แบบอย่างที่ดี (Best Practice)
โรงเรียนบ้านซับใหม่ สพป.ชัยภูมิ เขต ๓
๑. ชื่อผลงานที่เป็นแบบอย่างที่ดี
ปฐมวัยซับใหม่ ใส่ใจผ้ามัดย้อม ส่งเสริมทักษะ EF
๒. วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้การทำผ้ามัดย้อมสีตามธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่น
2. เพื่อให้เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้สีที่ใช้ย้อมผ้าตามธรรมชาติ
3. เพื่อส่งเสริมทักษะ EF ผ่านกิจกรรมศิลปะ
๔. เพื่อให้เด็กปฐมวัยมีการใส่ใจจดจ่อ มุ่งความสนใจอยู่กับสิ่งที่ทำและรู้จักวางแผน
๓. กระบวนการดำเนินงาน
ปฏิบัติครบวงจรโดยประยุกต์ใช้วงจรเดมมิ่ง (Deming Cycle) ภายใต้กระบวนการ SUBMAI MODEL และการบริหารด้วยวิธีการเชิงระบบ (Systems Approach) มาเป็นกลไกในการบริหารงานจนเกิดแนวทางการพัฒนาสู่ความเป็นเลิศที่ยั่งยืน มีวิธีการดำเนินงานอย่างชัดเจน ดังต่อนี้
ขั้นที่ ๑ การศึกษาปัญหา (S : Studying problem) เป็นการศึกษาภาวะพฤติกรรมของเด็กปฐมวัย พบว่า เด็กขาดสมาธิ ขาดความอดทน การรอคอยไม่เป็น จากกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเด็กส่วนใหญ่มุ้งเน้นผลลัพธ์มากกว่ากระบวนการ จาการวิเคราะห์สามารถใช้กิจกรรมผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ มาช่วยพัฒนาทักษะทางสติปัญญา EF (Executive Functions) สำหรับเด็กปฐมวัย ได้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นกระบวนการทางสติปัญญาในการควบคุมของความคิด การกระทำพฤติกรรมในการทำงานที่มีลำดับขั้นตอนที่ซับซ้อน มีกำหนดกฎเกณฑ์ รวมถึงการควบคุมอารมณ์ ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรม มุ่งความสำเร็จ ขั้นตอนนี้ พบว่า เด็กก่อนวัยเรียนเป็นวัยที่สามารถพัฒนา EF (Executive Functions) ได้รวดเร็วมากที่สุด ซึ่งองค์ประกอบตามทฤษฎีของ Zelazo , Frye ได้ระบุองค์ประกอบของทักษะการจัดการทางสติปัญญา (EF) ไว้ 3 องค์ประกอบด้วยกัน คือ ความจำที่นำมาใช้งาน (Working memory) การยืดหยุ่นความคิด (Cognitive flexbility) และการยั้งคิด (Inhibitory control) โดยการได้นำแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับองค์ประกอบ EF ของ Zelazo และ Frye มาใช้เป็นแนวคิดหลักในกรอบแนวคิดในการทำกิจกรรมผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ ร่วมกับแนวคิดของ Sherman Brooks ที่กำหนดองค์ประกอบ EF เพิ่มอีก 2 องค์ประกอบ ได้แก่ การควบคุมอารมณ์ (Emotional control) และการวางแผน (Planning) โดยทักษะการจัดการทางสติปัญญามีประโยชน์และมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนากระบวนการการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
ขั้นที่ ๒ การรวบรวมข้อมูล (U : Unitting) เป็นขั้นตอนที่นำกิจกรมมผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ มาช่วยพัฒนาทักษะทางสติปัญญา EF (Executive Functions) สำหรับเด็กปฐมวัย ได้อย่างสร้างสรรค์บูรณาการกับกิจกรรมอื่น เช่น ศิลปะ วิทยาศาสตร์ ภาษา และทักษะชีวิต การนำวัสดุธรรมชาติมาใช้ เช่น เปลือกไม้ ดอกไม้ สมุนไพร เพื่อเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่น เรื่องการย้อมผ้าจากสีธรรมชาติ เช่น ผ้ามัดย้อมจากเปลือกประดู่ ใบเตย ดอกอัญชัน
ขั้นที่ ๓ การสร้างนวัตกรรม (B : Building innovatio) เป็นขั้นตอนการนำนวัตกรรม ซับใหม่ ใส่ใจผ้ามัดย้อม ส่งเสริมทักษะ EF ลงสู่การปฏิบัติจริง โดยปฏิบัติการการจัดกิจกรรมผ้ามัดย้อมจากสีตามธรรมชาติ เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยพัฒนาทักษะทางด้าน EF (Executive Functions) โดยกิจกรรมผ้ามัดย้อมจากสีตามธรรมชาตินี้เป็นการสกัดสีจากส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ราก เปลือก ต้นแก่น กิ่งใบ ดอกและผล สีย้อมจากธรรมชาติมีความสวยงามและหลากหลาย อาทิ สีครามจากต้นฮ่อม สีเหลืองจากขมิ้น สีน้ำตาลจากแก่นเข สีเขียวจากใบเตย สีม่วงจากต้นบก สีชมพูจากเปลือกจามจุรี สีแดงจากฝาง สีม่วงจากดอกอัญชันและการออกแบบลายบนผืนผ้าด้วยกรรมวิธีการสีย้อมโดยการมัดผ้า พับผ้าแล้วมัด เย็บผ้าผูกถ้าเป็นโปรนี่หรือห่อพัสดุแล้วมัด มัดให้แน่นเพื่อกันไม่ให้สีย้อมแทรกซึมเข้าไปหรือแทรกเข้าไปให้น้อยที่สุด แล้วนำผ้านั้นไปย้อมสี เมื่อแกะปมที่ผูกมัดออกจะปรากฏลวดลายประดิษฐ์ลายผ้า ขึ้นอยู่กับจินตนาการและการสังเกตของแต่ละคน ซึ่งการมัดแต่ละครั้งหรือแต่ละคนลายผ้าที่ได้จะไม่เหมือนกัน แต่ก็สามารถปรับปรุงหรือออกแบบให้ใกล้เคียงหรือคล้ายกันได้ ขึ้นอยู่กับการสังเกตพัฒนาการของแต่ละคนด้วย ซึ่งการมัดลายแบบพื้นฐานอย่างง่ายมี 4 แบบ ดังนี้ 1. การพับแล้วมัด กล่าวคือ เป็นการพับผ้าเป็นรูปต่างๆ แล้วมาด้วยยางหรือเชือก ผลที่ได้จะได้ลวดลายที่มีลักษณะลายด้านซ้ายและลายด้านขวาจะมีความใกล้เคียงกัน แต่จะมีสีอ่อนด้านหนึ่งได้สีเข้มด้านหนึ่งเนื่องจากว่าหากด้านใดโดนทับไว้ด้านในสีที่จะซึมเข้าไปน้อยผลที่ได้ก็คือจะมีสีจางกว่านั้นเอง 2. การห่อแล้วมัด กล่าวคือ เป็นการใช้ผ้าห่มวัตถุต่างๆ ไว้แล้วมัดด้วยยางหรือเชือก ร้ายที่เกิดขึ้นจะเป็นรายใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับวัตถุที่นำมาใช้และลักษณะของการมัด เช่นการนำผ้ามาห่อก้อนหินรูปทรงแปลกๆที่มีขนาดไม่ใหญ่นักแล้วมัดไขว้ไปมาโดยเว้นจังหวะของการมัดให้มีพื้นที่ว่างให้สีซึมเข้าไปได้ อย่างนี้ก็จะมีลายเกิดขึ้นสวยงามแตกต่างจากการมัดลักษณะวัตถุอื่นๆ ด้วย 3. การขยำแล้วมัด กล่าวคือ เป็นการขยำผ้าอย่างไม่ตั้งใจแล้วมาด้วยยางหรือเชือก ผลที่ได้จะได้ลวดลายแบบอิสระ เรียกว่าลายสวยแบบบังเอิญ ทำแบบนี้อีกก็ไม่ได้ลายนี้อีกแล้ว เนื่องจากการขยำแต่ละครั้งของเราไม่สามารถควบคุมการทับซ้อนของผ้าได้ เธอนั้นรายที่ได้เป็นรายที่เกิดจากความบังเอิญจริงๆ เปรียบเทียบเหมือนกับการที่เราเห็นก้อนเมฆ วันนี้แต่ละคนจะมีลักษณะแตกต่างกันและเมื่อผ่านสักครู่ ลายหรือลักษณะของก้อนเมฆก็จะเปลี่ยนไป เราเรียกว่าร้านอิสระหรือรูปร่างรูปทรงอิสระนั้นเอง 4. พับแล้วหนีบ กล่าวคือ เป็นการพับผ้าเป็นรูปแบบต่างๆ แล้วเอาไม้ไอศกรีมหรือไม้ไผ่ทาบางๆ ไว้ทั้งสองข้างเหมือนปิ้งปลาต้องนัดหมายให้แน่นภาพที่ออกมาก็จะเป็นรูปต่างๆ เช่น รูปดอกไม้ รูปสี่เหลี่ยม เป็นต้น
ขั้นที่ ๔ การลงมือปฏิบัติ (M : Make) การดำเนินกิจกรรมผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ โดยการจัดกิจกรรมโดยใช้กระบวนการ Active Learning การออกแบบลายบนผืนผ้าด้วยกรรมวิธีการสีย้อมโดยการมัดผ้า พับผ้าแล้วมัด เย็บผ้าผูกถ้าเป็นโปรนี่หรือห่อพัสดุแล้วมัด มัดให้แน่นเพื่อกันไม่ให้สีย้อมแทรกซึมเข้าไปหรือแทรกเข้าไปให้น้อยที่สุด แล้วนำผ้านั้นไปย้อมสี เมื่อแกะปมที่ผูกมัดออกจะปรากฏลวดลายประดิษฐ์ลายผ้า ขึ้นอยู่กับจินตนาการและการสังเกตของแต่ละคน ซึ่งการมัดแต่ละครั้งหรือแต่ละคนลายผ้าที่ได้จะไม่เหมือนกัน แต่ก็สามารถปรับปรุงหรือออกแบบให้ใกล้เคียงหรือคล้ายกันได้ ขึ้นอยู่กับการสังเกตพัฒนาการของแต่ละคนด้วย จากนั้นให้เด็กได้นำเสนอผลงานกับเพื่อนและแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ครูทำหน้าที่กระตุ้นให้เด็กคิด จนสามารถเกิดการเรียนรู้ด้านทักษะ EF (Executive Functions) จากการทำกิจกรรมผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ การที่ผู้เรียนได้กระทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ผ่านการปฏิบัติการจริง คือผู้เรียนได้ฝึกในสภาพสิ่งแวดล้อมจริง ได้ฝึกคิดและลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ทำให้เด็กมีพัฒนาการด้านทักษะ EF ที่ชัดเจน มีการวางแผนและจัดการตนเองได้ดีขึ้น เช่น สามารถเตรียมอุปกรณ์ มัดผ้า และเลือกสีตามขั้นตอน การจดจ่อและทำงานจนสำเร็จ โดยไม่เบื่อหรือถอดใจแม้จะเจอปัญหา เช่น สีไม่ติด ลายไม่ออก การควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมตนเองได้ดีขึ้น เช่น ยอมรับเมื่อเกิดข้อผิดพลาด ไม่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว การคิดยืดหยุ่นและแก้ปัญหาได้ เช่น หากลายไม่ออกอย่างที่คิดก็สามารถเปลี่ยนแนวคิดและทำใหม่
ขั้นที่ ๕ การวิเคราะห์ผล (A : Analysi) หลังจากการดำเนินการเสร็จสิ้น ประเมินพฤติกรรมเด็กรายบุคคล ก่อน - หลัง ทำกิจกรรม เช่น ความสามารถในการควบคุมตนเอง ความตั้งใจ สมาธิ และการคิดแก้ปัญหา การใช้เครื่องมือสังเกตพฤติกรรม EF เช่น Checklist หรือ Porfolio งานศิลปะพร้อมสะท้อนความคิด การวิเคราะห์จุดแข็ง - จุดที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติม ทั้งในด้านเด็กและกระบวนการจัดกิจกรรม
ขั้นที่ ๖ การสร้างความประทับใจ (I : Impression) เป็นขั้นที่เด็กมีความสุข ภูมิใจและอยากทำซ้ำ แสดงให้เห็นความผูกพันกับผลงานตนเอง ผู้ปกครองชื่นชมและเริ่มเห็นศักยภาพลูกในแง่ที่ต่างจากการเรียนในห้องเรียนทั่วไป ครูมีความประทับใจในการพัฒนาการที่เกิดขึ้นจริง เป็นการปรับปรุงพัฒนางานและเผยแพร่ผลการดำเนินงาน เพื่อสร้างเครือข่ายในการพัฒนาคุณภาพการดำเนินงานให้เกิดความยั่งยืนผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ Fan page Facebook โรงเรียน หรือหน่วยงานอื่น ๆ ได้
ภายใต้กรอบการดำเนินงาน (IPO)
Input ๑) เด็กมีพฤติกรรมขาดสมาธิ ขาดความยืดหยุ่นทางความคิด ไม่สามารถรอคอยหรือวางแผนได้
๒) ขาดกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เปิดโอกาสให้เด็กได้คิด ลงมือและแก้ปัญหาด้วยตนเอง
๓) การส่งเสริมทักษะ EF (Executive Functions) โดยใช้กระบวนการ Active Learning
๔) การเรียนรู้ผ่านศิลปะและกระบวนการ (Process-based learning)
Process ๑) การวางแผนร่วมกัน ๒) การจัดกิจกรรม
๓) การสะท้อนผลและการนำเสนอ ๔) การติดตามและประเมินผล
Output ๑) ด้านพัฒนาเด็ก มีความตั้งใจ ทำกิจกรรมต่อเนื่องได้ มีสมาธิ รู้จักรอคอยและควบคุมอารมณ์ได้ เด็กกล้าสื่อสาร แสดงออกและอธิบายความคิดตนเองได้ชัดเจน เกิดความภูมิใจในผลงานตนเองและสามารถร่วมมือกับผู้อื่นได้
๒) ด้านการเรียนรู้ เด็กเรียนรู้เรื่องสีธรรมชาติ เข้าใจลักษณะของการมัดย้อมแบบต่างๆ ได้ฝึกกระบวนการคิด วิเคราะห์และตัดสินใจ
๓) ผลต่อครูและผู้ปกครอง ครูเห็นแนวทางการส่งเสริม EF ผ่านกิจกรรมศิลปะ ผู้ปกครองมีส่วนร่วมและเห็นคุณค่าการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์
๔. การประเมินผล
การประเมินพฤติกรรมเด็กรายบุคคล ก่อน - หลัง ทำกิจกรรม, การประเมินพัฒนาการเด็กทั้ง ๔ ด้าน, แบบบันทึกสังเกตพฤติกรรม, แบบ Checklist ทักษะ EF สำหรับเด็กปฐมวัย
จากการพัฒนาวิธีปฏิบัติแบบอย่างที่ดี (Best Practice) โดยการประยุกต์ใช้วงจรเดมมิ่ง (Deming Cycle) ภายใต้กระบวนการ SUBMAI MODEL นั้นมีการประเมินด้านความสำเร็จ ความต่อเนื่อง และความพึงพอใจ จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง คือ ผู้บริหารโรงเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครองนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และนักเรียน พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความพึงพอใจวิธีปฏิบัติแบบอย่างที่ดี (Best Practice) อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านความสำเร็จ และด้านความต่อเนื่อง ตามลำดับ นอกจากนี้จากการประเมินโครงการตามแผนปฏิบัติการประจำปีการศึกษาโดยใช้วิธีการประเมินแบบ CIPP MODEL พบว่า โดยรวมเฉลี่ยทุกด้านอยู่ในระดับ มากที่สุด
๕. ผลการดำเนินงานที่ส่งผลที่ดีต่อผู้เรียน
๕.๑ ด้านสมรรถนะหลักของผู้เรียน เด็กแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะต่าง ๆ ที่ครูสามารถประเมินได้จริง
มีทักษะในการสื่อสารและการแสดงออก เด็กสามารถอธิบายขั้นตอน ความคิด และเล่าที่มาของผลงานตนเองได้ชัดเจน
มีความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เด็กช่วยเหลือเพื่อน แบ่งปันอุปกรณ์ รอคอยและรับฟังความคิดของเพื่อน
มีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเอง เด็กสามารถตั้งเป้าหมาย ทดลอง และเรียนรู้ผ่านความผิดพลาดของตนเอง
แสดงความภูมิใจในตนเองและเคารพผู้อื่น เด็กมีท่าทีเชิงบวกกับผลงานตนเอง และชื่นชมเพื่อนโดยไม่เปรียบเทียบ
๕.๒ เกิดการเรียนรู้แบบองค์รวม กิจกรรมผ้ามัดย้อมช่วยให้เด็กเรียนรู้ทั้งทาง
กายภาพ : พัฒนากล้ามเนื้อมือ การประสานงานมือ-ตา
อารมณ์ : เข้าใจอารมณ์ตนเองและควบคุมได้
สังคม : ทำงานเป็นกลุ่มและมีมารยาททางสังคม
สติปัญญา : คิด วิเคราะห์ วางแผนและนำเสนอความคิดได้
จิตสำนึกสิ่งแวดล้อม : เห็นคุณค่าของธรรมชาติ
๕.๓ ด้านพัฒนาการทักษะ EF (Executive Functions) เด็กมีพัฒนาการด้านทักษะ EF ที่ชัดเจน
วางแผนและจัดการตนเองได้ดีขึ้น เช่น สามารถเตรียมอุปกรณ์ มัดผ้า และเลือกสีตามขั้นตอน
จดจ่อและทำงานจนสำเร็จ โดยไม่เบื่อหรือถอดใจแม้จะเจอปัญหา เช่น สีไม่ติด ลายไม่ออก
ควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมตนเองได้ดีขึ้น เช่น ยอมรับเมื่อเกิดข้อผิดพลาด ไม่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว
คิดยืดหยุ่นและแก้ปัญหาได้ เช่น หากลายไม่ออกอย่างที่คิด ก็สามารถเปลี่ยนแนวคิดและทำใหม่
๕.๔ ด้านอารมณ์ จิตใจ และคุณลักษณะนิสัย เด็กมีความสุข สนุก และมีความมั่นใจมากขึ้น กล้าลอง กล้าคิด และกล้าแสดงออก เกิดความผูกพันกับกระบวนการเรียนรู้ ไม่เพียงแต่สนใจผลลัพธ์และแสดงความใส่ใจสิ่งแวดล้อม เช่น รู้จักเลือกใช้สีธรรมชาติและไม่ฟุ่มเฟือยวัสดุ
๖. ปัจจัยหรือสิ่งสนับสนุนที่ให้เกิดความสำเร็จ
ปัจจัยภายใน
- คุณภาพของครูผู้สอน ครูมีความรู้และความเข้าใจในทักษะ EF สามารถออกแบบกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่เน้นการลงมือทำจริง มีทักษะในการสังเกตและประเมินพฤติกรรมเด็กอย่างเป็นระบบ มีเจตคติที่ดีต่อการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
- การจัดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีการวางแผนการสอนร่วมกันเป็นทีม (PLC: Professional Learning Community) ใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ Active Learning / Process-based Learning เชื่อมโยงกิจกรรมกับประสบการณ์ของเด็กจริง และมีความยืดหยุ่นตามความสนใจของเด็ก มีการบูรณาการข้ามสาระการเรียนรู้อย่างชัดเจน เช่น ศิลปะ วิทยาศาสตร์ ภาษา
- ความพร้อมด้านทรัพยากรการเรียนรู้ มีวัสดุอุปกรณ์เพียงพอและปลอดภัยสำหรับเด็ก มีแหล่งเรียนรู้ภายใน เช่น มุมศิลปะ มุมทดลองสีธรรมชาติ มีแฟ้มสะสมงาน (Portfolio) และเครื่องมือประเมินที่ครูพัฒนาเองได้เหมาะกับบริบท
- วัฒนธรรมองค์กรและการทำงานเป็นทีม บรรยากาศการทำงานของครูเป็นทีมร่วมมือ (Team Teaching / Team Plan) มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในอย่างสม่ำเสมอ เช่น การสะท้อนหลังจัดกิจกรรม โรงเรียนส่งเสริมให้ครูทดลองนวัตกรรมหรือแนวทางใหม่ ๆ ด้วยความเชื่อมั่น
- การประเมินผลที่ชัดเจน มีการเก็บข้อมูลพัฒนาการของเด็กอย่างต่อเนื่องผ่านการสังเกต ใช้เครื่องมือประเมิน EF ที่เหมาะสมกับวัยปฐมวัย เช่น แบบบันทึกพฤติกรรม, Checklist, Portfolio มีระบบสะท้อนผลการเรียนรู้ทั้งจากเด็ก ครูและผู้ปกครอง นำผลประเมินมาใช้ในการปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้รอบต่อไป
- ผู้บริหารส่งเสริมและสนับสนุน กิจกรรมที่พัฒนาทักษะสมองเด็ก ไม่เน้นแค่ผลสัมฤทธิ์เชิงวิชาการ เปิดโอกาสให้ครูได้ออกแบบกิจกรรมตามบริบทของห้องเรียน สนับสนุนงบประมาณ/เวลา/ทรัพยากรให้ครูสามารถทดลองนวัตกรรมการสอนได้จริง สร้างบรรยากาศให้โรงเรียนเป็นพื้นที่เรียนรู้ของครูและเด็กไปพร้อมกัน
- ผู้บริหารสถานศึกษานิเทศ กำกับ ติดตาม การทำงานอย่างเป็นระบบ ดำเนินการตามแผน
การนิเทศอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
- ผู้ปกครองนักเรียนให้ความร่วมมือในการพัฒนาความเป็นผู้นำและส่งเสริมให้นักเรียนแสดงออกถึงสิทธิเสรีภาพของเด็กตามวิถีประชาธิปไตย
- สถานศึกษามีกิจกรรมที่หลากหลายที่เสริมสร้างภาวะความเป็นผู้นำให้กับสภานักเรียนโรงเรียนซับใหญ่วิทยาคมได้แสดงออก รวมทั้งมีคู่มือการปฏิบัติงานของสภานักเรียนที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว
ปัจจัยภายนอก
- การสนับสนุนจากครอบครัว/ผู้ปกครอง ผู้ปกครองมีความเข้าใจและเห็นคุณค่าในกระบวนการเรียนรู้แบบลงมือทำ (Hands-on learning) ให้ความร่วมมือในการเตรียมวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ ใบไม้ หรือผ้าขาวจากบ้าน สนับสนุนให้บุตรหลานได้ทดลองผิดถูก สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก มีส่วนร่วมในกิจกรรม เช่น มาร่วมชมผลงาน หรือทำกิจกรรมร่วมกับลูก (Parent Workshop)
- การมีเครือข่ายชุมชนและปราชญ์ท้องถิ่น ชุมชนมีแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับผ้ามัดย้อม เช่น กลุ่มแม่บ้านย้อมผ้า OTOP, ผู้รู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เอื้อให้เด็กได้เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นจริง ผ่านการลงพื้นที่ / เชิญชาวบ้านมาร่วมกิจกรรมในโรงเรียน เป็นการเชื่อมโยงการเรียนรู้กับชีวิตจริง สร้างคุณค่าและจิตสำนึกต่อท้องถิ่น
- นโยบายและแนวทางจากหน่วยงานต้นสังกัด สนับสนุนแนวคิด Active Learning, การพัฒนา EF, และ Soft Skills ในศตวรรษที่ 21 อย่างเป็นทางการมีโครงการหรือการแข่งขัน Best Practice ที่ส่งเสริมให้โรงเรียนพัฒนานวัตกรรมใหม่ สนับสนุนงบประมาณหรือวัสดุผ่านโครงการ เช่น โรงเรียนคุณภาพ, ปฐมวัยคุณภาพ, การอบรมครู หน่วยงานต้นสังกัดเปิดพื้นที่ให้โรงเรียนแสดงผลงานดีเด่น
- แนวโน้มการเรียนรู้และทิศทางของสังคม สังคมให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะสมอง EF มากขึ้น โดยเฉพาะในวัยปฐมวัย พ่อแม่ยุคใหม่หันมาให้ความสนใจการเรียนรู้ผ่านการเล่นมากกว่าการท่องจำ แนวโน้มการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและใช้วัสดุธรรมชาติ (sustainability) สอดคล้องกับกิจกรรมผ้ามัดย้อม ความนิยมศิลปะและงานทำมือ (DIY / Handmade) เพิ่มขึ้นในสื่อออนไลน์ ทำให้เด็กมีแรงบันดาลใจ
- การเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ภายนอก โรงเรียนอยู่ใกล้สถานที่หรือแหล่งทรัพยากร เช่น กลุ่มผ้ามัดย้อมพื้นบ้าน สวนพฤกษศาสตร์ ร้านขายผ้าท้องถิ่น เด็กสามารถลงพื้นที่จริงหรือเรียนรู้แบบ On-Site ได้ ทำให้ประสบการณ์เรียนรู้มีความหมายมากขึ้นหรือในกรณีเรียนออนไลน์/ใช้สื่อเสริม โรงเรียนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลดีๆ เช่น คลิปวิดีโอ, นิทาน EF
๗. ชื่อบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่ให้การยอมรับ
ได้รับการยอมรับจากจากโรงเรียนภายในเครือข่ายโรงเรียนซับใหญ่และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต ๓
๘. การเผยแพร่แบบอย่างที่ดี
สถานศึกษามีการเผยแพร่ผลงานในเพจเฟซบุ๊กโรงเรียนบ้านซับใหม่ จดหมายข่าวประชาสัมพันธ์โรงเรียนบ้านซับใหม่ แจ้งข่าวสารทางไลน์กลุ่มผู้ปกครองและกลุ่มคณะกรรมการสถานศึกษา ทำให้เกิดการยอมรับและภาคภูมิใจร่วมมีการแลกเปลี่ยนแนวทางจัดกิจกรรมกับโรงเรียนอื่น ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ผู้ปกครองเห็นภาพกิจกรรมแบบทันที ทำให้เกิดความเข้าใจและสนับสนุนมากขึ้น
เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ครูบ้านนอก, เว็บไซต์สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต ๓
โรงเรียนบ้านวังพง โรงเรียนบ้านวังขอนสัก และโรงเรียนบ้านหนองนกเขียน สพป.ชัยภูมิ เขต ๓ ศึกษาดูงานผ่านการจัดกิจกรรมโครงการเปิดโลกวิชาการ ปีการศึกษา ๒๕๖๗