ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

รายงานการประเมินโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ อาเภอพระนครศรีอยุธยา สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พระนครศรีอยุธยา เขต 1

บทสรุปสาหรับผู้บริหาร

รายงานการประเมินโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ อาเภอพระนครศรีอยุธยา สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมิน 1) ด้านบริบท เกี่ยวกับความต้องการจาเป็นและความเป็นไปได้ในการจัดทาโครงการ 2) ด้านปัจจัยนาเข้า เกี่ยวกับความเหมาะสมของหลักสูตรและความเหมาะสมของของบุคลากร 3) ด้านกระบวนการ เกี่ยวกับกิจกรรมที่ดาเนินการและการนิเทศ ติดตามโครงการ 4) ด้านผลผลิต เกี่ยวกับทักษะ 4 H (Head Hand Heart Health) ทักษะในศตวรรษที่ 21 ร้อยละของนักเรียนที่ศึกษาต่อ ร้อยละของนักเรียนที่ประกอบอาชีพเสริมหรืออาชีพอิสระ ความพึงพอใจของนักเรียน ความพึงพอใจของผู้ปกครอง ความพึงพอใจ ของบุคลากรหน่วยงานทางการศึกษา ความพึงพอใจของบุคลากรในสถานประกอบการ ความพึงพอใจของผู้บริโภค ความพึงพอใจของครูและคณะกรรมสถานศึกษานพื้นฐาน โดยใช้รูปแบบการประเมิน (CIPP Model) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ คือ นักเรียนโรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – มัธยมศึกษาปีที่ 3 จานวน 110 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษา จานวน 18 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จานวน 7 คน (ไม่นับรวมผู้อานวยการสถานศึกษาและตัวแทนครูผู้สอน) ผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – มัธยมศึกษาปีที่ 3 จานวน 110 คน บุคลากรสถานประกอบการศูนย์อุตสาหกรรมไฮเทค อยุธยา จากัด จานวน 20 คน บุคลากรหน่วยงานทางการศึกษา (วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา วิทยาลัย สารพัดช่างพระนครศรีอยุธยา) จานวน 20 คน ผู้บริโภค จานวน 20 คน รวม จานวนกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น จานวน 305 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้มี ทั้งสิ้น จานวน 14 ฉบับ ประกอบด้วยแบบสอบถาม จานวน 10 ฉบับ แบบสัมภาษณ์ จานวน 2 ฉบับ แบบบันทึก จานวน 2 ฉบับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (μ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (ơ) สถิติที่ใช้หาค่าความตรงของเครื่องมือ ใช้สูตร IOC หาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม โดยใช้สูตรการหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่า α ของคอนบาร์ค ผลการประเมินโครงการสรุปได้ดังนี้

ผลการประเมินโครงการ ในภาพรวมพบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ได้คะแนนรวม 87.00 คะแนน ซึ่งประเด็นการประเมิน ทั้ง 4 ด้าน ผ่านเกณฑ์การประเมินที่ตั้งไว้ โดยประเด็นด้านบริบท (context Evaluation) และด้านผลผลิต (Product Evaluation) ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก ด้านปัจจัยนาเข้า (Input Evaluation) และด้านกระบวนการ (Process Evaluation) ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ดังนี้

1. ด้านบริบท (Context Evaluation) พบว่า โดยภาพรวมผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก ได้คะแนน รวม 9.00 คะแนน เมื่อพิจารณาตามตัวชี้วัด ทั้ง 2 ตัวชี้วัด มีดังนี้

1.1 ความต้องการจาเป็นในการจัดทาโครงการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (μ) เท่ากับ 4.50

1.2 ความเป็นไปได้ของโครงการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย (μ) เท่ากับ 4.47

2. ด้านปัจจัยนาเข้า (Input Evaluation) โดยภาพรวมผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ได้คะแนน รวม 13 คะแนน เมื่อพิจารณาตามตัวชี้วัด ทั้ง 2 ตัวชี้วัด มีดังนี้

2.1 ความเหมาะสมของหลักสูตร พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย (μ) เท่ากับ 4.41

2.2 ความเหมาะสมของบุคลากร พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (μ) เท่ากับ 4.54

3. ด้านกระบวนการ (Process Evaluation) พบว่า โดยภาพรวม ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ได้คะแนน รวม 15 คะแนน เมื่อพิจารณาตามตัวชี้วัด ทั้ง 2 ตัวชี้วัด มีดังนี้

3.1 ร้อยละของกิจกรรมที่ดาเนินการ พบว่า มีการดาเนินกิจกรรม 10 กิจกรรม ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 100

3.2 ร้อยละของการติดตามโครงการ พบว่า มีการติดตามโครงการ 10 ครั้ง คิดเป็น ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด

4. ด้านผลผลิต (Product Evaluation) พบว่า โดยภาพรวมผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก ได้คะแนน รวม 50 คะแนน เมื่อพิจารณาตามตัวชี้วัด ทั้ง 10 ตัวชี้วัด มีดังนี้

4.1 ระดับทักษะ 4 H (Head Hand Heart Health) พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย (μ) เท่ากับ 4.23

4.2 ระดับทักษะในศตวรรษที่ 21 พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย (μ) เท่ากับ 4.27

4.3 ร้อยละของนักเรียนที่ศึกษาต่อ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ร้อยละ 97.27

4.4 ร้อยละของนักเรียนที่ประกอบอาชีพเสริมหรืออาชีพอิสระ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก ร้อยละ 13.64

4.5 ระดับความพึงพอใจของนักเรียน พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (μ) เท่ากับ 4.55

4.6 ระดับความพึงพอใจของผู้ปกครอง พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย (μ) เท่ากับ 4.42

4.7 ระดับความพึงพอใจของบุคลากรหน่วยงานทางการศึกษา พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย (μ) เท่ากับ 4.38

4.8 ระดับความพึงพอใจของบุคลากรในสถานประกอบการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย (μ) เท่ากับ 4.32

4.9 ระดับความพึงพอใจของผู้บริโภค พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย (μ) เท่ากับ 4.44

4.10 ระดับความพึงพอใจของครูและคณะกรรมการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (μ) เท่ากับ 4.50

ข้อเสนอแนะ

การพัฒนาและเสริมสร้างทักษะให้กับนักเรียนในยุคเทคโนโลยี และโลกาภิวัตน์ จะต้องส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้เรียนมีทักษะในศตวรรษที่ 21 มีคุณลักษณะด้านการเรียนรู้ มีทักษะการทางาน ทักษะการดารงชีวิต สามารถปรับตัวได้อย่างชาญฉลาด และที่สาคัญจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความเคารพซึ่งกันและกัน มีสุขภาวะที่ดีและเป็นพลเมืองที่มีคุณค่า ใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข จึงเป็นภารกิจที่สาคัญสาหรับสถานศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องร่วมมือกันในการจัดโครงการเพื่อพัฒนาผู้เรียน จากผลการประเมินโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โรงเรียน วัดสว่างอารมณ์ อาเภอพระนครศรีอยุธยาสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 พบว่า ผ่านเกณฑ์การปะเมินในระดับมากที่สุด และทุกประเด็น ทุกตัวชี้วัด ผ่านเกฑณ์การประเมินทั้งหมด จึงควรดาเนินการต่อ ผู้เกี่ยวข้องควรนาผลการประเมินไปปรับปรุงแก้ไขและพัฒนา เพื่อให้การดาเนินโครงการในครั้งต่อไปให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มมากขึ้น โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้

1. ข้อเสนอแนะสาหรับการนาผลการประเมินไปใช้ประโยชน์

1.1 นาผลการประเมินโครงการที่ได้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการตัดสินใจปรับปรุง แก้ไขในด้านต่าง ๆ ที่ได้ค้นพบ โดยส่งเสริมกิจกรรมที่โรงเรียนสามารถทาได้ดีให้ดียิ่งขึ้นไป ปรับปรุงกิจกรรมที่พบว่ามีผลการประเมินในระดับต่า

1.2 โรงเรียนควรนากิจกรรมใหม่ ๆ ที่ประสบความสาเร็จมาจัดกิจกรรมในการพัฒนากิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะ ที่ครอบคลุมหลักองค์ 4 แห่งการศึกษา ได้แก่

1) ด้านพุทธิศึกษา คือ ความรอบรู้วิชาการที่จาเป็นสาหรับการดารงชีวิต การศึกษา

และการเรียนรู้

2) ด้านจริยศึกษา คือ การมีศีลธรรม จรรยาที่ดี มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น

มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และมีสานึกที่ดีต่อส่วนรวม

3) ด้านหัตถศึกษา คือ ความรู้และทักษะในการทางาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทัศนคติ

ที่ดีต่องาน และเห็นคุณค่าของการทางาน

4) ด้านพลศึกษา คือ การมีสุขภาพแข็งแรงการกินอาหารที่ถูกต้อง และการออกกาลังกายให้เหมาะสมรวมทั้งความสะอาดและสุขาภิบาลด้วย

1.3 เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เช่น ให้เวลาในการซักถามเมื่อเกิดข้อสงสัย เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เสนอความต้องการในการทาสิ่งใหม่ ๆ ตามความสนใจ

ตั้งคาถามเพื่อให้นักเรียนได้สะท้อนความรู้สึกหรือมุมมองของตนเอง ตั้งคาถามเพื่อให้นักเรียนได้เชื่อมโยงความรู้หรือประสบการณ์เดิมกับความรู้ใหม่เพื่อนามาใช้ในการแก้ปัญหาและนามาปรับใช้ในการดาเนินชีวิต เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ

1.4 ควรมีการจัดเวทีเพื่อรับฟังการสะท้อนผลการจัดกิจกรรมแก่ผู้เรียนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ผู้ปกครอง ภูมิปัญญาท้องถิ่น ชุมชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้ได้ข้อมูลย้อนกลับสาหรับการ ต่อยอดกิจกรรมในปีการศึกษาต่อไป

1.5 ควรขยายการประสานงานระหว่างองค์กร และบุคลากร ทาให้เกิดความร่วมมือในการดาเนินโครงการ ด้วยการทา MOU กับหน่วยงานต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น และจัดประชุมในลักษณะเครือข่ายชุมชนแห่งการเรียนรู้วิชาชีพ (Professional Learning Community)

2. ข้อเสนอแนะสาหรับการประเมินครั้งต่อไป

2.1 ควรศึกษาเกี่ยวกับการจัดทาสารสนเทศของโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้

2.2 ควรศึกษาเกี่ยวกับประเมินการจัดกิจกรรมของโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้

2.3 ควรประเมินโครงการโดยการกาหนดค่าน้าหนัก ตัวชี้วัด และเกณฑ์การตัดสินของตัวชี้วัด ในแต่ละปัจจัย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียด และผลของโครงการในภาพรวมมีความชัดเจนตามลาดับความสาคัญ ทาให้ได้สารสนเทศที่ครอบคลุมอันจะเป็นประโยชน์ในการประเมินโครงการต่อไป

2.4 ควรศึกษาวิจัยและพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมที่เชื่อมโยงความรู้ในห้องเรียนกับประสบการณ์และทักษะจากกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เพื่อให้ได้ข้อมูลสารสนเทศที่เป็นแนวทางและเป็นประโยชน์ในการพัฒนาโครงการต่อไป

2.5 การศึกษาประสิทธิภาพประสิทธิผลการจัดการความรู้ โดยลดเวลาเรียนในห้องเรียน เพื่อให้เรียนรู้จากการปฏิบัตินอกห้องเรียน

โพสต์โดย วาด : [23 ม.ค. 2566 เวลา 17:20 น.]
อ่าน [100654] ไอพี : 125.26.188.225
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 14,173 ครั้ง
วีดิโอสอนวิธีการดูธนบัตรปลอม
วีดิโอสอนวิธีการดูธนบัตรปลอม

เปิดอ่าน 37,980 ครั้ง
ข้าวหอมมะลิไทยได้แชมป์ข้าวโลก
ข้าวหอมมะลิไทยได้แชมป์ข้าวโลก

เปิดอ่าน 18,570 ครั้ง
eco car เทรนด์ใหม่ รถเล็ก ประหยัดพลังงาน
eco car เทรนด์ใหม่ รถเล็ก ประหยัดพลังงาน

เปิดอ่าน 8,436 ครั้ง
ครูแท้แพ้ไม่เป็น ตอนที่6
ครูแท้แพ้ไม่เป็น ตอนที่6

เปิดอ่าน 20,338 ครั้ง
มะระจีน
มะระจีน

เปิดอ่าน 13,161 ครั้ง
การถ่ายภาพอาหารด้วยสมาร์ทโฟนช่วยลดน้ำหนักได้
การถ่ายภาพอาหารด้วยสมาร์ทโฟนช่วยลดน้ำหนักได้

เปิดอ่าน 44,089 ครั้ง
ชุดประจำชาติต่างๆ ในอาเซียน
ชุดประจำชาติต่างๆ ในอาเซียน

เปิดอ่าน 230,791 ครั้ง
ระดับชั้นความลับและความเร็วของหนังสือราชการ
ระดับชั้นความลับและความเร็วของหนังสือราชการ

เปิดอ่าน 8,641 ครั้ง
สอนภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องสอนคืออะไร ไขข้อข้องใจได้ที่นี่
สอนภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องสอนคืออะไร ไขข้อข้องใจได้ที่นี่

เปิดอ่าน 11,162 ครั้ง
แนวทางการดำเนินงาน โครงการพัฒนาเยาวชนสู่การเป็นนักประดิษฐ์ พ.ศ.2556
แนวทางการดำเนินงาน โครงการพัฒนาเยาวชนสู่การเป็นนักประดิษฐ์ พ.ศ.2556

เปิดอ่าน 16,878 ครั้ง
การรักษาโรคตาแห้ง
การรักษาโรคตาแห้ง

เปิดอ่าน 114,514 ครั้ง
รายชื่อโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 4,000 คนขึ้นไป ปีการศึกษา 2559 (เรียงลำดับตามจำนวนนักเรียนจากมากไปน้อย)
รายชื่อโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 4,000 คนขึ้นไป ปีการศึกษา 2559 (เรียงลำดับตามจำนวนนักเรียนจากมากไปน้อย)

เปิดอ่าน 17,017 ครั้ง
กิน เล่น เต้น วาด สุดยอดวิชาพัฒนาเด็ก
กิน เล่น เต้น วาด สุดยอดวิชาพัฒนาเด็ก

เปิดอ่าน 27,169 ครั้ง
รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง
รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง

เปิดอ่าน 23,923 ครั้ง
ประวัติวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก
ประวัติวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก

เปิดอ่าน 15,162 ครั้ง
เรื่องของวันหยุดยาวในเดือนเมษายน กับการเปิด-ปิดเทอมของมหาวิทยาลัย
เรื่องของวันหยุดยาวในเดือนเมษายน กับการเปิด-ปิดเทอมของมหาวิทยาลัย
เปิดอ่าน 124,039 ครั้ง
ดาวน์โหลดหนังสือ Brain-based Learning (BBL) 7 เล่ม เขียนโดย อ.พรพิไล เลิศวิชา
ดาวน์โหลดหนังสือ Brain-based Learning (BBL) 7 เล่ม เขียนโดย อ.พรพิไล เลิศวิชา
เปิดอ่าน 1,962 ครั้ง
9 ประเภทธุรกิจที่โดดเด่นและน่าจับตามอง ปี 2567
9 ประเภทธุรกิจที่โดดเด่นและน่าจับตามอง ปี 2567
เปิดอ่าน 27,078 ครั้ง
ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใช้ธูปกี่ดอกกันบ้าง?
ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใช้ธูปกี่ดอกกันบ้าง?
เปิดอ่าน 84,314 ครั้ง
รูปแบบการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กที่ได้ผล
รูปแบบการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กที่ได้ผล

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ