บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา และ 3) ศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาล 1 (เอ็งเสียงสามัคคี) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2559 จำนวน 6 ห้องเรียน รวม 228 คน และกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/3 จำนวน 37 คน ซึ่งได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์โปรแกรม R เพื่อหาค่า E1 E2 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ t ที่กลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระต่อกัน (Paired Sample t-test)
 
ผลการศึกษามีดังนี้
1. แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 86.19/ 82.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/ 80 ที่ตั้งไว้
2. นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 ซึ่งมีคะแนนก่อนเรียนเฉลี่ย 7.36 และหลังเรียนเฉลี่ย 16.50 และเมื่อพิจารณารายคนพบว่านักเรียนทั้ง 36 คนต่างมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา รวมโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( = 4.21, S.D. = 0.27) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อผลปรากฏว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้อยู่ในระดับมากทั้ง 15 ข้อ