Advertisement
Advertisement
ชายเสื่อมสมรรถภาพทางเพศมีเฮ แพทย์อิสราเอลเร่งวิจัยสกัดพิษแมงมุมแม่หม้ายดำ รักษาโรค "นกเขาไม่ขัน" หลังพบออกฤทธิ์ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวในเหยื่อที่ถูกกัด หมอไทยเตือนอย่าริทดลองใช้สัตว์มีพิษเองเพราะอันตรายถึงตาย
ขณะที่ประเทศไทยกำลังตื่นตัวกับการแพร่พันธุ์ของแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล (Brown Widow Spider) ซึ่งมีพิษร้ายแรงกว่างูเห่าถึง 3 เท่าและร้ายแรงกว่าพิษแมงมุมแม่ม่ายดำ (Black Widow Spider) จากการออกมาเปิดเผยของ "ประสิทธิ์ วงษ์พรม" ผู้เชี่ยวชาญภาควิชากีฏวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแมงมุมในประเทศไทย โดยพบแล้วที่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม และตามลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
อย่างไรก็ตาม ด้วยความร้ายกาจของแมงมุมสายพันธุ์นี้ทำให้เว็บไซต์แห่งหนึ่งอ้างว่า เมื่อสมัยสงครามเย็นประมาณปี 1953 กองทัพสหรัฐเคยมีโครงการสกัดพิษจากแมงมุมแม่ม่ายดำมาทำเป็นอาวุธชีวภาพด้วย เนื่องจากแมงมุมแม่ม่ายดำมีความร้ายกาจเป็นลักษณะพิเศษที่ใครๆ ก็ต้องพิศวง เนื่องจากมีคนเคยพบพฤติกรรมของมันเวลากัดคนที่เป็นผู้ชาย โดยเหยื่อที่โดนพิษร้ายของแม่ม่ายดำเข้าไปจะเสียชีวิตด้วยความทุกข์ทรมานสุดๆ แถมเป็นอาการที่ไม่มีโรคร้ายใดๆ ในโลกนี้จะเลียนแบบได้ก็คือ อวัยวะเพศของเหยื่อผู้ชายรายนั้น จะแข็งตัวค้างเติ่งเป็นเวลาหลายวัน จนเหยื่อค่อยๆ หมดลมหายใจ
ผู้ที่เห็นประโยชน์ของพิษร้ายในแง่บวกก็คือ คณะนักวิจัยซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินปัสสาวะจากโรงพยาบาลรัมบัม (Rambam Hospital) ประเทศอิสราเอล ที่ตัดสินใจศึกษาหาวิธีสกัดพิษจากแมงมุมแม่หม้ายดำมารักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2550 โดยคัดสรรตัวทดลองเป็นแมงมุมแม่หม้ายดำที่สั่งตรงมาจากทวีปแอฟริกา อเมริกาใต้ หากตัวไหนดุขนาดกินตัวผู้เป็นอาหารหลังจากผสมพันธุ์เสร็จจะได้รับพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ โดยแพทย์กลุ่มนี้เชื่อว่าหากงานวิจัยประสบความสำเร็จจะช่วยชีวิตลูกผู้ชายหลายล้านคนทั่วโลก ให้กลับมามีชีวิตที่สมภาคภูมิอีกครั้งหนึ่ง
แต่นี่ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่มีผู้พยายามนำพิษของแมงมุมแม่หม้ายดำ มาช่วยรักษาอาการนกเขาไม่ขัน แต่เมื่อปี 6 ปีที่แล้วสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลา ฟรอนเตรา (University La Frontera) ของประเทศชิลี ก็เคยพยายามผลิตยาสูตรนี้ขึ้นมารักษาอาการตายด้านของผู้ชายมาแล้วครั้งหนึ่ง
โดยคณะนักวิจัยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องเล่าพื้นบ้านที่บอกต่อๆ กันว่ามีชาวบ้านบางรายจับแมงมุมแม่หม้ายดำมากัดตัวเองนิดหน่อยพอเป็นพิธี แล้วค่อยมีเพศสัมพันธ์ แต่หลายคนไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง เพราะโอกาสเสี่ยงตายจากพิษร้ายมีมากกว่า อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ชิลีได้ศึกษาเรื่องนี้เป็นเวลานานกว่า 7 ปี จึงพบข้อมูลเบื้องต้นว่า พิษจากแมงมุมแม่หม้ายดำมีคุณสมบัติสำคัญ 2 ประการ คือ ช่วยกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ และทำให้อสุจิมีปริมาณน้อยลง หมายความว่าคู่รักที่ได้รับยานี้ไม่ต้องกังวลว่าจะตั้งครรภ์อีกต่อไป
กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ข้างต้นได้รับเงินสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยและรัฐบาลชิลีแล้วประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับเงื่อนไขว่าต้องเป็นยาที่ผลิตโดยมีคุณสมบัติไม่แพ้ยาไวอากร้า และต้องไม่มีผลข้างเคียงด้วย โดยเฉพาะอาการที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วเกินไป ตั้งแต่นั้นมาเรื่องการนำพิษของแมงมุมแม่หม้ายดำมาสกัด เพื่อช่วยรักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายจึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป เมื่อบริษัทผลิตยาเอกชนแห่งหนึ่งของชิลีตกลงใจให้การสนับสนุนโครงการนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพเพศชายระบุว่า ชายไทยร้อยละ 50 มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือที่เรียกว่าโรคอีดี (Erectile Dysfunction) โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 40-70 ปี หรือประมาณ 4 ล้านคน แต่มีเพียงร้อยละ 1 เท่านั้นที่กล้ามาพบแพทย์เพื่อรักษา อย่างไรก็ตาม คงไม่มีชายไทยใจกล้าพอที่จะเสี่ยงตายให้แมงมุมแม่หม้ายกัด เพื่อทดสอบฤทธิ์เดชที่กล่าวถึง
นพ.พนิตย์ จิวะนันทประวัติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทางเพศ ประจำเว็บไซต์ชื่อดังคลินิกรักดอทคอม clinicrak.com ให้สัมภาษณ์ "คม ชัด ลึก" ว่า ทุกวันนี้มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการพยายามนำพิษของสัตว์มาช่วยเรื่องเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เช่น พิษงู พิษแมลงต่างๆ แต่ก็ไม่เคยพบว่าได้รับการรับรองอย่างถูกต้องทางวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่
ส่วนเรื่องการนำพิษของแมงมุมแม่หม้ายดำมาทดลองในระดับห้องแล็บของมหาวิทยาลัยนั้น นพ.พนิตย์ บอกว่า ไม่ทราบรายละเอียด หากเป็นเรื่องจริงก็ต้องรอดูผลการทดลองอีกหลายปีว่าจะใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะตอนนี้ยาแก้อาการนกเขาไม่ขัน ที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วไปนั้น มีแต่ยาที่เกิดจากการสกัดของสารเคมี ดังนั้น จึงอยากเตือนผู้ชายที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อย่าหลงไปทดลองใช้พิษสัตว์เด็ดขาด เนื่องจากอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ขอบคุณที่มา คมชัดลึก
Advertisement
|
เปิดอ่าน 11,640 ครั้ง |
เปิดอ่าน 29,343 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,228 ครั้ง |
เปิดอ่าน 18,469 ครั้ง |
เปิดอ่าน 23,312 ครั้ง |
เปิดอ่าน 28,002 ครั้ง |
เปิดอ่าน 7,438 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,991 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,834 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,078 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,682 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,682 ครั้ง |
เปิดอ่าน 19,960 ครั้ง |
เปิดอ่าน 8,623 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,222 ครั้ง | |
|

เปิดอ่าน 17,869 ☕ คลิกอ่านเลย |

เปิดอ่าน 10,253 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 15,855 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 13,934 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 13,448 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 9,980 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 11,926 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ 
เปิดอ่าน 9,937 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 9,980 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 12,546 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 11,934 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 13,638 ครั้ง |
|
|