ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานผลการดำเนินงานโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนแม่ตะละ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

รายงานผลการดำเนินงานโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนแม่ตะละ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการดำเนินงานโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนแม่ตะละ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 เพื่อประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านแม่ตะละ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ประชากร ที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย ครูผู้สอน จำนวน 13 คน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 58 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน ผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 58 คน รวมจำนวนประชากรทั้งสิ้น 139 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

1.ผลการดำเนินงานโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านแม่ตะละ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ทั้ง 5 ด้าน คือ การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล การคัดกรองนักเรียน การส่งเสริมและพัฒนานักเรียน การป้องกันและแก้ไขปัญหา และการส่งต่อ สรุปผลได้ ดังนี้

1.1 ผลการดำเนินการด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล โดยการเยี่ยมบ้านนักเรียน ปีการศึกษา 2558 นักเรียนโรงเรียนบ้านแม่ตะละ ปีการศึกษา 2558 ทุกคนได้รับการสำรวจโดยการเยี่ยมบ้านและเก็บข้อมูลโดยใช้แบบบันทึกการออกเยี่ยมบ้านตามเครื่องมือระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน คิดเป็นร้อยละ 100.00

1.2 ผลการประเมินพฤติกรรมนักเรียน (SDQ) ฉบับนักเรียนประเมินตนเอง โดยรวมนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100 เมื่อพิจารณาเป็นรายชั้นเรียน พบว่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 100 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.3 ผลการประเมินพฤติกรรมนักเรียน (SDQ) ฉบับครูประเมิน โดยรวมนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100 เมื่อพิจารณาเป็นรายชั้นเรียน พบว่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 100 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.4 ผลการประเมินพฤติกรรมนักเรียน (SDQ) ฉบับผู้ปกครองนักเรียนประเมิน โดยรวมนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100 เมื่อพิจารณาเป็นรายชั้นเรียน พบว่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 100 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.5 ผลการประเมินความฉลาดทางอารมณ์นักเรียน โดยรวมนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นนักเรียนกลุ่มปานกลาง (ปกติ) จำนวน 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100 เมื่อพิจารณาเป็นรายชั้นเรียน พบว่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นนักเรียนกลุ่มปานกลาง (ปกติ) จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นนักเรียนกลุ่มปานกลาง (ปกติ) จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นนักเรียนกลุ่มปานกลาง (ปกติ) จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นนักเรียนกลุ่มปานกลาง (ปกติ) จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นกลุ่มปกติ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 100 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นนักเรียนกลุ่มปานกลาง (ปกติ) จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.6 ผลการคัดกรองนักเรียนรายบุคคลชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ด้านเศรษฐกิจ เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 88.88 กลุ่มเสี่ยง จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 11.11 ด้านการเรียน ด้านสุขภาพ ด้านการคุ้มครอง ด้านยาเสพติด ด้านเพศและด้านความปลอดภัย เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.7 ผลการคัดกรองนักเรียนรายบุคคลชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ด้านเศรษฐกิจ เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 70.00 กลุ่มเสี่ยง จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 ด้านการเรียน ด้านสุขภาพ ด้านการคุ้มครอง ด้านยาเสพติด ด้านยาเสพติด ด้านเพศและด้านความปลอดภัย เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.8 ผลการคัดกรองนักเรียนรายบุคคลชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้านเศรษฐกิจ เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 83.33 กลุ่มเสี่ยง จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 16.66 ด้านการเรียน ด้านสุขภาพ ด้านการคุ้มครอง ด้านยาเสพติด ด้านเพศและด้านความปลอดภัย เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.9 ผลการคัดกรองนักเรียนรายบุคคลชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้านการเรียน ด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ ด้านการคุ้มครอง ด้านยาเสพติด ด้านยาเสพติด ด้านเพศและด้านความปลอดภัย เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.10 ผลการคัดกรองนักเรียนรายบุคคลชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ด้านเศรษฐกิจ เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 85.71 กลุ่มเสี่ยง จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 14.28 ด้านการเรียน ด้านสุขภาพ ด้านการคุ้มครอง ด้านยาเสพติด ด้านเพศและด้านความปลอดภัย เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.11 ผลการคัดกรองนักเรียนรายบุคคลชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ด้านเศรษฐกิจ เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 88.88 กลุ่มเสี่ยง จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 11.11 ด้านการเรียน ด้านสุขภาพ ด้านการคุ้มครอง ด้านยาเสพติด ด้านเพศและด้านความปลอดภัย เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.12 ผลการคัดกรองนักเรียนรายบุคคลชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้านการเรียน เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 90.90 กลุ่มเสี่ยง จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 9.09 ด้านเศรษฐกิจ เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 81.81 กลุ่มเสี่ยง จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 18.18 ด้านยาเสพติด เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 90.90 กลุ่มเสี่ยง จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 9.09 ด้านเพศ เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 81.81 กลุ่มเสี่ยง จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 18.18 ด้านสุขภาพ ด้านการคุ้มครอง และด้านความปลอดภัย เป็นนักเรียนกลุ่มปกติ จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.13 ผลการดำเนินกิจกรรมการส่งเสริมและพัฒนานักเรียนที่โรงเรียนแม่ตะละดำเนินการ มีดังนี้ การจัดกิจกรรมโฮมรูม จำนวนนักเรียนที่ร่วมกิจกรรม 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100 การประชุมผู้ปกครองชั้นเรียน 2 ครั้ง จำนวนผู้ปกครองเข้าร่วม 47 คน คิดเป็นร้อยละ 81.03 การจัดกิจกรรมเสริมทักษะการดำรงชีวิต กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และโครงการพิเศษต่างๆ ประกอบด้วยกิจกรรม กิจกรรมแนะแนว ระดับชั้น ป.4-6, ม.1-3 จำนวนนักเรียนที่ร่วมกิจกรรม 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100 การนำนักเรียนเข้าร่วมชุมนุมลูกเสือกลุ่มเครือข่ายสถานศึกษา ระดับ ชั้น ป.4-6, ม.1-3 จำนวนนักเรียนที่ร่วมกิจกรรม 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100 การนำนักเรียนเข้าร่วมแข่งขันทักษะวิชาการจำนวนนักเรียนที่ร่วมกิจกรรม 25 คน คิดเป็นร้อยละ 43.10 จำนวนนักเรียนที่ร่วมกิจกรรม 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100 จำนวนนักเรียนที่ร่วมกิจกรรม 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100 การนำนักเรียนเข้ารับการอบรมคุณธรรมจริยธรรม ระดับชั้น ป.4-6, ม.1-3 จำนวนนักเรียนที่ร่วมกิจกรรม 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100 นักเรียนได้รับการพัฒนาศีลธรรมจากผู้นำศาสนา ระดับชั้น ป.4-6, ม.1-3 จำนวนนักเรียนที่ร่วมกิจกรรม 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100 และการนำนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขันกีฬากลุ่มเครือข่าย ระดับชั้น ป.4-6, ม.1-3 จำนวนนักเรียนที่ร่วมกิจกรรม 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.14 ผลการดำเนินกิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่โรงเรียนดำเนินการ ประกอบด้วย การอบรมให้ความรู้นักเรียนเพื่อป้องกันสารเสพติด นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวนนักเรียนที่ร่วมกิจกรรม 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100 การประชุมผู้ปกครองชั้นเรียน 2 ครั้ง จำนวนนักเรียนที่ร่วมกิจกรรม 50 คน คิดเป็นร้อยละ 86.20 และการจัดกิจกรรมซ่อมเสริมนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวนนักเรียนที่ร่วมกิจกรรม 58 คน คิดเป็นร้อยละ 100

1.15 ผลการดำเนินกิจกรรมการส่งต่อ ที่โรงเรียนดำเนินการ มีดังนี้ การส่งต่อนักเรียนที่เจ็บป่วย จำนวนนักเรียน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 31.03 และการส่งต่อนักเรียนที่ได้รับอุบัติเหตุ จำนวนนักเรียน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 15.51

2. ผลการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านแม่ตะละ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ผู้รายงานได้สรุปผล ดังนี้

2.1 ด้านสภาวะแวดล้อม พบว่า ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ตามความคิดเห็นของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เมื่อพิจารณาแต่ละรายการ พบว่า บุคลากรที่เกี่ยวข้องระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในวัตถุประสงค์ของโครงการ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด เป็นอันดับแรก รองลงมา หลักการ วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการมีความเหมาะสม และสอดคล้องกัน งบประมาณที่ได้รับในการดำเนินโครงการเพียงพอและเหมาะสม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด และอันดับสุดท้าย คือ ผู้บริหาร และครูสามารถปฏิบัติงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ และผ่านเกณฑ์ทุกข้อ

2.2 ด้านปัจจัยเบื้องต้น พบว่า ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ตามความคิดเห็นของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้น เมื่อพิจารณาแต่ละรายการ พบว่า เป้าหมายโครงการมีความสอดคล้องตรงกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด เป็นอันดับแรก รองลงมา จำนวนครูในการดำเนินงานมีเพียงพอ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด และอันดับสุดท้าย ครูมีเวลาเพียงพอในการดำเนินงานโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ และผ่านเกณฑ์ทุกข้อ

2.3 ด้านกระบวนการ พบว่า ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ตามความคิดเห็นของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียน เมื่อพิจารณาแต่ละรายการ พบว่า ครูที่ปรึกษาออกเยี่ยมบ้านนักเรียนทุกคน มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด เป็นอันดับแรก รองลงมา ครูมีการประเมินพฤติกรรมนักเรียน มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และอันดับสุดท้าย คือ มีการประชุมผู้ปกครองชั้นเรียนและผู้ปกครองเครือข่าย มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ และผ่านเกณฑ์ทุกข้อ

2.4 ด้านผลผลิต พบว่า ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ตามความคิดเห็นของครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียน เมื่อพิจารณาแต่ละรายการ พบว่า นักเรียนป้องกันตนเองให้ห่างจากสิ่งเสพติดได้ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เป็นอันดับแรก รองลงมา นักเรียนรับฟังคำแนะนำของพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่และครู มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และอันดับสุดท้าย คือ นักเรียนไม่เสพสิ่งเสพติดและไม่แสวงหาผลประโยชน์จากสิ่งเสพติด มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ และผ่านเกณฑ์ทุกข้อ

โพสต์โดย teacher : [1 พ.ค. 2559 เวลา 22:02 น.]
อ่าน [4105] ไอพี : 118.172.91.230
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โพสต์โดย

คุณ -

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 7,988 ครั้ง
ชู
ชู'กรุงเก่า'นำร่อง ย่อโลกก.ท่องเที่ยวไทย

เปิดอ่าน 13,842 ครั้ง
"หัวหมอ" ไม่อยากโดนใบสั่ง ใช้หลักฟิสิกส์เข้าสู้ตำรวจซะเลย
"หัวหมอ" ไม่อยากโดนใบสั่ง ใช้หลักฟิสิกส์เข้าสู้ตำรวจซะเลย

เปิดอ่าน 10,728 ครั้ง
กลเม็ดหาเงินสร้างธุรกิจ
กลเม็ดหาเงินสร้างธุรกิจ

เปิดอ่าน 29,480 ครั้ง
วังสุโขทัยหรือวังศุโขทัย
วังสุโขทัยหรือวังศุโขทัย

เปิดอ่าน 12,561 ครั้ง
เตือนอย่าทดลองแมงมุมหม้ายดำ รักษานกเขาไม่ขัน
เตือนอย่าทดลองแมงมุมหม้ายดำ รักษานกเขาไม่ขัน

เปิดอ่าน 9,776 ครั้ง
PSY - GANGNAM STYLE คลิปยอดฮิต "กังนัม สไตล์"
PSY - GANGNAM STYLE คลิปยอดฮิต "กังนัม สไตล์"

เปิดอ่าน 80,198 ครั้ง
อาชีพที่จะหายไปและอาชีพในอนาคต
อาชีพที่จะหายไปและอาชีพในอนาคต

เปิดอ่าน 9,210 ครั้ง
อายุขัยชายเกือบไล่ทันหญิง เพราะปรับเปลี่ยนนิสัยการกินอยู่เสียใหม่
อายุขัยชายเกือบไล่ทันหญิง เพราะปรับเปลี่ยนนิสัยการกินอยู่เสียใหม่

เปิดอ่าน 15,562 ครั้ง
รายได้ และ ค่าครองชีพ AEC
รายได้ และ ค่าครองชีพ AEC

เปิดอ่าน 8,001 ครั้ง
อินเนอร์มาเต็ม! ครูไทยแต่งเพลง "ค่านิยม12ประการ" ถ้าไม่ทำจะท่องทำไม!? (คลิป)
อินเนอร์มาเต็ม! ครูไทยแต่งเพลง "ค่านิยม12ประการ" ถ้าไม่ทำจะท่องทำไม!? (คลิป)

เปิดอ่าน 8,948 ครั้ง
จดหมายฉบับที่ 80 ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง Active Learning ทางรอดของการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21
จดหมายฉบับที่ 80 ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง Active Learning ทางรอดของการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21

เปิดอ่าน 30,558 ครั้ง
ยิมนาสติก
ยิมนาสติก

เปิดอ่าน 4,932 ครั้ง
รวม 4 เทคนิค ออนไลน์-ออนไซต์ จากคลาสแอคทีฟเลิร์นนิ่ง กระตุ้นสัมพันธ์ "นักเรียน – ครู" แบบไม่น่าเบื่อ
รวม 4 เทคนิค ออนไลน์-ออนไซต์ จากคลาสแอคทีฟเลิร์นนิ่ง กระตุ้นสัมพันธ์ "นักเรียน – ครู" แบบไม่น่าเบื่อ

เปิดอ่าน 18,501 ครั้ง
เชื่อทางช้างเผือก มีดาวเหมือนโลกนับร้อยดวง
เชื่อทางช้างเผือก มีดาวเหมือนโลกนับร้อยดวง

เปิดอ่าน 15,241 ครั้ง
เกินบรรยาย! คลิปสุนัขปลอบโยนหนูน้อยพิการ ซึ้งจนต้องหลั่งน้ำตา
เกินบรรยาย! คลิปสุนัขปลอบโยนหนูน้อยพิการ ซึ้งจนต้องหลั่งน้ำตา

เปิดอ่าน 14,773 ครั้ง
น้ำผึ้ง ชะลอริ้วรอย
น้ำผึ้ง ชะลอริ้วรอย
เปิดอ่าน 401,474 ครั้ง
การวิ่งระยะต่าง ๆ (พลศึกษา)
การวิ่งระยะต่าง ๆ (พลศึกษา)
เปิดอ่าน 15,196 ครั้ง
เหตุใดคนญี่ปุ่นจึงมีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสูง นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบนี้..
เหตุใดคนญี่ปุ่นจึงมีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสูง นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบนี้..
เปิดอ่าน 9,970 ครั้ง
ของใช้สำคัญที่ควรจัดไว้ในทุกทริปการเดินทาง
ของใช้สำคัญที่ควรจัดไว้ในทุกทริปการเดินทาง
เปิดอ่าน 13,207 ครั้ง
บารัค โอบามา (Barack Obama)
บารัค โอบามา (Barack Obama)

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ