ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดเชื่อมโยงนิยมเพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหา และความต้องการด้านการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศของครูผู้สอนรายวิชาสารสนเทศและการสื่อสาร 2) การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดเชื่อมโยงนิยมเพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 3) ศึกษาผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดเชื่อมโยงนิยมเพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยแบ่งการวิจัยออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหา และความต้องการด้านการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศของครูผู้สอนรายวิชาสารสนเทศและการสื่อสาร ประชากรคือ ครูผู้สอนรายวิชาสารสนเทศและการสื่อสาร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 25 จำนวน 168 คน ระยะที่ 2 การพัฒนาและการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอน โดยพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนจากการศึกษาแนวคิด หลักการ และทฤษฏีพื้นฐาน และทดลองใช้กับกลุ่มเป้าหมายคือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 โรงเรียนเปือยน้อยศึกษา จำนวน 26 คน ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ระยะที่ 3 การนำไปใช้และการประเมินผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 โรงเรียนเปือยน้อยศึกษา จำนวน 26 คน ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 เก็บรวบรวมข้อมูล โดยใช้ แบบสำรวจความคิดเห็นต่อสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการในการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดเชื่อมโยงนิยมเพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศของครูผู้สอนรายวิชาสารสนเทศและการสื่อสาร , รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดเชื่อมโยงนิยมเพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และแบบวัดการรู้สารสนเทศ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ดำเนินการจัดการเรียนการสอนด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 7 แผน ใช้เวลา 14 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ E1/E2 ค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) และสถิติ Dependent Sample t-test ผลการวิจัยพบว่า

1. ครูผู้สอนรายวิชาสารสนเทศและการสื่อสารมีระดับการปฏิบัติในการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศในระดับปานกลาง (x ̅ = 3.01 , S.D. = 0.77) และมีความต้องการในการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศภาพรวม ในระดับ มาก (x ̅ = 4.44 , S.D. = 0.79)

2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดเชื่อมโยงนิยมเพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีองค์ประกอบดังนี้ (1) หลักการ (2) วัตถุประสงค์ (3) กิจกรรมและขั้นตอนการเรียนการสอน (4) บทบาทผู้สอน/ผู้เรียน (5) หลักการตอบสนอง และ (6) ระบบสนับสนุน ซึ่งมีขั้นตอนการสอน 5 ขั้น ดังนี้ขั้นที่ 1 ระบุประเด็นที่ต้องการหาคำตอบ ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา ขั้นที่ 3 ขั้นประเมินสารสนเทศ ขั้นที่ 4 แลกเปลี่ยนผลการประเมินข้อมูล และขั้นที่ 5 ตัดสินใจเลือกข้อมูลและสรุปผล

3. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดเชื่อมโยงนิยมเพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 81.71/82.43 ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ที่ 80/80 และนักเรียนที่เรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดเชื่อมโยงนิยมเพื่อส่งเสริมการรู้สารสนเทศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จะมีความก้าวหน้าด้านการรู้สารสนเทศ คิดเป็นร้อยละ 68 (E.I. = 0.68) ซึ่งคะแนนเฉลี่ยการรู้สารสนเทศก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยที่คะแนนการรู้สารสนเทศหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

โพสต์โดย patnaree : [26 ก.ค. 2562 เวลา 12:40 น.]
อ่าน [63695] ไอพี : 223.206.247.30
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 14,981 ครั้ง
เหรียญราชนิยม
เหรียญราชนิยม

เปิดอ่าน 17,823 ครั้ง
อาหารอันตรายขณะท้องว่าง
อาหารอันตรายขณะท้องว่าง

เปิดอ่าน 11,685 ครั้ง
น้ำประปาแปลงร่าง กลายเป็นน้ำแข็งคนกลับชอบ!?
น้ำประปาแปลงร่าง กลายเป็นน้ำแข็งคนกลับชอบ!?

เปิดอ่าน 2,449 ครั้ง
การเรียนการสอนแบบ e-Learning
การเรียนการสอนแบบ e-Learning

เปิดอ่าน 100,236 ครั้ง
หลักเกณฑ์การอยู่เวรรักษาการณ์
หลักเกณฑ์การอยู่เวรรักษาการณ์

เปิดอ่าน 19,673 ครั้ง
โมกบ้าน
โมกบ้าน

เปิดอ่าน 10,882 ครั้ง
วิลล่า เมดิคา พาอัพเดท ดูแลสุขภาพแนวใหม่
วิลล่า เมดิคา พาอัพเดท ดูแลสุขภาพแนวใหม่

เปิดอ่าน 32,653 ครั้ง
ระบบสี Additive
ระบบสี Additive

เปิดอ่าน 44,982 ครั้ง
แบบฝึกคิดเลขในใจ ระดับ 1 - ระดับ 5
แบบฝึกคิดเลขในใจ ระดับ 1 - ระดับ 5

เปิดอ่าน 2,215 ครั้ง
ประโยชน์ของการนวดเท้าและขา
ประโยชน์ของการนวดเท้าและขา

เปิดอ่าน 12,221 ครั้ง
8 สถานที่ยอดฮิตฉลองปีใหม่
8 สถานที่ยอดฮิตฉลองปีใหม่

เปิดอ่าน 25,259 ครั้ง
องค์ประกอบของระบบกราฟิก
องค์ประกอบของระบบกราฟิก

เปิดอ่าน 19,047 ครั้ง
ชวนดู ฝนดาวตก โอไรโอนิดส์ Orionid Meteors shower
ชวนดู ฝนดาวตก โอไรโอนิดส์ Orionid Meteors shower

เปิดอ่าน 2,576 ครั้ง
อนุญาต หรือ อนุญาติ
อนุญาต หรือ อนุญาติ

เปิดอ่าน 10,034 ครั้ง
ห้องเรียนสีดำ : ตูนส์ศึกษา โดย ครรชิต มนูญผล
ห้องเรียนสีดำ : ตูนส์ศึกษา โดย ครรชิต มนูญผล

เปิดอ่าน 52,140 ครั้ง
เลี้ยงตะพาบน้ำ ส่งขายนอก งานสร้างรายได้ ที่สุพรรณบุรี
เลี้ยงตะพาบน้ำ ส่งขายนอก งานสร้างรายได้ ที่สุพรรณบุรี
เปิดอ่าน 12,527 ครั้ง
ทำไมขนมโดนัทจึงมีรู
ทำไมขนมโดนัทจึงมีรู
เปิดอ่าน 12,224 ครั้ง
อาหารขยะ...ทานได้แต่ต้องฉลาดเลือก
อาหารขยะ...ทานได้แต่ต้องฉลาดเลือก
เปิดอ่าน 19,759 ครั้ง
การประยุกต์ทฤษฎีการแพร่กระจาย การปรับปรุงโปรแกรมสื่อในโรงเรียน
การประยุกต์ทฤษฎีการแพร่กระจาย การปรับปรุงโปรแกรมสื่อในโรงเรียน
เปิดอ่าน 27,825 ครั้ง
"ชงโค"..ไม้ประดับที่มีสรรพคุณรักษาโรค
"ชงโค"..ไม้ประดับที่มีสรรพคุณรักษาโรค

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ