การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการจัดกิจกรรมการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน โรงเรียนหลักเมืองมหาสารคาม ศึกษาระดับคุณภาพการพัฒนาและเปรียบเทียบพฤติกรรมรักการอ่านของนักเรียนก่อนและหลังการพัฒนา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา เลือกแบบเจาะจง จากประชากรที่เป็นผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ของโรงเรียน ปีการศึกษา 2560 ประกอบด้วย ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 16 คน นักเรียนชั้นอนุบาล 2 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 400 คน และกรรมการสถานศึกษาที่ไม่ใช่ครู จำนวน 13 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา มี 3 ชุด ได้แก่ 1) แบบรายงานการจัดกิจกรรมพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน โดยครูและบุคลากรทางการศึกษา 2) แบบสอบถามระดับคุณภาพการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนตามความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง และ 3) แบบสอบถามพฤติกรรมรักการอ่านของนักเรียนก่อนและหลังการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนตามความคิดเห็นของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test (Dependent Sample) ผลการศึกษาพบว่า
1. โรงเรียนจัดกิจกรรมการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ กิจกรรมปรับปรุงพัฒนาห้องสมุด กิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน กิจกรรมห้องสมุดเคลื่อนที่ กิจกรรมสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการเรียนรู้และครูภูมิปัญญาท้องถิ่น จัดกิจกรรมสวนสมุนไพรเพื่อการเรียนรู้ และกิจกรรมในห้องปฏิบัติการของโรงเรียน
2. ผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ของโรงเรียนหลักเมืองมหาสารคาม
มีความคิดเห็นต่อระดับคุณภาพการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน
โดยรวมอยู่ในระดับ ดี เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีระดับคุณภาพสูงกว่าด้านอื่น ได้แก่
ด้านผลการดำเนินงาน มีระดับคุณภาพ ดีมาก และด้านที่มีระดับคุณภาพต่ำกว่าด้านอื่น ได้แก่
ด้านการบริการ มีระดับคุณภาพ ดี
3. พฤติกรรมรักการอ่านของนักเรียนก่อนการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อส่งเสริมนิสัย
รักการอ่านของนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับ น้อยครั้ง เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่นักเรียน
มีพฤติกรรมรักการอ่านสูงกว่าด้านอื่น ได้แก่ ด้านการใช้ห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ โดยมีพฤติกรรมรักการอ่านระดับ น้อยครั้ง ด้านที่นักเรียนมีพฤติกรรมรักการอ่านต่ำกว่าด้านอื่น ๆ ได้แก่ ด้านการใช้เวลาอ่าน โดยมีพฤติกรรมรักการอ่านระดับน้อยครั้ง เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ข้อที่นักเรียนมีพฤติกรรมรักการอ่านสูงกว่าข้ออื่น ได้แก่ ข้อ 12 นักเรียนยืมหนังสือจากห้องสมุดโรงเรียนเป็นประจำ โดยมีพฤติกรรมรักการอ่านระดับน้อยครั้ง ข้อที่นักเรียนมีพฤติกรรมรักการอ่านต่ำกว่าข้ออื่น ได้แก่ ข้อ 1 นักเรียนอ่านเป็นกิจกวัตรประจำวัน ข้อที่ 6 นักเรียนอ่านหนังสือทุกที่ทุกเรื่องเมื่อมีโอกาส และข้อที่ 9 นักเรียนนำประโยชน์จากการอ่านไปใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีพฤติกรรมรักการอ่าน ระดับน้อยครั้ง
4. พฤติกรรมรักการอ่านของนักเรียน หลังการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อส่งเสริมนิสัย
รักการอ่านของนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับ บ่อยครั้ง เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่นักเรียน
มีพฤติกรรมรักการอ่านสูงกว่าด้านอื่น ได้แก่ ด้านการใช้เวลาอ่าน โดยมีพฤติกรรมรักการอ่านระดับ บ่อยครั้ง ด้านที่นักเรียนมีพฤติกรรมรักการอ่านต่ำกว่าด้านอื่น ๆ ได้แก่ ด้านการใช้ห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ โดยมีพฤติกรรมรักการอ่านระดับ บ่อยครั้ง เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ข้อที่นักเรียนมีพฤติกรรมรักการอ่านสูงกว่าข้ออื่น ได้แก่ ข้อ 6 นักเรียนอ่านหนังสือทุกที่ทุกเรื่องเมื่อมีโอกาส โดยมีพฤติกรรมรักการอ่านระดับ บ่อยครั้ง ข้อที่นักเรียนมีพฤติกรรมรักการอ่านต่ำกว่าข้ออื่น ได้แก่ ข้อ 10 นักเรียนใช้ห้องสมุดอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องโดยมีพฤติกรรมรักการอ่านระดับ บ่อยครั้ง
5. ผลการเปรียบเทียบระดับพฤติกรรมรักการอ่านของนักเรียน หลังการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน สูงกว่าก่อนการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทั้งโดยรวม รายด้าน และรายข้อ