด้วยวิธีประชุมสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ (Connoisseurship) จำนวน 5 คน ขั้นตอนที่ 3 ทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง มี 1 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 3.1 การใช้รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนอง กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ครู จำนวน 22 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง ขั้นตอนที่ 4 การประเมินรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง มี 2 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 4.1 การประเมินความพึงพอใจรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง จำนวน 228 คน โดยใช้แบบสอบถาม ขั้นที่ 4.2 การประเมินรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพโรงเรียนอนุบาลหนองแสง จำนวน 5 คน โดยใช้แบบสอบถาม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสังเคราะห์เอกสาร 2) แบบสอบถาม 3) แบบสัมภาษณ์ 4) แบบทดสอบ 5) แบบบันทึก 6) แบบประเมินความพึงพอใจ 7) แบบประเมินรูปแบบ วิเคราะห์ข้อมูล โดยการวิเคราะห์เนื้อหาและใช้สถิติ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (X ̅) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้
1. ความต้องการจำเป็นการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในของการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 โดยภาพรวม (PNImodifed = 0.09) เรียงตามลำดับความสำคัญ ได้แก่ ลำดับที่ 1 ด้านการปฏิบัติการนิเทศ (PNImodifed = 0.100) ลำดับที่ 2 ด้านการให้ข้อมูลย้อนกลับ (PNImodifed = 0.098) ลำดับที่ 3 ด้านการวางแผนร่วมกัน (PNImodifed = 0.093) ลำดับที่ 4 ด้านการประเมินและรายงานผล (PNImodifed = 0.076)
2. ผลการสร้างรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในของการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ ประกอบด้วย องค์ประกอบที่สำคัญ 5 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 หลักการ ส่วนที่ 2 วัตถุประสงค์ ส่วนที่ 3 กระบวนการดำเนินงาน ส่วนที่ 4 ผลการดำเนินงาน ส่วนที่ 5 เงื่อนไขความสำเร็จ
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ
3.1 ผลการทดลองใช้รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ พบว่า ครูมีความรู้ความเข้าใจการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ก่อนการอบรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ มีค่าเฉลี่ย 12.18 หลังการอบรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ มีค่าเฉลี่ย 16.00 เมื่อพิจารณาค่าทีพบว่า แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.2 ผลการประเมินสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบ
ร่วมพัฒนาวิชาชีพ โดยภาพรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ 1) ด้านความรู้ มีค่าเฉลี่ย 4.31 อยู่ในระดับมาก 2) ด้านเจตคติ ค่าเฉลี่ย 4.23 อยู่ในระดับมาก และ 3) ด้านความสามารถการจัดการเรียนรู้ ค่าเฉลี่ย 4.21 อยู่ในระดับมาก
4. ผลการประเมินรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2
4.1 ผลการประเมินความพึงพอใจของครูต่อรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ พบว่า ครูมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพ ภาพรวมอยู่ในระดับมาก
4.2 ผลการประเมินรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้วยการนิเทศภายในแบบร่วมพัฒนาวิชาชีพของโรงเรียนอนุบาลหนองแสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด