บทคัดย่อ
การจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เป็นรูปแบบหนึ่งในการจัดการเรียนรู้ที่ช่วยพัฒนาผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ เนื่องจากเป็นสื่อการเรียนการสอนที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลได้เป็นอย่างดี สำหรับการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) พัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ๒) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๓) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน จากการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๔) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนบ้านอ้อมแก้ว สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๐ จำนวน ๑ ห้องเรียน จำนวนนักเรียน ๑๘ คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้น จำนวน ๕ ชุด แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีประสิทธิผล
ผลการวิจัยพบว่า
๑. การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ ๘๖.๔๔/๘๙.๒๒ แสดงว่าแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๗๕/๗๕
๒. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ทั้ง ๕ ชุด ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีค่าเท่ากับ ๐.๗๒๓๘ หรือคิดเป็นร้อยละ ๗๒.๓๘ ซึ่งแสดงว่าแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นจากก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ ๗๒.๓๘
๓. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียน ในการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑
๔. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะ การเขียนเชิงสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย นักเรียนมีความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๖๐ เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อโดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๘๑ นักเรียนสนุกและมีความสุขในการร่วมกิจกรรม ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๗๕ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในกระบวนการเรียนรู้และแสดงผลงาน ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๖๙ นักเรียนได้ฝึกทักษะต่างๆ จนมีความมั่นใจและกล้าแสดงออก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๖๓ มีรูปภาพที่เร้าความสนใจเหมาะสมกับระดับชั้น ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๕๖ นักเรียนพอใจในสื่อและแหล่งเรียนรู้ประกอบการเรียน ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๕๖ นักเรียนได้รับทราบคะแนนทุกครั้งที่มีการประเมินผลงาน ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๕๖ เนื้อเรื่องที่เรียนเป็นเรื่องที่น่าสนใจและไม่ยากเกินไป ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๕๐ ขนาดตัวหนังสืออ่านง่ายเหมาะสมและเนื้อเรื่องมีความยาวพอเหมาะ ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๕๐