การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนามีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเพื่อกำหนดร่างของรูปแบบการเรียนการสอนจากแหล่งข้อมูลเอกสารและบุคคล นำมาเป็นแนวทางในการกำหนดร่างของรูปแบบการเรียนการสอน 2) พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3) นำรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปทดลองใช้ 4) ประเมินและรับรองรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ระยะที่ 2 การออกแบบและการพัฒนารูปแบบระยะที่ 3 การนำรูปแบบไปทดลองใช้ ระยะที่ 4 การประเมินและรับรองรูปแบบ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/7 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนบัวขาว สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 40 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามสภาพปัจจุบันปัญหา จำนวน 1 ฉบับ 2) แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง จำนวน 1 ฉบับ 3) แผน การจัดการเรียนรู้ จำนวน 12 แผน 4) คู่มือประกอบการใช้รูปแบบ 5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การสังเคราะห์ด้วยแสง แบบเลือกตอบ จำนวน 40 ข้อ 6) แบบวัดการคิดวิเคราะห์ เรื่อง การสังเคราะห์ด้วยแสง แบบเขียนตอบ จำนวน 10 ข้อ 7) แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 20 ข้อ
ผลการวิจัยพบว่า
1. ระยะที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเพื่อกำหนดร่างของรูปแบบการเรียนการสอนจากแหล่งข้อมูลเอกสารและบุคคล นำมาเป็นแนวทางในการกำหนดร่างของรูปแบบการเรียนการสอน
1.1 ผลการวิเคราะห์และสังเคราะห์ทฤษฎี หลักการ เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ได้องค์ประกอบหลักและองค์ประกอบย่อยของรูปแบบ ประกอบด้วย 1. หลักการ แนวคิด ทฤษฎีพื้นฐาน (Principles) 2. วัตถุประสงค์ (Objectives) 3. การจัดการเรียนการสอน (Teaching Process) มีขั้นตอน 6 ขั้นตอน คือ ขั้นการทบทวนความรู้เดิม (Activate Prior Knowledge : A) ขั้นเผชิญปัญหา (Problem : P) ขั้นการลงมือกระทำ (Action : A) ขั้นการสร้างองค์ความรู้ (Construction : C) ขั้นที่ 5 การวัดและประเมินผล (Evaluation) และขั้นที่ 6 สะท้อนผล (Feedback) และ 4. การวัดและประเมินผล (Evaluation)
1.2 ผลการศึกษาข้อมูลสภาพปัญหาและอุปสรรคการจัดการเรียนการสอน พบว่า ภาพรวมของผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันการจัดการเรียนการสอนที่ควรปฏิบัติ อยู่ในระดับมาก ( = 3.89, S.D.=0.81) และภาพรวมของผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นของครูเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันการจัดการเรียนการสอนที่ครูปฏิบัติจริง อยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.40, S.D.=0.90)
2. ระยะที่ 2 ผลการออกแบบและพัฒนา ผู้วิจัยได้ออกแบบและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีองค์ประกอบ คือ
1. หลักการ แนวคิด ทฤษฎีพื้นฐาน (Principles) คือ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ประสบผลสำเร็จและนำไปสู่การพัฒนา การคิดวิเคราะห์ของผู้เรียนต้องยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนทั้งด้านร่างกาย สติปัญญาและสังคม
2. วัตถุประสงค์ (Objectives) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเพื่อพัฒนาการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน
3. การจัดการเรียนการสอน (Teaching Process) มีขั้นตอน มีดังนี้
ขั้นที่ 1 ขั้นการทบทวนความรู้เดิม (Activate Prior Knowledge : A)
ขั้นที่ 2 ขั้นเผชิญปัญหา (Problem Situation : P)
ขั้นที่ 3 ขั้นการลงมือกระทำ (Action : A)
ขั้นที่ 4 ขั้นการสร้างองค์ความรู้ (Construction : C)
ขั้นที่ 5 การวัดและประเมินผล (Evaluation : E)
ขั้นที่ 6 สะท้อนผล (Feedback : F)
4. การวัดและประเมินผล (Evaluation) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และความพึงพอใจของนักเรียน
3. ระยะที่ 3 ผลการทดลองใช้รูปแบบ หลังจากหาประสิทธิภาพพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎี การสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปรากฏผล ดังนี้
3.1 ประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่อง การสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เท่ากับ 80.94/81.19
3.2 ค่าดัชนีประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เท่ากับ 0.7034
3.3 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนจากรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.4 ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนที่เรียนจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.5 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่าโดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด
4. ระยะที่ 4 ผลการประเมินและรับรองรูปแบบ ผลการประเมินและรับรองรูปแบบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า รูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด