ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษฯและทักษะการใช้เทคโนโลยี ชั้นม.3 โดยใช้ทูทีทูเอกำลังดี โมเดล

แบบฟอร์มรายงานนวัตกรรมการศึกษา

ชื่อเรื่อง การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและทักษะการใช้เทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ทูทีทูเอกำลังดี โมเดล

ผู้จัดทำ นางสุดาวรรณ โคตรเนตร

โรงเรียน ห้วยทับทันวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร

ปี พ.ศ. 2563

ประเภทนวัตกรรม ด้านจัดการเรียนรู้

1. หลักการ

ความก้าวหน้าของสังคมโลกปัจจุบันที่สื่ออิเล็กทรอนิกส์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างเข้มข้น การพัฒนาการเรียนการสอนที่ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา และสถานที่โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาช่วยส่งเสริมการเรียนรู้นั้นมีหลายรูปแบบ เช่น การใช้หนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ในการการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสำหรับนักเรียน ผู้เรียนสามารถศึกษาเอกสารแบบฝึกผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ในระบบออนไลน์ได้ตามความต้องการโดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนสามารถใช้สื่อดังกล่าวเพื่อทบทวนเนื้อหาการเรียนรู้ได้อย่างไม่จำกัด (เพ็ญนภา คล้ายสิงห์โต. 2563: 208, อัมราภรณ หนูยอด และคณะ. 2562: 23) รวมทั้งสามารถปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา ความน่าสนใจของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถใช้มือเปิดอ่านได้เหมือนหนังสือปกติ ประกอบกับประสิทธิภาพของวิธีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นภาระงานโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน จะสามารถพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสำหรับผู้เรียนได้

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็นนวัตกรรมที่นำแนวคิดในการนำเทคโนโลยีทางการศึกษามาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนเป็นรายบุคคลโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การเรียนโดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ซึ่งเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์หนึ่งที่เหมาะสมกับการเรียนการสอนในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทอย่างยิ่ง และส่งผลต่อการเรียนรู้อย่างไม่มีขีดจำกัดของผู้เรียน คือการสร้างรูปแบบการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จากงานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้นได้ทุกระดับในรายวิชาต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง สำหรับระดับมัธยมศึกษามีผู้วิจัยได้พัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น อรัญญา บำรุงกลาง (2561: 97-108) ได้พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบSQ3R โดยประยุกต์ใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐานสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนของนักเรียนให้ดีขึ้น นักเรียนได้ศึกษาสาระสำคัญ และประโยชน์ที่ได้จากการอ่านในรูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ เกิดการจดจำและเข้าใจบทเรียนมากยิ่งขึ้น ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลาตามความสามารถของตนเอง และปาริฉัตร อินทร์ไชย (2553: บทคัดย่อ) ได้ทำการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) เรื่อง Present Simple Tense ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผลการวิจัยพบว่า บทเรียนที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ E1/E2 เท่ากับ81.33/80.33 คุณภาพบทเรียนโดยผู้เชี่ยวชาญอยู่ในระดับมาก ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าเรียน ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยบทเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด

จากงานวิจัยดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า การนำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการจัดการกระบวนการเรียนการสอนมีความเหมาะสมในยุคปัจจุบันที่สอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ครูผู้สอนภาษาอังกฤษทุกระดับชั้นจึงได้ผลิตสื่อเพื่อเป็นเครื่องมือทำให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการเรียน ผู้วิจัยในฐานะผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จึงมีความเห็นว่า ควรมีการศึกษาและนำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์มาใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ ซึ่งจากเดิมครูเคยใช้แบบฝึกทักษะที่เป็นกระดาษหรือนำเสนอโดยใช้ไฟล์เอกสาร หรือใช้ PowerPoint ผ่านโปรเจ็คเตอร์ในห้องเรียนนั้นยังเป็นสื่อแบบดั้งเดิมที่ไม่น่าสนใจ ควรปรับให้เป็นหนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์แบบเปิดได้ด้วยโปรแกรมอย่างง่าย Flip Album ดังเช่นมีผู้วิจัยที่ได้นำมาพัฒนาบทเรียนออนไลน์แบบผสมผสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้วยโปรแกรม Flip album สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และทำให้ผู้เรียนมีผลการเรียนรู้พัฒนาขึ้น (วาทินี สะกะมณี. 2561: 75-76)

ปัญหาและอุปสรรคด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ พบว่า นักเรียนไม่ตระหนักถึงความสำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษเท่าที่ควร นักเรียนส่วนมากมีความสามารถและทักษะการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับปานกลางไปถึงค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ผู้เรียนไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้อาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น การจัดการเรียนรู้ที่ยึดครูเป็นศูนย์กลาง นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมน้อย ขาดทักษะการนำภาษาอังกฤษไปใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน การวัดผลและประเมินผลยังเน้นการวัดความรู้ความจำเป็นส่วนใหญ่ กิจกรรมการเรียนรู้ไม่น่าสนใจ ส่งผลให้การเรียนน่าเบื่อหน่าย และไม่เห็นความสำคัญของวิชาที่เรียน จากสรุปผลการประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติ (O-NET) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเป็นระดับชั้นที่ผู้วิจัยเป็นครูผู้สอน พบว่า ปีการศึกษา 2561 และปีการศึกษา 2562 คะแนนเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 26.56 และ 28.41 ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด คือร้อยละ 50 (โรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคม. 2563: ภาคผนวก) สาระการเรียนรู้ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนเนื่องจากคะแนนเฉลี่ยของโรงเรียนต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ ได้แก่ สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร และสาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม

ผู้วิจัยจึงเห็นว่าควรบูรณาการทั้งเนื้อหาที่เรียน กิจกรรมการเรียนรู้ ตลอดจนจุดมุ่งหมายการเรียนรู้ให้ผู้เรียนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง จึงได้นำแนวคิดการเรียนรู้ที่เน้นภาระงานโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเป็นเนื้อหาในการเรียนรู้ อาทิเช่น แหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นอำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษซึ่งเป็นท้องถิ่นที่นักเรียนอาศัยอยู่ เพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ภาษาโดยใช้ภาระงานเป็นสื่อการเรียนรู้ นักเรียนนำเสนอโดยจัดทำเป็นบันทึกวีดีโอ จำนวน 3 คลิป เพื่อศึกษาพัฒนาการด้านการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและความสามารถในการใช้เทคโนโลยี อันจะเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้เรียนโดยตรง ผู้เรียนได้วางแผนการทำงานเป็นกลุ่ม คิดแก้ปัญหาที่เกิดจากการทำงาน ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ ใช้แหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยตรง เป็นการเรียนรู้ที่มีคุณค่าสามารถนำไปใช้ในท้องถิ่นและในชีวิตประจำวันได้จริง ส่วนครูผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้เสนอแนะแนวทางการเรียนรู้เพิ่มเติมด้านเนื้อหาเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทางภาษา อีกทั้งเป็นการสร้างแรงจูงใจในการเรียนอีกด้วย

ผู้วิจัยได้ค้นคว้าผลงานการผลิตสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นเป็นภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากลนั้น พบว่า ยังมีอยู่น้อยมาก สอดคล้องกับ พระครูสุธีสุตสุนทร และภัทราวรรณ กวาวสาม (2560: 23, 66) ได้กล่าวถึงการพัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์ภาคภาษาอังกฤษสำหรับวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวไว้ว่า ควรใช้สื่อใหม่ (New Media) เช่น Internet Website E-Book E-mail เป็นต้น ควรจะใช้สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศประเภท QR code YouTube และ Audio Visual Media นอกจากนี้ สุวรรณี ศิริพิทักษ์ชัย (2559: 66) ได้สนับสนุนแนวคิดการเรียนรู้ที่เน้นภาระงานโดยใช้แหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมทักษะการพูดภาษาอังกฤษไว้ว่า ผลการทดลองใช้สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีผลการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01

จากความสำคัญของปัญหาและแนวคิดในการพัฒนาการเรียนรู้ดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยได้สร้างหนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E-book) จำนวน 10 หน่วยการเรียนรู้ เพื่อใช้เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน และได้มอบหมายภาระงานให้นักเรียนผลิตสื่อวีดีโอที่มีเนื้อหาสถานที่ท่องเที่ยวและอาหารท้องถิ่น คือ ส้มตำและไก่ย่างไม้มะดัน ผู้เรียนได้นำเสนอเป็นคลิปวีดีโอ จำนวน 3 คลิปจาก 3 หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ 1) หน่วย Giving Advice (The Most Delicious Somtam) 2) หน่วย Traveling and Culture (Huaithapthan Grilled Chicken) และ 3) หน่วย Environment (How to Save the World in Huaithapthan Town) เพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อ

การสื่อสารและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้พัฒนาขึ้น

2. วัตถุประสงค์

เพื่อศึกษาผลการพัฒนาความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีตามแนวคิดการเรียนรู้ที่เน้นภาระงานโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

3. วิธีดำเนินการ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) ซึ่งผู้วิจัยไดแบ่งการดำเนินการทดลองเป็น 3 วงรอบ เพื่อศึกษาพัฒนาการของผู้เรียนด้านความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ดังรายละเอียดต่อไปนี้

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

1. แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 3 หน่วยการเรียนรู้ และมอบหมายภาระงานให้นักเรียนจัดทำคลิปวีดีโอ ได้แก่ 1) Giving Advice: Topic: The Most Delicious Somtam 2) Travelling and Culture: Topic: Huaithapthan Grilled Chicken และ 3) Environment: Topic: How to Save the World in Huaithapthan Town

2. หนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E-book) จำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ 1) Giving Advice 2) Travelling and Culture และ 3) Environment

3. แบบประเมินความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เรื่องละ 20 คะแนน รวมจำนวน 60 คะแนน

4. แบบประเมินความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เรื่องละ 20 คะแนน รวมจำนวน 60 คะแนน

ขอบเขตการวิจัย

การทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและทักษะการใช้เทคโนโลยีตามแนวคิดการเรียนรู้ที่เน้นภาระงานโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีดังนี้

ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 28 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 6 ห้องเรียน จำนวน 202 คน

กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 28 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 39 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Sample Random Sampling)

ตัวแปรตาม ได้แก่ 1) ความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 2) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

ขั้นตอนการดำเนินการวิจัย

จากการศึกษาค้นคว้าแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและทักษะการใช้เทคโนโลยีตามแนวคิดการเรียนรู้ที่เน้นภาระงานโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นั้นผู้วิจัยได้สังเคราะห์แนวคิด การเรียนรู้ที่เน้นภาระงาน และการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน มีขั้นตอนในการดำเนินการวิจัยโดยใช้กระบวนการดังนี้

1. เสนอบทเรียนใหม่ (Presentation) ซึ่งนำเนื้อหาจากบริบทชุมชนท้องที่อำเภอห้วยทับทัน จังหวัด

ศรีสะเกษ ให้นักเรียนศึกษาโดยใช้หนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E-book) จำนวน 3 เรื่อง และมอบหมายภาระงาน (การเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน -สัมผัสด้านสถานที่) (Task-based Activity)

2. กิจกรรมขั้นฝึกปฏิบัติ (Practice) นักเรียนวางแผนการทำงานร่วมกัน สืบค้นข้อมูล ผ่านกิจกรรม

เดี่ยว กิจกรรมคู่ และกิจกรรมกลุ่ม แลกเปลี่ยนคำตอบสรุปเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของทั้งคู่ นักเรียนแต่ละคู่นำเสนอคำตอบต่อสมาชิกทั้งชั้น อภิปราย สะท้อนผล เพื่อเตรียมการสร้างบทสนทนาหรือสคริป (Script) ที่จะใช้ในการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร(การใช้เทคโนโลยี /การทำงานเป็นทีม) (Technology and Teamwork Activity)

3. กิจกรรมขั้นสร้างสรรค์ชิ้นงาน (Production)

3.1 นักเรียนทำงานกลุ่ม ลงปฏิบัติงานค้นคว้าข้อมูลในสถานที่จริงตามหน่วยการเรียนรู้ (การเรียนรู้ที่เน้นภาระงาน/การเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน/การทำงานเป็นทีม) (Active Learning)

3.2 นักเรียนวางแผนการเขียนแนะนำสถานที่ (การทำงานเป็นทีม) นักเรียนส่งบทสคริปให้ครูตรวจ ครูให้ข้อเสนอแนะ และแลกเปลี่ยน เปรียบเทียบผลงานของตนกับกลุ่มเพื่อน เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขเป็นผลงานของกลุ่มตนเอง ฝึกทักษะการพูดจนคล่อง และจัดทำวีดีโอแนะนำสถานที่เป็นภาษาอังกฤษ (ทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร/การเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน –ความผูกพันกับสถานที่ / ทักษะการใช้เทคโนโลยี) นำเสนอให้ครูและเพื่อนปรับปรุงแก้ไข นักเรียนนำไปปรับปรุง บันทึกคลิปใหม่ปรับปรุงให้ดีขึ้นตามลำดับ

3.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอวีดีโอต่อสมาชิกทั้งชั้น อภิปรายผล สะท้อนผล ครูและเพื่อนให้ข้อเสนอแนะ (ทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร / การทำงานเป็นทีม/ทักษะการใช้เทคโนโลยี)

4. ตรวจสอบกระบวนการทำงานร่วมกับครูและเพื่อน สรุปบทเรียน / ประเมินผลการปฏิบัติงาน (AAR: After Action Review) โดยครูเป็นผู้คอยแนะนำให้คำปรึกษา และนักเรียนนำมาเปรียบเทียบผลงานกลุ่มตนเองกับกลุ่มเพื่อนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้

5. นำไปปรับปรุงพัฒนาชิ้นงานของตนเองให้ดีขึ้น (Development) บันทึกวีดีโอและส่งคลิปวีดีโอใหม่อีกครั้ง

4. สรุปผล

ตอนที่ 1 ผลการศึกษาความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารตามแนวคิดการเรียนรู้ที่เน้นภาระงานโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แสดงได้ดังนี้

ในวงรอบที่ 1 คะแนนเฉลี่ยความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารตามแนวคิดการเรียนรู้ที่เน้นภาระงานโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากคะแนนเต็ม 20 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 14.03 (S.D.=2.12) คิดเป็นร้อยละ 70.13 และความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเพิ่มขึ้นในวงรอบที่ 2 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 14.95 (S.D.=3.54) คิดเป็นร้อยละ 74.74 และเพิ่มขึ้นมากที่สุดในวงรอบที่ 3 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 17.21 (S.D.=0.71) คิดเป็นร้อยละ 86.03 รวมเฉลี่ยจำนวน 3 วงรอบนักเรียนมีความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 15.45 (S.D.=2.12) คิดเป็นร้อยละ 76.97 ตามลำดับ

ตอนที่ 2 ผลการศึกษาความสามารถในการใช้เทคโนโลยีตามแนวคิดการเรียนรู้ที่เน้นภาระงานโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ในวงรอบที่ 1 คะแนนเฉลี่ยความสามารถในการใช้เทคโนโลยีตามแนวคิดการเรียนรู้ที่เน้นภาระงานโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากคะแนนเต็ม 20 มีค่าเท่ากับ 13.31 (S.D.=0.71) คิดเป็นร้อยละ 66.54 เพิ่มขึ้นในวงรอบที่ 2 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 14.64 (S.D.=3.54) คิดเป็นร้อยละ 73.21 และเพิ่มขึ้นมากที่สุดในวงรอบที่ 3 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 14.13 (S.D.=0.71) คิดเป็นร้อยละ 70.64 รวมเฉลี่ยจำนวน 3 วงรอบนักเรียนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีตามแนวคิดการเรียนรู้ที่เน้นภาระงานโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 42.08 (S.D.=1.65) คิดเป็นร้อยละ 70.13 ตามลำดับ

โพสต์โดย Sudawan : [25 มี.ค. 2564 เวลา 11:35 น.]
อ่าน [3203] ไอพี : 110.77.241.227
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 8,585 ครั้ง
เตรียมตัวก่อนไปทะเล
เตรียมตัวก่อนไปทะเล

เปิดอ่าน 28,329 ครั้ง
มาค้นหาไฟล์ใหญ่ๆในฮาร์ดดิสก์กันเถอะ
มาค้นหาไฟล์ใหญ่ๆในฮาร์ดดิสก์กันเถอะ

เปิดอ่าน 10,462 ครั้ง
โชว์ภาพ 3 มิติ แก๊ดเจ็ตใหม่ บัตรประชาชนอนาคต
โชว์ภาพ 3 มิติ แก๊ดเจ็ตใหม่ บัตรประชาชนอนาคต

เปิดอ่าน 14,907 ครั้ง
กินวิตามินอย่างไรให้ได้ประโยชน์
กินวิตามินอย่างไรให้ได้ประโยชน์

เปิดอ่าน 11,542 ครั้ง
คู่มือหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางของงานก่อสร้างและหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติการชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญ
คู่มือหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางของงานก่อสร้างและหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติการชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญ

เปิดอ่าน 20,416 ครั้ง
ร่าง พรบ.ระเบียบข้าราชการครูฯ (ฉบับที่.) พ.ศ....
ร่าง พรบ.ระเบียบข้าราชการครูฯ (ฉบับที่.) พ.ศ....

เปิดอ่าน 10,671 ครั้ง
"เจตพังคี" คืออะไร?
"เจตพังคี" คืออะไร?

เปิดอ่าน 16,674 ครั้ง
กินแตงโม...ลดความดันเลือด
กินแตงโม...ลดความดันเลือด

เปิดอ่าน 5,912 ครั้ง
การประเมินจากภายนอกสถานศึกษาจำเป็นหรือไม่?
การประเมินจากภายนอกสถานศึกษาจำเป็นหรือไม่?

เปิดอ่าน 24,312 ครั้ง
ฟังกันหรือยัง คลิปยอดฮิต ครูฝึกสอนไฟแรง ร้องหมอลำระบบการศึกษา
ฟังกันหรือยัง คลิปยอดฮิต ครูฝึกสอนไฟแรง ร้องหมอลำระบบการศึกษา

เปิดอ่าน 14,502 ครั้ง
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 มีนาคม 2552
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 มีนาคม 2552

เปิดอ่าน 10,541 ครั้ง
เตือนหญิงตั้งครรภ์ "ขาดไอโอดีน" ลูก เสี่ยง ไอคิวต่ำ
เตือนหญิงตั้งครรภ์ "ขาดไอโอดีน" ลูก เสี่ยง ไอคิวต่ำ

เปิดอ่าน 14,198 ครั้ง
7 เรื่องผิดพลาดในการใช้เงิน ที่ทำให้คุณไม่รวยสักที
7 เรื่องผิดพลาดในการใช้เงิน ที่ทำให้คุณไม่รวยสักที

เปิดอ่าน 10,967 ครั้ง
บัวบก แก้ปวดหัวจากความดันโลหิต
บัวบก แก้ปวดหัวจากความดันโลหิต

เปิดอ่าน 16,621 ครั้ง
ใครเป็นหนี้???..มีทางออก
ใครเป็นหนี้???..มีทางออก

เปิดอ่าน 54,002 ครั้ง
อัตลักษณ์ของสถานศึกษา คืออะไร จำเป็นอย่างไร
อัตลักษณ์ของสถานศึกษา คืออะไร จำเป็นอย่างไร
เปิดอ่าน 8,220 ครั้ง
สตรีผู้ทรงอิทธิพลปี 2009
สตรีผู้ทรงอิทธิพลปี 2009
เปิดอ่าน 10,910 ครั้ง
ดูทีวี-เล่นมือถือในที่มืด ระวังต้อหินคุกคามจนตาบอด
ดูทีวี-เล่นมือถือในที่มืด ระวังต้อหินคุกคามจนตาบอด
เปิดอ่าน 22,574 ครั้ง
อาหารยอดนิยมในอาเซียน (ลาว)
อาหารยอดนิยมในอาเซียน (ลาว)
เปิดอ่าน 14,617 ครั้ง
เป็นเบาหวาน ทานวุ้นเส้น ดีจริงหรือ?
เป็นเบาหวาน ทานวุ้นเส้น ดีจริงหรือ?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ