ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เสริมสร้างมโนมติฟิสิกส์และความสามารถในการ
แก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นางพรทิพย์พา จรรยาประดิษย์
โรงเรียน โรงเรียนสีคิ้ว "สวัสดิ์ผดุงวิทยา" อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
ปีที่พิมพ์ 2559
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เสริมสร้างมโนมติฟิสิกส์และความสามารถในการ
แก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐาน
ในการพัฒนารูปแบบการเรียนากรสอนที่เสริมสร้างมโนมติฟิสิกส์และความสามารถในการแก้ปัญหา
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอน
ที่เสริมสร้างมโนมติฟิสิกส์และความสามารถในการแก้ปัญา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
3) เพื่อเปรียบเที่ยบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มโนมติฟิสิกส์และความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนก่อนเรียนเรียนและหลังเรียน จากการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่เสริมสร้างมโนมติฟิสิกส์และความสามารถในการแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนในการประเมินรูปแบบการเรียนการสอนที่เสริมมโนมติฟิสิกส์และความสามารถในการแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ครั้งนี้ คือนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6/2 จำนวน 34 คน โรงเรียนสีคิ้ว "สวัสดิ์ผดุงวิทยา" อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ได้มาจากการสุ่มกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เคื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมีจำนวน 5 ชนิด คือ 1)แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 6 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนซึ่งเป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.25-0.75 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ (KR-20) เท่ากับ 0.87 3) แบบวัดความสามารถในการใช้มโนมติฟิสิกส์ ซึ่งเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.25-0.58 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ (KR-20)เท่ากับ 0.90 4) แบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ 0.25-0.50 และค่าความเชือมั่นทั้งฉบับ (KR-20) เท่ากับ 0.88 และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจ ของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนที่เสริมสร้างมโนมติฟิสิกส์และความสามารถในการแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) จำนวน 20 ข้อ มีนำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.36-0.73 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ (α) เท่ากับ 0.93 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบที่ (t - test for Dependent Sample)