การประเมินโครงการรักการอ่าน โรงเรียนบ้านวังขอนสัก
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 ปีการศึกษา 2563
ว่าที่ร.ต.หญิงกรทิพย์ กุมขุนทด
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวังขอนสัก
การประเมินโครงการรักการอ่าน โรงเรียนบ้านวังขอนสัก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 ปีการศึกษา 2563 มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินผลการดำเนินงานโครงการรักการอ่าน โรงเรียนบ้านวังขอนสัก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 ปีการศึกษา 2563 ใช้รูปแบบการประเมินแบบซิป (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีม ดำเนินการประเมินใน 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านบริบท (Context) ด้านปัจจัยนำเข้า (Input) ด้านกระบวนการ (Process) ด้านผลผลิต (Product) กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่
ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียนโรงเรียนบ้านวังขอนสัก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 ปีการศึกษา 2563 จำนวนทั้งสิ้น 97 คน โดยการกำหนดขนาดตามกลุ่มตัวอย่างของเครซี่และมอร์แกน ผลการประเมินพบว่า
การประเมินโครงการรักการอ่าน โรงเรียนบ้านวังขอนสัก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ด้านบริบท รองลงมา คือ ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต ตามลำดับ ส่วนด้าน ที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ด้านปัจจัยนำเข้า จำแนกเป็นรายด้าน ดังนี้
1. ด้านบริบทของโครงการมีความเหมาะสมในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ วัตถุประสงค์ของโครงการสามารถนำไปปฏิบัติได้ รองลงมาคือโครงการมีความสอดคล้องกับแผนงาน และนโยบายของเขตพื้นที่การศึกษา และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ โครงการได้รับการยอมรับและการสนับสนุนและจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง
2. ด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการมีความเหมาะสมในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ ผู้บริหาร ครู ชุมชน มีแผนการดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ รองลงมาคือ มีหลักสูตร หน่วยการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และข้อ ที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้จัดกิจกรรม เช่น คอมพิวเตอร์สืบค้นภายในห้องสมุด
3. ด้านกระบวนการของโครงการมีความเหมาะสมในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยข้อที่มีค่าเฉลี่ย มากที่สุดคือ มีการนิเทศ กำกับ ติดตาม และตรวจสอบการจัดกิจกรรม รองลงมาคือ มีการวางแผนงาน อย่างเป็นระบบ และชัดเจน และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ การประเมินผลการจัดกิจกรรมที่เหมาะสม
4. ด้านผลผลิตของโครงการมีความเหมาะสมในภาพรวมอยู่ในระดับมาก รายการประเมินด้านคุณภาพผู้บริหาร ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ผู้บริหารเป็นผู้นำในการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน รายการประเมินด้านคุณภาพผู้บริหาร ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ มีการบูรณาการการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านอย่างต่อเนื่อง โดยใช้แหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน และรายการประเมินด้านคุณภาพนักเรียน ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ นักเรียนใช้เวลานอกเวลาเรียนในการอ่านหนังสือเฉลี่ยอย่างน้อยวันละ 60 นาที
ข้อเสนอแนะการประเมินโครงการรักการอ่าน โรงเรียนบ้านวังขอนสัก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 ปีการศึกษา 2563 พบว่า ด้านบริบท ควรศึกษาดูงานโรงเรียนที่มีการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านที่ประสบความสำเร็จ จัดให้มีการอบรมให้ความรู้ผู้ปกครอง/ชุมชนเห็นควรสำคัญของการอ่าน ครูทุกคนได้รับการอบรม ประชุม สัมมนา เกี่ยวกับการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน และมีแผนการดำเนินงานส่งเสริมนิสัยรักการอ่านที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้านปัจจัยนำเข้า ควรจัดงบประมาณเพียงพอและเหมาะสม ในการส่งเสริมนิสับรักการอ่าน มีคอมพิวเตอร์ไว้สืบค้นในห้องสมุดเพิ่มมากขึ้น มีหนังสือใหม่ๆ เพียงพอกับความต้องการของนักเรียนและบริการชุมชน และจัดหาเจ้าหน้าที่ประจำห้องสมุดตลอดเวลามากยิ่งขึ้น ด้านกระบวนการ ควรประสานขอความร่วมมือและสนับสนุนจากชุมชน/องค์กรต่างๆ ส่งเสริมการอ่านทั้ง ในโรงเรียน ที่บ้าน และชุมชน ให้มีประสิทธิภาพ จัดกิจกรรมที่หลากหลายแปลกใหม่ เพื่อกระตุ้น แรงจูงใจให้อยากอ่าน และสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของการอ่านกับทุกฝ่ายมากยิ่งขึ้น และด้านผลผลิต ควรมีคอมพิวเตอร์ช่วยสืบค้น จัดหาแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย สร้างสภาพแวดล้อม และบรรยากาศที่เอื้อต่อการอ่าน และมีกิจกรรมที่นักเรียนสนุกสนานและกล้าแสดงออก มากยิ่งขึ้น