ชื่องานวิจัย ปัจจัยการตัดสินใจของผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียน
เทศบาลมิตรสัมพันธ์วิทยา สังกัดเทศบาลวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว
ชื่อผู้วิจัย นางสาวปุณณัฐฐา สายแก้ว
ตำแหน่ง นักวิชาการศึกษา 6ว
สังกัด กองการศึกษา เทศบาลเมืองวังน้ำเย็น อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว
ปีที่วิจัย 2556
การวิจัยเรื่อง ปัจจัยการตัดสินใจของผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนเทศบาลมิตรสัมพันธ์วิทยา สังกัดเทศบาลวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ในครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยการตัดสินใจของผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนเทศบาลมิตรสัมพันธ์วิทยา ผู้ปกครองนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนเทศบาลมิตรสัมพันธ์วิทยาในปีการศึกษา 2556 จำนวน 307 คน ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 142 คน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 114 คน และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 51 คน เนื่องจากนักเรียนในระดับชั้นดังกล่าวเป็นระดับชั้นที่ผู้ปกครองต้องตัดสินใจ
ให้นักเรียนเข้าเรียนใหม่ทุกปี และในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาทั้งกลุ่มประชากร เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และแม่นยำที่สุด โดยกำหนดกลุ่มตัวอย่างเป็นแบบเฉพาะเจาะจง
เก็บรวบรวมข้อมูลโดยผู้วิจัยแจกแบบสอบถามด้วยตนเอง จำนวน 307 ฉบับ และได้รับแบบสอบถามกลับคืน จำนวน 257 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 83.71 เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์หาค่าความถี่ ค่าร้อยละ
ค่าคะแนนเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
จากผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยการตัดสินใจของผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานเข้าเรียน
ในโรงเรียนเทศบาลมิตรสัมพันธ์วิทยาอันดับแรกคือ มีความเชื่อมั่นในตัวผู้บริหาร เนื่องจากผู้บริหารเอาใจใส่พัฒนาโรงเรียน มีวิสัยทัศน์ มุ่งมั่นต่อความสำเร็จในการพัฒนาโรงเรียน ให้การสนับสนุน
ต่องานกิจกรรมของโรงเรียน มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดี มีประสบการณ์ในการบริหารสถานศึกษา รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ปกครอง เอาใจใส่และให้การดูแลนักเรียนสม่ำเสมอ
อันดับสองคือ ด้านชื่อเสียงของโรงเรียน โดยโรงเรียนเทศบาลมิตรสัมพันธ์วิทยาเป็นโรงเรียนมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของชุมชน ได้รับรางวัลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา มีครูที่ได้รับคัดเลือก
เป็นครูดีเด่น นักเรียนชนะเลิศการแข่งขันสมรรถภาพทางวิชาการรายการสำคัญ ๆ และมีศิษย์เก่า
ที่สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน ซึ่งสอดคล้องกับสมศักดิ์ สินธุระเวชญ์ (2542, หน้า 45 46)
ที่กล่าวว่า สถานศึกษาที่มีคุณภาพจะต้องเป็นสถานศึกษาที่มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
ในเรื่องต่อไปนี้ คือ ผู้บริหารต้องมีความมั่นคง มีความมุ่งหวัง ใช้วิธีการส่งเสริมการมีส่วนร่วม
และเป็นมืออาชีพระดับแนวหน้า มีวัตถุประสงค์ที่เป็นเอกภาพ การปฏิบัติงานมีความคงที่สม่ำเสมอมีลักษณะที่เป็นองค์กรร่วมและมีความร่วมมือ มีบรรยากาศที่เป็นระเบียบเรียบร้อยสิ่งแวดล้อมดึงดูดใจ การจัดการดีมีวัตถุประสงค์ชัดเจน มีระเบียบกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นธรรม ส่งเสริมให้ผู้เรียน นับถือตนเองและส่งเสริมการรับผิดชอบตามตำแหน่งหน้าที่มีการควบคุมการปฏิบัติงาน ผู้ปกครอง มีส่วนร่วมในการเรียนของผู้เรียน และใช้สถานศึกษาเป็นฐานสำหรับพัฒนาบุคลากรของสถานศึกษา
อันดับสามคือ ด้านหลักสูตร และการจัดการเรียนการสอน เพราะโรงเรียนเทศบาล
มิตรสัมพันธ์วิทยาได้จัดให้มีกิจกรรมเสริมทักษะภาษาต่างประเทศ ซึ่งเป็นหลักสูตรและกิจกรรม
ที่มีความทันสมัยและได้มาตรฐาน เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง มีการส่งเสริมความสามารถพิเศษ
ของนักเรียน เช่น แข่งขันวาดภาพ ร้องเพลง ฟ้อนรำ หรือการแสดงออกต่าง ๆ ซึ่งเหมาะสมกับวัยของนักเรียน ทำให้นักเรียนมีทักษะในการประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตประจำวันได้ รู้จักความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย นักเรียนได้รับรางวัลจากการแข่งขันทางวิชาการ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี และนักเรียนมีความสามารถในการคิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาได้ สอดคล้อง
กับงานวิจัยของวราภรณ์ นพคุณทอง (2538) ที่ได้ศึกษาความคาดหวังของผู้ปกครองเกี่ยวกับ
การจัดการโรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษา เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร จากกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษา ปีการศึกษา 2537 เฉพาะเขตบางกอกน้อย จำนวน 412 คน ผลการวิจัยพบว่า ผู้ปกครองคาดหวังให้โรงเรียนจัดการศึกษาเพื่อให้นักเรียน
มีความรู้ความสามารถทางการอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ โดยให้ความสำคัญ
ต่อวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และคอมพิวเตอร์