ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

ชื่อเรื่อง : การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

ชื่อผู้วิจัย : ปิยะรัตน์ ธันยณภพ

ตำแหน่ง : ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดบ้านจองคำ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ปีการศึกษา : 2563

บทคัดย่อ

การวิจัยและพัฒนา(Research and Development)รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน และความต้องการด้านการจัดการเรียนรู้ ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 4) เพื่อประเมินประสิทธิภาพของการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ประชากรที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดบ้านจองคำสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 63 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1. แบบสัมภาษณ์ครูผู้สอนคณิตศาสตร์ เกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคฺณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2. แบบสำรวจความต้องการของนักเรียนด้านการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคฺณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 3. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคฺณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5จำนวน 8 แผน เวลา 18 ชั่วโมง 4.แบบทดสอบหลังเรียนเรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 8 แบบทดสอบ แบบทดสอบละ 10 ข้อ 5. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคฺณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นแบบทดสอบแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 6. แบบวัดการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคฺณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนแบบ Rubric score ซึ่งประกอบด้วย 4 รายการ ได้แก่ ทำความเข้าใจปัญหา วางแผนแก้ปัญหา ดำเนินการตามแผนตรวจสอบความสมเหตุสมผล 7. แบบวัดความคิดเห็นของนักเรียน ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคฺณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้มาตราส่วนประมาณค่าของลิเคิร์ท 5 ระดับ จำนวน 21 ข้อ สถิติที่ใช้ในการหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิเคราะห์โดยหาค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่นักเรียนทำแบบฝึกหัดระหว่างเรียนและแบบทดสอบหลังเรียนโดยใช้เกณฑ์80/80 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน โดยค่าt – test และวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นโดยใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาสภาพปัจจุบัน และความต้องการด้านการจัดการเรียนรู้ ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ขั้นตอนของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ควรมีรูปแบบที่ชัดเจน และเป็นกระบวนการตั้งแต่เริ่มต้นจนสุดท้ายที่นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง ควรให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง กำหนดสถานการณ์ให้นักเรียนแก้ไขปัญหา โดยขั้นนำ ควรมีลักษณะท้าวความจากเรื่องเดิมเป็นการทบทวนความรู้เดิมให้กับนักเรียนก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาใหม่ โดยควรเป็นเรื่องที่มีความเชื่อมโยงกันควรหลากหลาย เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนได้มีความสนใจ อยากเรียนรู้ ขั้นสอน ควรเป็นกระบวนการสอนเพื่อสร้างองค์ความรู้ให้กับนักเรียนให้นักเรียนคิดเป็น และแก้ปัญหาเป็น ขั้นสรุป ควรเป็นขั้นที่นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ได้แล้วและสามารถนำไปใช้ ไปประยุกต์ได้ด้วยตนเอง ขั้นฝึกทักษะ ควรเป็นโจทย์ที่จะให้นักเรียนได้นำความรู้ที่ได้มาหาคำตอบหรือแสดงวิธีในการหาคำตอบ ขั้นประเมินผล ควรเป็นขั้นตอนเพื่อหาคำตอบว่า นักเรียนสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปใช้แล้วประสบความสำเร็จหรือไม่ ปัญหาและอุปสรรคของการจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ค่อนข้างใช้เวลา กว่านักเรียนจะสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิมของนักเรียนแต่ละคน อาจเพิ่มกิจกรรมที่จะทำให้นักเรียนบรรลุการสร้างองค์ความรู้ตามที่ต้องการ นักเรียนต้องการให้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ มีความกระชับแต่ละกิจกรรมควรอยู่ภายในเวลาที่เป็นไปได้ ไม่ควรรีบเร่งให้เสร็จตามเวลาที่กำหนดโดยที่นักเรียนยังไม่เข้าใจ นักเรียนอยากให้มีการจัดบรรยากาศในชั้นเรียนให้เหมาะสม เช่น มีแหล่งเรียนรู้ที่เพียงพอ สร้างความกระตือรือร้นในการเรียน

2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน เตรียมความพร้อมของนักเรียน ทบทวนความรู้เดิม แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ ขั้นที่ 2 ขั้นสอน เสนอปัญหาและไตร่ตรองรายบุคคล ไตร่ตรองระดับกลุ่มย่อย ไตร่ตรองระดับชั้นเรียน ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันเชื่อมโยงและสรุปความรู้ที่ได้ร่วมกันอีกครั้ง เพื่อให้เกิดการแสดงเหตุผลที่ครอบคลุมและสมบูรณ์ ขั้นที่ 4 ขั้นฝึกทักษะ นักเรียนฝึกทักษะจากโจทย์ หรือสถานการณ์ที่ครูกำหนดให้ โดยครูคอยให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับสื่อ อุปกรณ์ เครื่องมือ และคำแนะนำต่างๆ ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล โดยประเมินผลจากการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล การสังเกตพฤติกรรมกลุ่ม ประเมินทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ตรวจผลงาน และทำแบบทดสอบหลังเรียน

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่าคะแนนเฉลี่ยการทำใบงานเท่ากับร้อยละ 94.12 อยู่ในระดับดีมาก คะแนนเฉลี่ยการทำภารกิจการเรียนรู้เท่ากับร้อยละ 93.46 อยู่ในระดับดีมาก คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมรายบุคคลเท่ากับร้อยละ 88.72 อยู่ในระดับดีมาก คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมกลุ่มเท่ากับร้อยละ 96.00 อยู่ในระดับดีมาก คะแนนเฉลี่ยทดสอบหลังเรียนสูงกว่าทดสอบก่อนเรียนร้อยละ 49.40 คะแนนเฉลี่ยการวัดการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เท่ากับร้อยละ 94.30 อยู่ในระดับดีเยี่ยม 4.3.2 ผลการสอน พบว่านักเรียนทุกคนมีคะแนนผ่านเกณฑ์ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ ร้อยละ 100 ปัญหา/อุปสรรค นักเรียนบางคนมีปัญหาขั้นสอน การไตร่ตรองรายบุคคล ไตร่ตรองระดับชั้นเรียน และการวัดการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ในขั้นตอนการวางแผนแก้ปัญหา ดำเนินการตามแผน และตรวจสอบความสมเหตุสมผล ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ครูให้คำแนะนำ สถานการณ์ปัญหาเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่นักเรียนให้ความสนใจ ครูและนักเรียนร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ที่ทำให้เกิดปัญหาและความผิดพลาดและแนวทางแก้ไขร่วมกันเพื่อให้เกิดความรอบคอบในการทำกิจกรรมทุกขั้นตอน

4. ผลการประเมินประสิทธิภาพของการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า

4.1 ประสิทธิภาพของการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5มีประสิทธิภาพ E1/E2เท่ากับ 94.25/83.15

4.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5กับกลุ่มตัวอย่าง(Sample Group) จำนวน 21 คน ได้คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน (x ̅) =12.71 คะแนนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) = 2.741 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน (x ̅) = 22.86 คะแนนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) = 3.719 คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

4.3 ผลการวัดการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กับกลุ่มตัวอย่าง(Sample Group) จำนวน 21 คน คะแนนเฉลี่ยรวมเท่ากับ 25.39 อยู่ในระดับดีเยี่ยม

4.4 นักเรียนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 อยู่ในระดับมากที่สุด โดยความคิดเห็น 3 อันดับแรกคือ วัตถุประสงค์การเรียนรู้สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ ได้ค่าเฉลี่ย( ) เท่ากับ 4.95 รองลงมาได้ค่าเฉลี่ยเท่ากันคือระยะเวลาที่ใช้สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ ได้ค่าเฉลี่ย( ) เท่ากับ 4.95 การไตร่ตรองระดับชั้นเรียนทำให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นมากขึ้น ได้ค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.95 และอันดับสุดท้ายคือ ใช้น้ำเสียงได้น่าสนใจ อธิบายจนเกิดภาพชัดเจน ได้ค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.42 ความคิดเห็นเพิ่มเติมในการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยภาพรวมพบว่า มีความเข้าใจในเนื้อหา แต่อยากให้มีเวลาเพิ่มขึ้นในบางสถานการณ์ปัญหา

โพสต์โดย อั๋น ปิยะรัตน์ : [14 พ.ค. 2564 เวลา 08:28 น.]
อ่าน [3055] ไอพี : 171.4.216.4
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 11,175 ครั้ง
8 สถานที่ยอดฮิตฉลองปีใหม่
8 สถานที่ยอดฮิตฉลองปีใหม่

เปิดอ่าน 25,064 ครั้ง
ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ - Linux
ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ - Linux

เปิดอ่าน 26,823 ครั้ง
แนวทางจัดทำแผนปฏิบัติการ
แนวทางจัดทำแผนปฏิบัติการ

เปิดอ่าน 39,247 ครั้ง
เทคนิคการอ่านหนังสือขั้นเทพ
เทคนิคการอ่านหนังสือขั้นเทพ

เปิดอ่าน 32,682 ครั้ง
ไข่ขาวสามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ?
ไข่ขาวสามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ?

เปิดอ่าน 14,080 ครั้ง
เคล็ดลับในการเริ่มบทสนทนาภาษาอังกฤษที่น่าสนใจกับเจ้าของภาษาที่ใครๆ ก็ทำได้
เคล็ดลับในการเริ่มบทสนทนาภาษาอังกฤษที่น่าสนใจกับเจ้าของภาษาที่ใครๆ ก็ทำได้

เปิดอ่าน 9,312 ครั้ง
แปลงความยากจน ให้เป็นต้นทุนแห่งการเรียนรู้
แปลงความยากจน ให้เป็นต้นทุนแห่งการเรียนรู้

เปิดอ่าน 75,443 ครั้ง
พื้นที่ของรูปหลายเหลี่ยม
พื้นที่ของรูปหลายเหลี่ยม

เปิดอ่าน 35,263 ครั้ง
1 กรกฎาคม วันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ
1 กรกฎาคม วันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ

เปิดอ่าน 52,300 ครั้ง
ที่มาของ "กรุงเทพมหานคร" และ "บางกอก"
ที่มาของ "กรุงเทพมหานคร" และ "บางกอก"

เปิดอ่าน 10,271 ครั้ง
การซ่อมแซมเสื้อผ้า
การซ่อมแซมเสื้อผ้า

เปิดอ่าน 37,364 ครั้ง
วิธีเก็บ“ผักชี-รากผักชี”ใช้ได้นานขึ้น
วิธีเก็บ“ผักชี-รากผักชี”ใช้ได้นานขึ้น

เปิดอ่าน 5,530 ครั้ง
ติดฟิล์มรถยนต์ราคาถูก ติดรุ่นไหนดี ควรเลือกอย่างไร ?
ติดฟิล์มรถยนต์ราคาถูก ติดรุ่นไหนดี ควรเลือกอย่างไร ?

เปิดอ่าน 978 ครั้ง
ประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญา
ประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญา

เปิดอ่าน 23,506 ครั้ง
แพทย์ชี้เด็กยิ่งเล่นยิ่งฉลาด แนะพ่อแม่ส่งเสริมการเล่นอย่างอิสระ 7 ประการ
แพทย์ชี้เด็กยิ่งเล่นยิ่งฉลาด แนะพ่อแม่ส่งเสริมการเล่นอย่างอิสระ 7 ประการ

เปิดอ่าน 23,074 ครั้ง
รูปร่างลักษณะของดวงจันทร์บนฟ้า
รูปร่างลักษณะของดวงจันทร์บนฟ้า
เปิดอ่าน 85,288 ครั้ง
กระแสอะไรที่จะช่วยปรับรูปแบบโครงสร้างการปฏิรูปการศึกษาของไทย โดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์
กระแสอะไรที่จะช่วยปรับรูปแบบโครงสร้างการปฏิรูปการศึกษาของไทย โดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์
เปิดอ่าน 18,163 ครั้ง
แผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา โดย คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา พฤษภาคม 2562
แผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา โดย คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา พฤษภาคม 2562
เปิดอ่าน 13,819 ครั้ง
[Clip] เล็กๆ เปลี่ยนโลก : เคล็ดลับง่ายๆ บริหารสมองสองซีก จากการนับเลข 1-10
[Clip] เล็กๆ เปลี่ยนโลก : เคล็ดลับง่ายๆ บริหารสมองสองซีก จากการนับเลข 1-10
เปิดอ่าน 18,836 ครั้ง
ระกำ
ระกำ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ