บทคัดย่อ
รายงานผลการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 วัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านเป้า อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 16 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง (Specific Purpose Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 6 เล่ม ได้แก่ เล่มที่ 1 นิทานแสนสนุก เล่มที่ 2 ความสุขที่บ้านหลวง เล่มที่ 3 ล่วงรู้ข่าวเหตุการณ์ เล่มที่ 4 เลิศล้ำในบทความ เล่มที่ 5 สนุกสนานในบทเพลง และเล่มที่ 6 ครื้นเครงบทร้อยกรอง แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานโดย t - test ผลการศึกษาพบว่า
1. แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.36/81.88
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านเพื่อจับใจความสำคัญหลังการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.31) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด คือ นักเรียนชอบเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.88 รองลงมา คือ แบบฝึกทักษะ มีขนาดของตัวอักษรที่อ่านง่าย เหมาะสมกับวัยของนักเรียน ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.75 อยู่ในระดับมากที่สุด และนักเรียนมีความพึงพอใจต่ำสุด คือ เวลาที่ใช้ในการทำแบบฝึกทักษะมีความเหมาะสม ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.75 อยู่ในระดับมาก และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเฉลี่ยเท่ากับ 0.30 แสดงว่านักเรียนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นสอดคล้องกัน