นวัตกรรม KWANG MODEL To NATSIN โดยนำแนวคิดกระบวนการบริหารจัดการเชิงระบบ (Boulding & Bertalanfly : 1920) ร่วมกับ วงจรบริหารงานคุณภาพ (PDCA) หรือ วงจร Deming (William Edwards Deming : 1980) ในการช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุนครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ควบคู่กับคุณธรรม ยกระดับการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21 โดยสามารถนำรูปแบบโมเดลนี้ ไปปรับใช้ได้กับการนิเทศการศึกษาทุกรูปแบบ ซึ่งนำมาใช้กับ แผนการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ เพื่อส่งเสริมทักษะการปฏิบัติของผู้เรียน โดยใช้กระบวนการ KWANG MODEL To NATSIN ดังรายละเอียดต่อไปนี้
PLAN วางแผน Knowledge Management การจัดการความรู้
๑. ศึกษา วิเคราะห์นโยบาย และจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ และ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ เพื่อเสริมสร้างทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ของผู้เรียน
๒. วิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศและผลการดำเนินงานขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ ของสถานศึกษา
๓. กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ กำหนดปฏิทินการนิเทศ และสร้างเครื่องมือการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์
DO ปฏิบัติ win ลงมือทำให้สำเร็จมุ่งสู่ความเป็นเลิศ
๔. พัฒนาครูร่วมกับหน่วยงานทางการศึกษาอื่นเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสถานศึกษาในสังกัดในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์
๕. ส่งเสริมสนับสนุนการใช้รูปแบบ/เทคนิค/วิธีการ/กิจกรรม สื่อนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ใช้ในการขับเคลื่อนดำเนินงานจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ ของสถานศึกษาในสังกัดทั้งระบบ ที่สอดคล้องกับความต้องการและบริบทของโรงเรียน
Check ตรวจสอบ Adaptability Network ปรับตัวรู้รอบด้าน สร้างเครือข่ายระดมสรรพกำลัง
๖. ประสานความร่วมมือในการสร้างเครือข่ายการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ ร่วมกับหน่วยงานทางการศึกษาและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
๗. นิเทศ ติดตาม และประเมินผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานและพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง
๘. จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อแลกเปลี่ยนและเผยแพร่รูปแบบ เทคนิค วิธีการ จัดการเรียนรู้ และนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์
ACT ปรับปรุงและพัฒนา Goal ก้าวไปสู้เป้าหมายที่กำหนดไว้
๙. ประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ ต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เกิดทักษะการปฏิบัติทางนาฏศิลป์
๑๐. สรุปรายงานผลการนิเทศเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงพัฒนาในครั้งต่อไปให้ดียิ่งขึ้น
๑๑. สร้างขวัญและกำลังใจ ยกย่องเชิดชูเกียรติ และเผยแพร่ผลความสำเร็จ (Best Practice)
NATSIN
N-Needs ความต้องการ
วิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการในการพัฒนาศักยภาพของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบเชิงรุก (Active Learning) ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระนาฏศิลป์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้และมีทักษะการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามหลักจารีตและรูปแบบของนาฏศิลป์ไทย
A-Activity เสริมสร้างกิจกรรม
จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพตามความจำเป็นและความต้องการตามบริบท เพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ทางนาฏศิลป์ไทยให้ตรงตามเป้าหมายไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระนาฏศิลป์ เพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เกิดทักษะ กระบวนการคิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ในผลงานของตนเอง และสามารถลงมือปฏิบัติทักษะทางนาฏศิลป์ไทยได้จริง
T-Technology - ก้าวล้ำเทคโนโลยี
มีเครื่องมือสื่อเทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอน สามารถใช้ประโยชน์จากสื่อเทคโนโลยี ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชานาฏศิลป์ ตลอดจนมีคลิปสื่อนวัตกรรมทางนาฏศิลป์เป็นของตนเอง เพื่อใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนในการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้เกิดทักษะกระบวนการเรียนรู้ในด้านต่างๆตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ในแต่ละกิจกรรมได้
S-Swot Analysis วิเคราะห์จุดเด่น - จุดด้อย
วิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย ของครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต จุดที่ควรพัฒนา เช่น ครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ที่ไม่ได้จบตรงสาขาวิชาเอกนาฏศิลป์ แต่มีความจำเป็นต้องสอนรายวิชานาฏศิลป์ที่ต้องได้รับการพัฒนาทักษะทางนาฏศิลป์ รวมถึงครูที่จบตรงสาขาวิชาเอกนาฏศิลป์ก็ต้องได้รับการพัฒนาทักษะ ความรู้ และควรต้องได้รับการฝึกฝนฝีมืออยู่เสมอ ตลอดจนมีเครือข่ายความรู้ทางนาฏศิลป์ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการทบทวนความรู้ในรายวิชาทักษะปฏิบัติ ผู้บริหาร และคณะครูผู้สอน รู้สภาพปัญหาของตนเองและความจำเป็นที่ต้องการพัฒนา ตลอดจนจุดเด่นในด้านความสามารถของตนเองในการช่วยเป็นพี่เลี้ยง เป็นผู้ช่วยพัฒนาครูที่ไม่ได้จบตรงสาขาวิชาเอกนาฏศิลป์ จุดเด่นของสถานศึกษาในด้านนาฏศิลป์ เช่น มีห้องนาฏศิลป์ที่มีความพร้อม สามารถใช้ฝึกซ้อมงานการแสดงต่าง ๆได้เป็นอย่างดี สามารถเอื้อเฟื้อสถานที่ต่อสถานศึกษาอื่น หรือ เขตพื้นที่ฯในฝึกซ้อมและเตรียมความพร้อมงานแสดงต่างๆได้ และรวมถึงจุดเด่นในด้านความสามารถของนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษทางด้านนาฏศิลป์ไทยที่ควรได้รับการส่งเสริมพัฒนาสู่ความเลิศ
I-Integration การบูรณาการและกระจายอำนาจ
การบูรณาการในรายวิชานาฏศิลป์เข้ากับการเรียนการสอนรายวิชาอื่น เช่น ทักษะการแสดง รูปแบบการแปรแถว ทักษะการนับจังหวะ ทักษะการออกแบบฉาก แสง สี เสียง การประดิษฐ์อุปกรณ์การแสดง การออกแบบเครื่องแต่งกาย ทักษะความกล้าแสดงออก ความรู้ทางด้านวัฒนธรรม หรือมารยาทตามรูปแบบจารีตนาฏศิลป์ไทย เป็นต้น อีกทั้งสามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ โดยมีการสร้างเครือข่ายทางนาฏศิลป์ ระดมสรรพกำลังในการพัฒนา และการกระจายอำนาจการเป็นเครือข่ายความรู้ โดยครูผู้จบตรงสาขาวิชาเอกนาฏศิลป์ สามารถให้คำแนะนำปรึกษาแก่ครูผู้สอนรายวิชานาฏศิลป์ที่ไม่ได้จบตรงสาขาวิชาเอกนาฏศิลป์ได้ ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น
N-Nurture - หนุนนำให้ก้าวหน้า
การส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา ครูให้มีความก้าวหน้าในการทำงาน เช่น การอบรมพัฒนาครูเพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในรายวิชานาฏศิลป์ รวมถึงการจัดกิจกรรมการแข่งขันต่าง ๆ เพื่อพัฒนาทักษะความรู้แก่ครูและผู้เรียน สร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน ยกย่องเชิดชูเกียรติ และเผยแพร่ผลงานความสำเร็จ (Best Practice) ส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลไปสู่ตัวผู้เรียน