ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง

ในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

ผู้วิจัย นายมังกร น้อยเมล์

ปีการศึกษา 2561

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะ

การคิดขั้นสูงในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่องของไหล โดยใช้แผนการจัด การเรียนรู้ที่สร้างขึ้นตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของไหล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 6 ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดในศตวรรษที่ 21สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และ 4) เพื่อประเมินผลรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยมีขั้นตอนการดำเนินการวิจัย แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์เพื่อส่งเสริมทักษะ การคิดในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แหล่งข้อมูล ได้แก่ 1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสะแกราชธวัชศึกษา ปีการศึกษา 2560 ที่เรียนวิชาฟิสิกส์ จำนวน 30 คน 2) ครูผู้สอนในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้เรื่อง ของไหล จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวมรวบข้อมูล คือ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ขั้นตอนที่ 2 พัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 ท่าน และหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 9 คน เครื่องมือ ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ของไหล จำนวน 10 แผนการเรียนรู้ ที่ใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยผู้วิจัยสร้างขึ้น

2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ จำนวน 40 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนก(B) รายข้อตั้งแต่ 0.23 ถึง 0.80

มีค่าความยาก(p) รายข้อตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.80 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.78 3) แบบทดสอบวัดผลทักษะการคิดขั้นสูง จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนก(r) รายข้อตั้งแต่ 0.27 ถึง 0.70 มีค่าความยาก(p) รายข้อตั้งแต่ 0.36 ถึง 0.68 มีค่าความเที่ยงทั้งฉบับเท่ากับ 0.89 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์โดยการหาประสิทธิภาพค่า E1/E2 ขั้นตอนที่ 3 ทดลอง ใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนสะแกราชธวัชศึกษา อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ปีการศึกษา 2561 จำนวน 41 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องของไหล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 10 แผนการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก

จำนวน 40 ข้อ 3) แบบทดสอบวัดผลทักษะการคิดขั้นสูง จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1) การหาประสิทธิภาพค่า E1/E2 2) การหาค่าดัชนีประสิทธิผล โดยใช้สูตร E.I 3) การทดสอบความแตกต่างของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังการใช้รูปแบบ ด้วยการทดสอบ t-test (Dependent Sample) และ 4) เปรียบเทียบผลการทดสอบวัดทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนกับเกณฑ์ที่กำหนด ขั้นตอนที่ 4 ประเมินการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนสะแกราชธวัชศึกษา อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ปีการศึกษา 2561 จำนวน 41 คน กลุ่มตัวอย่าง ในการวิจัยครั้งนี้ ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวบข้อมูลคือ แบบสอบถามความพึงพอใจ เป็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่ามี 5 ระดับ (Rating Scale) ตามวิธีของลิเคอร์ท (Likert) จำนวน 12 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (rxy) ตั้งแต่ 0.62 ถึง 0.82 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.92 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย (x̄ ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน พบว่า นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสะแกราชธวัชศึกษา มีความต้องการรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงในศตวรรษที่ 21 โดยรวมและรายด้าน ทุกด้าน อยู่ในระดับมาก ด้านที่มีความต้องการมากที่สุด คือ ด้านการจัดการเรียนการสอน ที่ให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองพุทธิพิสัย ทักษะพิสัย และจิตพิสัย รองลงมา คือ ด้านปัจจัย ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งด้านวัตถุ เช่น สื่อ/อุปกรณ์การเรียนรู้ และด้านจิตใจ เช่น มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนให้ความเป็นกันเอง

2. ผลการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการการวิจัยและพัฒนารูปแบบการจัดเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ ตามแนวทฤษฎีคอนสรัคติวิสต์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง ในศตวรรษที่ 21 นั้น เป็นแบบแผนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งมีทฤษฎีการเรียนรู้ที่สนับสนุนรูปแบบ กระบวนการจัดการเรียนรู้ โดยจัดให้มีองค์ประกอบการเรียนรู้ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ และการวัดประเมินผล ไว้อย่างเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยี สื่อ ICT พัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ทั้งเนื้อหาและทักษะการคิด กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนการลงมือปฏิบัติ หาความรู้หรือวิเคราะห์ข้อมูล สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในการเรียนรู้ ที่มีขั้นตอนการสอน 4 ขั้น ดังนี้ ขั้นที่ 1) กระตุ้นด้วยปัญหา (Excit) ขั้นที่ 2) ร่วมเรียนรู้และวิเคราะห์ปัญหา (Active Learning) ขั้นที่ 3) สร้างองค์ความรู้ (Concuctivistm) และ ขั้นที่ 4) ปัญญาความคิด (Notion Intelligence) ซึ่งผู้วิจัยได้สร้างขึ้นสำหรับใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ของไหล

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ พบว่า

3.1 ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิด ในศตวรรษที่ 21 สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง ของไหล เท่ากับ 84.05/84.51 ซึ่งมีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์กำหนดไว้ คือ 80/80

3.2 ดัชนีประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิด ในศตวรรษที่ 21 สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง ของไหล เท่ากับ 0.7672

3.3 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดในศตวรรษที่ 21 สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง ของไหล มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

ที่ระดับ .05

3.4 ทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียน ที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนวิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง ในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 อยู่ในระดับดีมาก

4. ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดในศตวรรษที่ 21 สำหรับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของไหล มีความพึงพอใจ โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด ส่วนรายข้อมีความพึงพอใจในระดับมากถึงมากที่สุด

สรุปได้ว่า การใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง

ในศตวรรษที่ 21 สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 นี้สามารถช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักษะ คิดของนักเรียนให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น ผู้บริหาร ครูผู้สอน ควรพิจารณาให้การสนับสนุนส่งเสริม และนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ ไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่อไป

โพสต์โดย patcha : [25 มี.ค. 2563 เวลา 15:31 น.]
อ่าน [3693] ไอพี : 49.230.134.151
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 14,595 ครั้ง
ขั้นตอนการเวียนเทียนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
ขั้นตอนการเวียนเทียนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

เปิดอ่าน 25,998 ครั้ง
การศึกษาและเปรียบเทียบสาเหตุการย้ายของข้าราชการครู
การศึกษาและเปรียบเทียบสาเหตุการย้ายของข้าราชการครู

เปิดอ่าน 24,941 ครั้ง
นานาไอเดีย แปลงยางรถยนต์เก่า มาใช้อย่างเก๋ไก๋ ทำไว้ใช้เองที่บ้าน/ที่โรงเรียน หรือทำขายเป็นอาชีพเสริมก็ได้
นานาไอเดีย แปลงยางรถยนต์เก่า มาใช้อย่างเก๋ไก๋ ทำไว้ใช้เองที่บ้าน/ที่โรงเรียน หรือทำขายเป็นอาชีพเสริมก็ได้

เปิดอ่าน 8,102 ครั้ง
หาความสุขแบบไม่ต้องเสียเงิน
หาความสุขแบบไม่ต้องเสียเงิน

เปิดอ่าน 15,217 ครั้ง
เลิกตามใจลูก ปลูกวินัยวัยเด็ก
เลิกตามใจลูก ปลูกวินัยวัยเด็ก

เปิดอ่าน 9,005 ครั้ง
นักวิจัย สกสว.เจ๋ง ผลิต ‘มือเทียมกล’ ควบคุมผ่านสัญญาณไฟฟ้าในกล้ามเนื้อ เพื่อคนพิการ
นักวิจัย สกสว.เจ๋ง ผลิต ‘มือเทียมกล’ ควบคุมผ่านสัญญาณไฟฟ้าในกล้ามเนื้อ เพื่อคนพิการ

เปิดอ่าน 21,692 ครั้ง
บิดาอีเลิร์นนิ่งไทย (Father of Thai E-learning)
บิดาอีเลิร์นนิ่งไทย (Father of Thai E-learning)

เปิดอ่าน 3,518 ครั้ง
ผัก ผลไม้… กับมะเร็ง
ผัก ผลไม้… กับมะเร็ง

เปิดอ่าน 13,829 ครั้ง
หมอเตือนเชื้อปนเปื้อน"ข้าวมันไก่"ถึงตาย ระบุ ทั้งเนื้อไก่และเลือดไก่บูดเน่าได้ง่าย
หมอเตือนเชื้อปนเปื้อน"ข้าวมันไก่"ถึงตาย ระบุ ทั้งเนื้อไก่และเลือดไก่บูดเน่าได้ง่าย

เปิดอ่าน 18,891 ครั้ง
5 ต้นไม้ดูดสารพิษ ช่วยกรองอากาศแบบธรรมชาติ
5 ต้นไม้ดูดสารพิษ ช่วยกรองอากาศแบบธรรมชาติ

เปิดอ่าน 32,140 ครั้ง
ประโยชน์ของมัลติมีเดีย
ประโยชน์ของมัลติมีเดีย

เปิดอ่าน 12,418 ครั้ง
เอกราช เก่งทุกทาง เขียนเตือนทีมชาติไทยชุดแชมป์ซูซูกิคัพ อย่าเป็นดรีมทีม!
เอกราช เก่งทุกทาง เขียนเตือนทีมชาติไทยชุดแชมป์ซูซูกิคัพ อย่าเป็นดรีมทีม!

เปิดอ่าน 7,420 ครั้ง
วิธีเฟ้นคนแบบ "Google" ไม่สนปริญญา
วิธีเฟ้นคนแบบ "Google" ไม่สนปริญญา

เปิดอ่าน 91,970 ครั้ง
ระบบเลขฐานสิบ (Decimal System)
ระบบเลขฐานสิบ (Decimal System)

เปิดอ่าน 58,754 ครั้ง
6 ผัก-ผลไม้ ที่กินแล้วดี ช่วยดูดซึมคอเลสเตอรอลแถมคุมความดัน
6 ผัก-ผลไม้ ที่กินแล้วดี ช่วยดูดซึมคอเลสเตอรอลแถมคุมความดัน

เปิดอ่าน 17,543 ครั้ง
จริงหรือ? "น้ำ" แก้ปวดหัวได้
จริงหรือ? "น้ำ" แก้ปวดหัวได้
เปิดอ่าน 10,917 ครั้ง
เผยโฉมอินเตอร์เฟซของ Google Pad
เผยโฉมอินเตอร์เฟซของ Google Pad
เปิดอ่าน 15,993 ครั้ง
เวลาที่ไม่ควรแปรงฟัน
เวลาที่ไม่ควรแปรงฟัน
เปิดอ่าน 3,757 ครั้ง
กรมอนามัย แนะมีนมจืดติดบ้าน กระตุ้นวัยเรียน วัยรุ่น ดื่มนมเพิ่มความสูง
กรมอนามัย แนะมีนมจืดติดบ้าน กระตุ้นวัยเรียน วัยรุ่น ดื่มนมเพิ่มความสูง
เปิดอ่าน 31,466 ครั้ง
กฎหมายน่ารู้ ตอน "ครูยึดโทรศัพท์นักเรียน มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์"
กฎหมายน่ารู้ ตอน "ครูยึดโทรศัพท์นักเรียน มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์"

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ