การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เป็นการออกแบบและกำหนดรายละเอียดของกิจกรรมรู้ไว้ล่วงหน้า สำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในการดำเนินการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการดำเนินการในครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนโพนสูงพัฒนศึกษา อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20 จำนวน 1 ห้องเรียน คือ ห้อง ม.1/1 นักเรียนจำนวน 36 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการครั้งนี้ได้แก่ 1) บทเรียนสำเร็จรูป วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผู้ดำเนินการสร้างขึ้น มีทั้งหมด 10 เล่ม 2) แบบทดสอบย่อยประจำแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผู้ดำเนินการสร้างขึ้น มีทั้งหมด 10 ชุด ชุดละ 10 ข้อ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้ดำเนินสร้างขึ้นจำนวน 40 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากตั้งแต่ 0.36 ถึง 0.63 มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.44 ถึง 0.90 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.97 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียน จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนี ประสิทธิผล E.I. ค่า E1 /E2
และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ t test (Dependent Samples)
ผลการดำเนินการปรากฎดังนี้
1. บทเรียนสำเร็จรูป วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม ที่ผู้ดำเนินการสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 81.47/82.27 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หลังเรียนเพิ่มขึ้นจากก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติที่ระดับ .05
3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.71 หรือร้อยละ 71 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ของค่าดัชนีประสิทธิผลคือ 0.50 หรือร้อยละ 50 นั่นคือ ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 71 หลังจากเรียนโดยบทเรียนสำเร็จรูป วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
โดยสรุปการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม
ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้นได้ดังนั้น ครูผู้สอนวิชาประวัติศาสตร์ควรพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อใช้เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิติประจำวันต่อไป