ชื่องานวิจัย การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม
ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด เพื่อส่งเสริมความสามารถใน
การใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการอ่านคิดวิเคราะห์
สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผู้วิจัย นางปัทมา สิทธิสังข์
สถานที่ทำงาน โรงเรียนประทาย อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา ปีที่พิมพ์ 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด เพื่อส่งเสริมความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสารและการอ่านคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ประยุกต์ร่วมกับแนวคิดในการพัฒนาและออกแบบระบบ การสอนของ Banathy, Knirk, Gustafson, Seels, Glasgow และแนวคิดในการออกแบบและพัฒนาระบบการเรียนการสอน DDIE Model ของ Kevin Kruse โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหา และศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่น นิสซึ่มร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด เพื่อส่งเสริมความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อพัฒนาและ หาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มร่วมกับการเรียนรู้ แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด เพื่อส่งเสริมความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสารและการอ่านคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อศึกษาผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด เพื่อส่งเสริมความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการอ่าน คิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนประทาย ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนประทาย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 40 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นการสุ่มด้วยการจับฉลาก จำนวน 1 ห้องเรียน ประกอบด้วยนักเรียน เก่ง ปานกลาง และอ่อน คละกันทั้งนักเรียนชายและหญิง ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของนักเรียน ส่วนใหญ่ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด เพื่อส่งเสริมความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการอ่านคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งได้จัดทำเป็นแผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 7 แผน ๆ ละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 14 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษและการอ่านคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และแบบประเมินความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิดสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าทีแบบไม่อิสระ (t-test dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. ข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด เพื่อส่งเสริมความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสารและการอ่านคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มุ่งเน้นให้ผู้เรียนลงมือในการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่ตนเองและกระตุ้นให้เกิดความท้าทาย ดังนั้นจึงเป็นแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ส่งเสริมและฝึกฝนให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่อตนเอง มีทักษะในการคิดไตร่ตรองคิดอย่างรอบคอบและมีวิจารณญาณ
2. รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด เพื่อส่งเสริมความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการอ่านคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่พัฒนาขึ้น มีชื่อว่า 2E2PI Model มีองค์ประกอบคือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการจัดการเรียนการสอน ระบบสังคม หลักการตอบสนอง สิ่งสนับสนุน เงื่อนไขของการนำรูปแบบไปใช้ และผลที่เกิดจากการใช้รูปแบบในส่วนของกระบวนการเรียนการสอนนั้น ประกอบไปด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นเร้าความสนใจ (Encouragement: E) ขั้นนำเสนอคิดวิเคราะห์ (Presentation: P) ขั้นเพลินเพลิดปฏิบัติ (Practice: P) ขั้นตรวจวัด การประเมิน (Evaluation: E) ขั้นเฉิดฉายกับการนำไปใช้ (Implementation: I) เมื่อนำไปทดลองใช้กับนักเรียนแบบภาคสนาม จำนวน 38 คน พบว่า มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.03/82.11 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด เพื่อส่งเสริมความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการอ่านคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า ความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการอ่านคิดวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ผลของการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนประทาย ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มร่วมกันการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค เพื่อนคู่คิด พบว่า ความพึงพอใจรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก