วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม การเรียนรู้พลศึกษา หน่วยการเรียนรู้ กีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลวัดท้ายตลาด (กวีธรรมสาร) กองการศึกษา เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานกีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ก่อนและหลังเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษา หน่วยการเรียนรู้ กีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลวัดท้ายตลาด (กวีธรรมสาร) กองการศึกษา เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษา หน่วยการเรียนรู้ กีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลวัดท้ายตลาด (กวีธรรมสาร) กองการศึกษา เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนเทศบาลวัดท้ายตลาด (กวีธรรมสาร) กองการศึกษา เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 36 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ ในการศึกษาในครั้งนี้ ได้แก่ 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษา หน่วยการเรียนรู้ กีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลวัดท้ายตลาด (กวีธรรมสาร) กองการศึกษา เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 6 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (พลศึกษา) หน่วยการเรียนรู้ กีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลวัดท้ายตลาด (กวีธรรมสาร) กองการศึกษา เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 20 แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบทักษะพื้นฐานกีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนเทศบาลวัดท้ายตลาด (กวีธรรมสาร) กองการศึกษา เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 4 ชุด และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรม การเรียนรู้พลศึกษา หน่วยการเรียนรู้ กีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลวัดท้ายตลาด (กวีธรรมสาร) กองการศึกษา เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นแบบสอบถามความพึงพอใจแบบประมาณค่า (Rating Scale) โดยมีมาตราส่วนประเมินค่า 5 ระดับ ได้แก่ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อยและน้อยที่สุด โดยให้คะแนนเป็น 5, 4, 3, 2 และ 1 ตามลำดับ โดยได้แบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) ด้านกระบวนการ (Process Evaluation) และด้านผลผลิต (Product Evaluation) การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าร้อยละ(%) ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( ) สถิติที่แบบไม่อิสระ (t-test Dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการศึกษาพบว่า

1. การสร้างและหาประสิทธิภาพของของชุดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษา หน่วยการเรียนรู้ กีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในการพิจารณาความเหมาะสมของผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน มีความคิดเห็นว่าของชุดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษา หน่วยการเรียนรู้ กีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยภาพรวมมีความเหมาะสมสอดคล้องระดับมาก ( =4.04, =0.70) และชุดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษา หน่วยการเรียนรู้ กีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพ 87.95/88.61

2. ทักษะพื้นฐานกีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน ( =14.03, =2.36) และหลังเรียน ( =17.72, =1.86) แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้พลศึกษา หน่วยการเรียนรู้ กีฬาฟุตบอล (FOOTBALL) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 รวมทุกด้านและจำแนกรายด้านในภาพรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( =4.15, =0.67)

เว็บน่าสนใจ