ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติ ของเลขยกกำ

ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model)

ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติ

ของเลขยกกำลัง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ผู้วิจัย นางนิตยา พรมกอง

โรงเรียน บัวใหญ่ ปีที่พิมพ์ 2561

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์

โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะ

ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 2 ให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 และจำนวนนักเรียนไม่น้อยกว่า

ร้อยละ 80 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3) เพื่อศึกษากระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะ และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 2

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/5 ที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ 3 รหัสวิชา ค22101 ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนบัวใหญ่

อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 40 คน

ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling)

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติการ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง สำหรับนักเรียน

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ จำนวน 12 แผน 12 ชั่วโมง 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติการ ได้แก่ แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการสอนของผู้วิจัย แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน แบบบันทึกผลหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ 3) เครื่องมือที่ใช้

ในการประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการ แบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก วงจรละ 10 ข้อ และแบบอัตนัย เพื่อวัดทักษะ

การแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ จำนวน 2 ข้อ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ แบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก แบบอัตนัยเพื่อวัดทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ จำนวน 2 ข้อ

รูปแบบวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการมีวงจรปฏิบัติการ 3 วงจร สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละและสรุปความเรียง

ผลการวิจัย พบว่า

1. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง

สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะ

ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เป็นรูปแบบการสอนที่มีประสิทธิภาพ กระบวนการ

จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ได้เรียนรู้กระบวนการควบคู่ไปกับการปฏิบัติ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา 4 ขั้นตอน ในการแก้สถานการณ์ปัญหา ซึ่งมีขั้นตอน

ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ขั้นทบทวนความรู้เดิม เป็นขั้นตอนการดึงความรู้เดิมของนักเรียน เพื่อใช้ในการเชื่อมโยงกับความรู้ใหม่ โดยครูอาจใช้วิธีการที่หลากหลายในการจัดกิจกรรม และเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนฝึกคิด ตื่นตัวและพร้อมที่จะเรียนรู้ ซึ่งมีกิจกรรมที่แตกต่าง หลากหลายในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ เช่น การสนทนา การซักถาม กระตุ้นความคิด การนำเสนองาน หรือการออกมาแสดงวิธีทำโจทย์หน้ากระดาน นักเรียนทั้งชั้นให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เนื่องจากผู้วิจัยมีของรางวัลให้กับผู้ที่ออกมานำเสนอหน้าชั้น 2. ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ เป็นขั้นตอนนี้นักเรียนจะแสวงหาข้อมูลความรู้ใหม่จากแบบฝึกทักษะ แหล่งข้อมูลอื่น ๆ หรือแหล่งความรู้ต่าง ๆ ที่ครูจัดเตรียมไว้ให้นักเรียน หรือครูแนะนำแหล่งข้อมูลความรู้เพื่อให้นักเรียนได้ไปแสวงหา

ด้วยตนเอง นักเรียนทุกกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้ใหม่และทำความเข้าใจร่วมกันเป็นอย่างดี เด็กเก่งอธิบายให้เด็กอ่อนฟัง 3. ขั้นศึกษาและสร้างความเข้าใจข้อมูลและเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม

เป็นขั้นตอนนี้นักเรียนจะต้องทำความเข้าใจกับข้อมูลความรู้ใหม่ที่หามาได้โดยอาศัยการเชื่อมโยง

กับความรู้เดิม และใช้กระบวนการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของโพลยาในการแก้สถานการณ์ปัญหา ซึ่งมี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นทำความเข้าใจปัญหา ขั้นการวางแผนแก้ปัญหา ขั้นดำเนินการตามแผน

และขั้นตรวจสอบ สรุป อภิปรายผล ลงในแบบฝึกทักษะที่ผู้วิจัยแจกให้ นักเรียนส่วนใหญ่สามารถทำแบบฝึกทักษะได้อย่างถูกต้อง มีเพียงนักเรียนบางคนเท่านั้นที่ยังไม่สามารถทำแบบฝึกทักษะได้ถูกต้อง 4. ขั้นการแลกเปลี่ยนความรู้เข้ากับกลุ่ม เป็นขั้นตอนที่นักเรียนจะอาศัยกลุ่มเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจที่นักเรียนสร้างขึ้น ได้แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดของตนเอง รวมทั้งนักเรียนจะได้ขยายความรู้ ความเข้าใจของตนให้กว้างขึ้น และใช้กระบวนการแก้ปัญหา

คณิตศาสตร์ของโพลยาในการแก้สถานการณ์ปัญหา ซึ่งมี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นทำความเข้าใจปัญหา

ขั้นการวางแผนแก้ปัญหา ขั้นดำเนินการตามแผน และขั้นตรวจสอบ สรุป อภิปรายผล สมาชิก

ในกลุ่มได้ใช้การบวนการคิดและกระบวนการกลุ่มในการอภิปรายและสรุปความเข้าใจเกี่ยวกับ

การแก้ปัญหานั้น ๆ นักเรียนทุกกลุ่มสามารถปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มได้เป็นอย่างดี สมาชิกในกลุ่ม

ส่วนใหญ่รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง ในขั้นนี้นักเรียนอาศัยกลุ่มเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของตนเอง รวมทั้งขยายความรู้ความเข้าใจของตนเองให้กว้างขึ้น ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนได้แบ่งปันความรู้ ความเข้าใจของตนเองแก่ผู้อื่น และได้รับประโยชน์จากความรู้ ความเข้าใจของผู้อื่นไปพร้อม ๆ กัน 5. ขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้ เป็นขั้นตอนนี้นักเรียนจะจัดระเบียบความรู้ที่ได้รับทั้งหมด ทั้งที่ความรู้เดิมและความรู้ใหม่ จัดสิ่งที่เรียนให้เป็นระบบระเบียบ

เพื่อช่วยให้ผู้เรียนจดจำสิ่งที่เรียนรู้ได้ง่าย รวมทั้งวิเคราะห์กระบวนการเรียนรู้ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พบว่านักเรียนส่วนใหญ่สามารถอภิปราย แสดงความคิดเห็น ร่วมกันสรุปเป็นความรู้ที่ได้รับได้อย่างถูกต้องและกระชับ 6. ขั้นแสดงผลงาน เป็นขั้นตอนที่นักเรียนแต่ละกลุ่มจะได้แสดงผลงานจากการทำ

แบบฝึกทักษะที่ได้ทำมา โดยการนำเสนอหน้าชั้นเรียนหรือนำเสนอบนป้ายนิเทศหน้าชั้นเรียน เพื่อให้ผู้อื่นรับรู้และช่วยส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์

7. ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ เป็นขั้นตอนที่จะส่งเสริมให้นักเรียนได้นำความรู้ ความเข้าใจของตนไปประยุกต์ใช้ ฝึกฝน เช่น การไปศึกษาหาโจทย์ที่เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียน พร้อมกับหาคำตอบมาส่งผู้วิจัยซึ่งต้องทำนอกเวลา หรือผู้วิจัยมอบหมายเป็นการบ้าน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่สามารถทำได้ถูกต้องมากกว่าร้อยละ 80 ผลคะแนนจากการทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการที่ 1, 2 และ 3

คิดเป็นร้อยละ 79.75, 81.75 และ 82.25 ตามลำดับ ซึ่งจะเห็นว่าคะแนนมีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถผ่านเกณฑ์ที่ผู้วิจัยกำหนด และในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในครั้งนี้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาผ่านรูปแบบการสอนแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ ทำให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง เรียนรู้ด้วยตนเองและพึ่งตนเองแล้วยังต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ และสิ่งแวดล้อมรอบตัว รวมทั้งต้องอาศัยทักษะกระบวนการต่าง ๆ จำนวนมากเป็นเครื่องมือในการสร้างความรู้ โดยให้นักเรียนมีความพร้อมในการรับรู้และเรียนรู้อย่างตื่นตัว นักเรียนได้มีการเคลื่อนไหวทางร่างกายอย่างเหมาะสมและจะทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี เข้าใจลึกซึ้งและคงทนมากขึ้น หากนักเรียนมีโอกาสนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์

ที่หลากหลาย

2. การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง ของนักเรียนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยร้อยละ 81.58 และจำนวนนักเรียนร้อยละ 82.50 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป

3. การศึกษากระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง โดยใช้รูปแบบซิปปาร่วมกับแบบฝึกทักษะ โดยใช้แบบทดสอบย่อย

ท้ายวงจรปฏิบัติการ แบบอัตนัย วงจรละ 2 ข้อ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ แบบอัตนัย 2 ข้อ พบว่า ผลคะแนนจากการทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการที่ 1, 2 และ 3 คิดเป็นร้อยละ 79.50, 82.25 และ 82.75 ตามลำดับ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์เฉลี่ยร้อยละ 82.00 และจำนวนนักเรียนร้อยละ 82.50 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป

4. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์

โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄=4.68 )

โพสต์โดย นางนิตยา พรมกอง : [26 ส.ค. 2563 เวลา 19:58 น.]
อ่าน [3641] ไอพี : 180.180.55.200
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 14,218 ครั้ง
ชมคลิป น้องนะโม วัยแค่ 4 ขวบ สวดมนต์ยาวคล่องปร๋อ
ชมคลิป น้องนะโม วัยแค่ 4 ขวบ สวดมนต์ยาวคล่องปร๋อ

เปิดอ่าน 8,373 ครั้ง
ความคิดสร้างสรรค์ (1)
ความคิดสร้างสรรค์ (1)

เปิดอ่าน 59,212 ครั้ง
"แคดอกแดง" มีประโยชน์อย่างไร?
"แคดอกแดง" มีประโยชน์อย่างไร?

เปิดอ่าน 11,942 ครั้ง
โลโก้ วันเด็กแห่งชาติ ปี 2563
โลโก้ วันเด็กแห่งชาติ ปี 2563

เปิดอ่าน 175,009 ครั้ง
เทคโนโลยี หมายถึงอะไร
เทคโนโลยี หมายถึงอะไร

เปิดอ่าน 34,382 ครั้ง
อยากเก่งภาษาอังกฤษทำยังไง
อยากเก่งภาษาอังกฤษทำยังไง

เปิดอ่าน 12,963 ครั้ง
พระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2562
พระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2562

เปิดอ่าน 10,643 ครั้ง
รถอัจฉริยะ-ไร้คนขับ
รถอัจฉริยะ-ไร้คนขับ

เปิดอ่าน 12,107 ครั้ง
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ครูใหญ่-ปฏิรูปศึกษา
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ครูใหญ่-ปฏิรูปศึกษา

เปิดอ่าน 11,846 ครั้ง
อยากอยู่ร้อยปี ต้องสร้าง 10 นิสัยสุขภาพดี
อยากอยู่ร้อยปี ต้องสร้าง 10 นิสัยสุขภาพดี

เปิดอ่าน 876 ครั้ง
7 พิกัดที่เที่ยวเชียงราย เที่ยวง่ายๆ เที่ยวได้ทั้งปี
7 พิกัดที่เที่ยวเชียงราย เที่ยวง่ายๆ เที่ยวได้ทั้งปี

เปิดอ่าน 12,042 ครั้ง
9 วิธีทำดีได้บุญแบบไม่เสียเงิน
9 วิธีทำดีได้บุญแบบไม่เสียเงิน

เปิดอ่าน 13,380 ครั้ง
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวเกาหลีใต้ชนะจีน 3-2 เซต คว้าที่ 3 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.56
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวเกาหลีใต้ชนะจีน 3-2 เซต คว้าที่ 3 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.56

เปิดอ่าน 38,227 ครั้ง
วิเคราะห์พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542  หมวดที่ 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา(2)
วิเคราะห์พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 หมวดที่ 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา(2)

เปิดอ่าน 14,723 ครั้ง
นาคเล่นน้ำ
นาคเล่นน้ำ

เปิดอ่าน 11,446 ครั้ง
แม่ยุคใหม่ ที่ลูกต้องการ
แม่ยุคใหม่ ที่ลูกต้องการ
เปิดอ่าน 14,928 ครั้ง
ทำไมไข่เยี่ยวม้าจึงมีสีดำ
ทำไมไข่เยี่ยวม้าจึงมีสีดำ
เปิดอ่าน 11,964 ครั้ง
9 อาการ ป่วยเพราะน้ำ(ในตัว) ขึ้น-ลง
9 อาการ ป่วยเพราะน้ำ(ในตัว) ขึ้น-ลง
เปิดอ่าน 12,876 ครั้ง
ฟังเพลงถูกใจเหมือนร่างกายได้ออกกำลังกาย
ฟังเพลงถูกใจเหมือนร่างกายได้ออกกำลังกาย
เปิดอ่าน 6,782 ครั้ง
Facebook แง้มกำลังเพิ่มปุ่มแสดงความเสียใจ บนเฟซบุ๊ก
Facebook แง้มกำลังเพิ่มปุ่มแสดงความเสียใจ บนเฟซบุ๊ก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ