การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาสภาพการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนสายปัญญารังสิต และ 2) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะแนวทางการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนสายปัญญารังสิต กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหาร และครู โรงเรียนสายปัญญารังสิต เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม เรื่อง แนวทางการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนสายปัญญารังสิต สถิติที่ใช้ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test ผลการศึกษาพบว่า
1. สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่งเป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 62.50 ส่วนใหญ่มีอายุอยู่ในช่วง 30 40 ปี คิดเป็นร้อยละ 40.00 มีตำแหน่งเป็นครูผู้สอนมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 80.00 คุณวุฒิทางการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า คิดเป็นร้อยละ 67.50 และ ระยะเวลาปฏิบัติงาน 11 - 15 ปี คิดเป็นร้อยละ 47.50
2. สภาพการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนสายปัญญารังสิต โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านมีการดำเนินงานอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยคือ การสรุปและรายงานผลการบริหารแหล่งเรียนรู้ (Act : A) การดำเนินงานบริหารแหล่งเรียนรู้ (Do : D) การตรวจสอบ ทบทวน กำกับติดตามการบริหารแหล่งเรียนรู้ (Check : C) และการวางแผนบริหารแหล่งเรียนรู้ (Plan : P) ตามลำดับ รายละเอียดดังต่อไปนี้
2.1 ด้านการวางแผนบริหารแหล่งเรียนรู้ (Plan : P) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อการดำเนินงานอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารแหล่งเรียนรู้ของสถานศึกษาอย่างชัดเจน รองลงมาได้แก่ มีการกำหนดแผนงาน/โครงการ/กิจกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนา และการใช้แหล่งเรียนรู้ และมีการกำหนดวัตถุประสงค์การพัฒนาและการใช้แหล่งเรียนรู้อย่างชัดเจนตามลำดับ สำหรับข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ ครูผู้สอน นักเรียนและชุมชน มีส่วนร่วมในการวางแผนการพัฒนาและการใช้แหล่งเรียนรู้อย่างชัดเจน
2.2 ด้านการดำเนินงานบริหารแหล่งเรียนรู้ (Do : D) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อการดำเนินงานอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ จัดโครงการที่นำนักเรียนไปทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ภายนอก รองลงมาได้แก่ มีการส่งเสริมให้นักเรียนเข้าใช้แหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษา และลงบันทึกการเข้าใช้บริการแหล่งเรียนรู้ และมีการสร้างและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษาให้มีความเหมาะสม ปลอดภัย และเอื้อต่อการจัดการเรียนรู้ ตามลำดับ สำหรับข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ มีการเชิญวิทยากร ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นมาให้ความรู้และสร้างเครือข่ายในสถานศึกษา
2.3 ด้านการตรวจสอบ ทบทวน กำกับติดตามการบริหารแหล่งเรียนรู้ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อการดำเนินงานอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ ผู้บริหารสถานศึกษา สนับสนุนให้ครูผู้สอน นักเรียน ชุมชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมในการประเมินผลการใช้แหล่งเรียนรู้ รองลงมาได้แก่ คณะกรรมการบริหารแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษามีความรู้ความเข้าใจในการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการบริหารแหล่งเรียนรู้ และคณะกรรมการบริหารแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษามีการจัดทำสถิติข้อมูลและรายงานสรุปผลการดำเนินงานเป็นประจำทุกเดือนตามลำดับ สำหรับข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ คณะกรรมการบริหารแหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษาได้กำหนดวิธีการและเครื่องมือในการตรวจสอบและประเมินผลแหล่งเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
2.4 ด้านการสรุปและรายงานผลการบริหารแหล่งเรียนรู้ (Act : A) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อการดำเนินงานอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขปัญหาและอุปสรรคการใช้แหล่งเรียนรู้ตามแผนที่วางไว้ รองลงมาได้แก่ ผู้บริหารส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินการสร้าง และพัฒนาแหล่งเรียนรู้ของสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง และกำหนดให้บุคลากรได้มีส่วนร่วมในการปรับปรุงแก้ไขปัญหาและอุปสรรคการใช้แหล่งเรียนรู้ ตามลำดับ สำหรับข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ คณะกรรมการบริหารแหล่งเรียนรู้ของสถานศึกษาได้นำผลการประเมินมาวิเคราะห์ ถึงจุดเด่น จุดด้อย และข้อเสนอแนะ
3. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบสภาพการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนสายปัญญารังสิต จำแนกตามสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า เพศ อายุ ตำแหน่ง คุณวุฒิการศึกษาสูงสุด และระยะเวลาปฏิบัติงานต่างกัน มีความคิดเห็นต่อสภาพการบริหารแหล่งเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนสายปัญญารังสิต ไม่แตกต่างกัน