1. ความสำคัญของผลงานหรือนวัตกรรม
เพื่อให้นักเรียนได้ใช้กระบวนการทางความคิดหาเหตุผล และรวมกลุ่มระดมความคิดลงในแผนผังความคิด ซึ่งจะทำให้นักเรียนค้นพบความรู้หรือแนวทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วยตนเอง กระบวนการที่นักเรียนจะต้องสืบค้น เสาะหา สำรวจตรวจสอบและค้นคว้าด้วยวิธีการต่าง ๆ จนทำให้นักเรียนเกิดความเข้าใจ และเกิดการรับรู้ความรู้นั้นอย่างมีความหมาย จึงจะสามารถสร้างเป็นองค์ความรู้ของนักเรียนเอง และเก็บเป็นข้อมูลไว้ในสมองได้อย่างยาวนาน สามารถนำมาใช้ได้เมื่อมีสถานการณ์ใด ๆ มาเผชิญหน้า ช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาความคิดได้อย่างเต็มที่ รู้จักใช้เหตุผลมาวิเคราะห์บทเรียน ผู้เรียนสามารถคิดอย่างเป็นระบบมีขั้นตอนในการคิด อันจะส่งผลต่อผู้เรียนในการพัฒนาตัวเองและสามารถประยุกต์ใช้กับวิชาอื่นๆต่อไปเพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
2. จุดประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน
2.1 จุดประสงค์
2.1.1 เพื่อให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการทางความคิดหาเหตุผล คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และแผนผังความคิด เรื่อง สถานภาพ บทบาทและหน้าที่ของพลเมืองดี
2.1.2 เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้สามารถค้นพบความรู้หรือแนวทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วยตนเองโดยใช้กระบวนการ 5 STEPS Active Learning
2.1.3 เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการรับรู้ความรู้นั้นอย่างมีความหมาย เก็บเป็นข้อมูลไว้ในสมองได้อย่างยาวนาน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
2.1.4 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถ รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล อย่างครบถ้วนและเป็นระบบ
2.1.5 เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้าเผยแพร่ในวงกว้าง ทั้งภายในสถานศึกษาและชุมชนภายนอก
2.2 เป้าหมาย
เชิงปริมาณ
2.2.1 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 15 คน ได้ผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำและกระบวนการ 5 STEPS Active Learning ร่วมกับเกมตอบคำถาม พัฒนาศักยภาพนักเรียน
2.2.2 นักเรียนได้ค้นพบความรู้หรือแนวทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วยตนเองโดยใช้ 5 STEPS Active Learning พัฒนาศักยภาพนักเรียน แล้ววิเคราะห์วิธีการแก้ปัญหา
เชิงคุณภาพ
2.2.3 นักเรียนค้นพบความรู้หรือแนวทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วยตนเองโดยใช้กระบวนการ 5 STEPS Active Learning ร่วมกับเกมตอบคำถามพัฒนาศักยภาพนักเรียน
3. กระบวนการผลิตผลงานหรือขั้นตอนการดำเนินงาน
3.1 การออกแบบนวัตกรรม
วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อยู่ในกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นสาระหนึ่งที่ถือได้ว่ามีความสำคัญ เพราะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์โดยตรง มนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เรียนจะต้องมีความรู้ในเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมทั้งทางธรรมชาติ สังคม และวัฒนธรรม มีทักษะกระบวนการต่างๆ ที่สามารถนำมาประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ และมีส่วนร่วมในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความเชื่อม สัมพันธ์กัน และมีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย เพื่อช่วยให้สามารถปรับตนเองกับบริบทสภาพแวดล้อมเป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มีความรู้ ทักษะ คุณธรรมและค่านิยมที่เหมาะสม เป็นการเตรียมให้เยาวชนเป็นพลเมืองที่ดีและมีประสิทธิภาพ สามารถนำความรู้ไปใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตประจำวันได้ มุ่งเน้นการปลูกฝังคุณสมบัติอันดีงาม ให้เกิดขึ้นกับนักเรียนจนปรากฏเป็นนิสัยคือ ความเป็นคนดี สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุข ช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ การดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งในฐานะปัจเจกบุคคลและการอยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เข้าใจถึงการพัฒนา เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย กาลเวลา ตามเหตุปัจจัยต่างๆ เกิดความเข้าใจในตนเอง และผู้อื่นมีความอดทน อดกลั้น ยอมรับในความแตกต่าง และมีคุณธรรม สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ และสังคมโลก ประกอบด้วย 5 สาระ ได้แก่ สาระศาสนาศีลธรรมและจริยธรรม สาระหน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิต สาระเศรษฐศาสตร์ สาระประวัติศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์
ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงดำเนินการพัฒนาและแก้ไขปัญหาผู้เรียนโดยใช้นวัตกรรมทางการเรียนการสอน(Instructional innovation) โดยมีเป้าหมายตามหลักการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งต้องดำเนินการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้มีความรอบรู้ ก้าวทันโลกและการเปลี่ยนแปลง มีคุณธรรมและจริยธรรมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้และพัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับปรัชญาการศึกษา ด้านประสบการณ์นิยม (Progressivism) และทฤษฎีการเรียนรู้ ด้านการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) โดยสังเคราะห์เป็นนวัตกรรม การจัดการเรียนการสอน Active learning โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบรวมพลัง 5 ขั้นตอน 5 STEPs Collaborative Learning Process เพื่อให้มีการจัดการเรียนรู้บนฐานวิธีการทางวิทยาศาสตร์อีกทั้งเน้นการให้นักเรียนร่วมมือกันทำงานช่วยเหลือกันเด็กเก่งช่วยเด็กเรียนช้า เด็กถนัดกว่าช่วยเด็กถนัดน้อย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความเสมอภาค กระบวนการเรียนรู้แบบรวมพลัง 5 ขั้นตอนเป็นแนวการสอนหนึ่งของการเรียนรู้เชิงรุก เน้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง รวมทั้งประยุกต์ความรู้ได้ บนฐานวิธีการทางวิทยาศาสตร์นักเรียนมีการปฏิบัติกิจกรรมแบบทำงานกลุ่มโดยทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน บทบาทของผู้เรียนเป็นผู้เรียนรู้ (Learner) บทบาทของครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) ในการจัดการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบรวมพลัง 5 ขั้นตอน มีรายละเอียด ดังนี้
1.ขั้นเสนอสิ่งเร้าและระบุคำถามสำคัญ (Stimulating and Key Questioning Collaboratively)ครูนำเสนอสิ่งเร้าที่ เช่น วัตถุสิ่งของ วิดีทัศน์ รูปภาพ การตั้งคำถาม เปิดโอกาสให้ผู้เรียนตั้งคำถามได้ทั้งคำถามง่ายและคำถามยาก ให้ผู้เรียนคาดคะเนคำตอบอาจเป็นรายบุคคล หรือทีมด้วยการใช้วิธีต่าง ๆเช่น เกมการตอบคำถามช่วยกระตุ้นความสนใจในการเรียนรู้มากขึ้น
2. ขั้นแสวงหาสารสนเทศและวิเคราะห์อย่างรวมพลัง (Searching and Analyzing Collaboratively)ผู้เรียนทำกิจกรรมศึกษาค้นคว้าตามสื่อการเรียนรู้ที่ครูเตรียมไว้ในเวลาที่กำหนด ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูล/สารสนเทศที่ได้จากกิจกรรมการเรียนรู้
3. ขั้นรวมพลังอภิปรายและสร้างความรู้ (Discussing and Constructing Collaboratively) ครูให้แต่ละกลุ่มผู้เรียนนำเสนอผังกราฟิก ผู้เรียนร่วมกันอภิปรายผังกราฟิก ผู้เรียนแต่ละกลุ่มแก้ไขปรับปรุงข้อมูล/สารสนเทศในผังกราฟิกที่สร้างให้มีสาระความรู้ที่ถูกต้องและชัดเจน
4. ขั้นสื่อสารและสะท้อนความคิดอย่างรวมพลัง (Communicating and Reflecting Collaboratively)ผู้เรียนเตรียมนำเสนอผลงานความรู้ที่ผ่านการแก้ไขปรับปรุงแล้ว ด้วยวิธีการบอกเล่า สะท้อนกระบวนการเรียนรู้การทำงาน ข้อเด่น ข้อด้อย จนได้บทเรียน
5. ขั้นรวมพลังประยุกต์และตอบแทนสังคม (Applying and Serving Collaboratively) ผู้เรียนช่วยกันนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนรู้ไปปรับใช้ในการเรียนรู้ร่วมกับสาระอื่น ๆ หรือปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การบอกเล่า การถ่ายวิดีทัศน์ การเขียนบทความ การทำโครงงาน
กระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS Active Learning พัฒนาศักยภาพนักเรียน
Step 1 ขั้นเสนอสิ่งเร้าและระบุคำถามสำคัญ(Stimulating and Key Questioning Collaboratively)
Step 2 ขั้นแสวงหาสารสนเทศและวิเคราะห์อย่างรวมพลัง(Searching and Analyzing Collaboratively)
ร่วมกับผังกราฟิก
Step 3 ขั้นรวมพลังอภิปรายและสร้างความรู้(Discussing and Constructing Collaboratively)
ร่วมกับผังกราฟิก
Step 4 ขั้นสื่อสารและสะท้อนความคิดอย่างรวมพลัง(Communicating and Reflecting Collaboratively)
ร่วมกับผังกราฟิก
Step 5 ขั้นรวมพลังประยุกต์และตอบแทนสังคม(Applying and Serving Collaboratively)
1.ความสามารถในการคิดวิเคราะห์
- การคิดวิเคราะห์ความสำคัญ
- การคิดวิเคราะห์หลักการ
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
- ความรู้ความจำ
- ความเข้าใจ
- การนำไปใช้
- การวิเคราะห์
3. ความพึงพอใจ
- ด้านกิจกรรมการเรียนรู้
- ด้านสื่อการเรียนรู้
- ด้านการวัดและประเมินผล
และใช้กระบวนการพัฒนานวัตกรรม/วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ ใช้วิธี System Approach ประกอบด้วย Input Process Output Feedback และทุกขั้นตอนจะควบคุม โดยวงจรคุณภาพ PDCA จากกระบวนการพัฒนานวัตกรรม/วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ ใช้วิธี System Approach โดยวงจรคุณภาพ PDCA ดังแสดงในภาพนั้นมีดำเนินการ ดังนี้
1. ขั้นวางแผน (Plan)
1.1) ศึกษาหลักสูตรของโรงเรียน ศึกษาเอกสารประกอบหลักสูตรและวิเคราะห์หลักสูตร
1.2) ออกแบบหน่วยการเรียนรู้และจัดทำแผนการเรียนรู้อย่างชัดเจน ซึ่งในแผนการจัดการเรียนรู้นอกจากจะกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดแล้ว จะกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านจิตพิสัย และด้านทักษะพิสัย
1.3) ระบุเทคนิควิธีการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ระบุใช้สื่อ/นวัตกรรมที่ใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมสอดคล้องกับเนื้อหาสาระและผู้เรียน
1.4) กำหนดวิธีการวัดและประเมินผลพร้อมเครื่องมือการวัดและประเมินผลไว้อย่างชัดเจนการควบคุมการประเมิน
ประสิทธิภาพประสิทธิผลปัจจัยนำเข้า กระบวนการ ผลผลิต(Output)การวิเคราะห์ความต้องการความจำเป็น
◆ ผู้เรียน
◆ สิ่งแวดล้อม
◆ ภาระงานเพื่อการเรียนรู้
◆ จุดประสงค์การเรียนรู้
◆ อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก
◆ กลยุทธ์การเรียนการสอน(เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ)
◆ ปรัชญาการศึกษา(Progressivism)
◆ ทฤษฎีการเรียนรู้
◆ วิธีการ/พฤติกรรมการเรียน
การสอน (5 STEPS Active Learning)
ผลการเรียนรู้
◆ ความรู้
◆ ความสามารถในการปฏิบัติ
◆ ทักษะ/กระบวนการ
◆ คุณลักษณะของผู้เรียน
◆ ความพึงพอใจของผู้เรียน
ข้อมูลย้อนกลับ(Feedback)
1.5) จากนั้นนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญใช้สื่อ/นวัตกรรมอย่างหลากหลายประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รวมทั้งออกแบบและสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ให้ครอบคลุมตามตัวชี้วัดและมาตรฐานการเรียนรู้
ทั้งนี้ ข้าพเจ้ามีการวัดและประเมินผลในรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม คือ การประเมินการปฏิบัติ (Authentic Assessment) และการประเมินสภาพจริง (Performance Assessment) โดยผ่านการปฏิบัติของผู้เรียน โดยการวัดและประเมินผลด้วยวิธีการดังกล่าวต้องวัดและประเมินได้ครอบคลุม ครบถ้วนพฤติกรรมของผู้เรียนทั้ง 3 ด้าน ดังนี้ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) การประเมินความรู้ในรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นการให้ผู้เรียนได้รับความรู้ความเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้ทั้งเนื้อหาด้านทฤษฎีและปฏิบัติซึ่งความรู้ในเนื้อหาสาระนี้สามารถประเมินโดยการใช้ใบงานแผนผังความคิด
ด้านจิตพิสัย (Affective Domain) เป็นการประเมินการแสดงออกของผู้เรียนทั้งหมด ตลอดจนการทำงานร่วมกันและคุณลักษณะต่างๆ ซึ่งสามารถประเมินด้วยวิธีการสังเกตได้อย่างชัดเจนด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) การประเมินทักษะที่สำคัญของนักเรียนในศตวรรษที่ 21
2 ขั้นดำเนินการ (Do)
การพัฒนาผลงานและนวัตกรรมของนักเรียนจากการจัดการเรียนการสอน 5 STEPS Active Learning พัฒนาศักยภาพนักเรียน ดังนี้
ครูผู้สอนได้ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใช้กระบวนการ 5 STEPS Active Learning ซึ่งเริ่มต้นจากการกระตุ้นความสนใจผู้เรียน
ขั้นตอนที่ 1 การเรียนรู้ตั้งคำถาม หรือขั้นตั้งคำถามเป็นที่ให้นักเรียนฝึกสังเกตสถานการณ์ ปรากฏการณ์ต่างๆ จนเกิดความสงสัย จากนั้นฝึกให้เด็กตั้งคำถามสำคัญ รวมทั้งการคาดคะเนคำตอบ ด้วยการสืบค้นความรู้จากแหล่งต่างๆ และสรุปคำตอบชั่วคราวโดยครูกระตุ้นความสนใจผู้เรียนด้วยการเปิดคลิปวิดิโอ ฉบับการ์ตูน เรื่อง สถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี ครูและนักเรียนร่วมกัน เพื่อทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน
เกี่ยวกับสถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี ว่า - สถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี คืออะไร
- นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างสถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี
ครูเชื่อมโยงจากคำตอบของนักเรียนจากการอภิปรายร่วมกัน ว่าการปฏิบัติตนของนักเรียนในการมีสถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน และโรงเรียน จากนั้นให้นักเรียนเล่นเกมตอบคำถาม เรื่อง สถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี โดยครูร่วมอธิบายให้ความรู้เพิ่มเติม
ขั้นตอนที่ 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ
เป็นขั้นตอนการออกแบบ/วางแผนเพื่อรวบรวมข้อมูล สารสนเทศ จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ รวมทั้งการทดลองเป็นขั้นที่เด็กใช้หลักการนิรภัย (Deduction reasoning) เพื่อการออกแบบข้อมูล
1. ครูแจ้งหัวข้อการเรียนรู้แก่นักเรียนว่า
...นักเรียนสามารถประยุกต์ใช้สถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี ในการดำรงชีวิตได้อย่างไร...
2. ครูชี้แจงการทำกิจกรรม สถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี ดังนี้
2.1 นักเรียนแต่ละคนศึกษาความรู้ เรื่อง สถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี จากหนังสือเรียน หรือ อินเทอร์เน็ต
2.2 นักเรียนแต่ละคนเขียนคำตอบลงใน Post It คำตอบละ 1 แผ่น และเขียนคำตอบให้ได้มากที่สุด
นักเรียนประยุกต์ใช้สถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี ในการดำรงชีวิตได้อย่างไรบ้าง ในเวลา 5 นาที
ขั้นตอนที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้
เป็นขั้นตอนที่เด็กมีการคิดวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ การสื่อความหมายข้อมูลด้วยแบบต่างๆ หรือด้วยผังกราฟิก การแปรผล จนถึงการสรุปผล หรือการสร้างคำอธิบาย เป็นการสร้างองค์ความรู้ ซึ่งเป็นแก่นความรู้ประเภท
1. ข้อเท็จจริง
2. คำนิยาม
3. มโนทัศน์
4. หลักการ
5. กฏ
6. ทฤษฏี
3.1 นักเรียนรวมกลุ่ม ๆ ละ 5 คน แล้วนำคำตอบของนักเรียนแต่ละคนมารวมกัน
3.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปคำตอบของสมาชิกในกลุ่มว่า นักเรียนได้รับความรู้เรื่องสถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี และนำมาประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างไรบ้าง และเขียนคำตอบของสมาชิกลง ในแผนผังความคิด (Mind Mapping)
3.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอแผนผังความคิด (Mind Mapping) หน้าชั้นเรียนและนำ Post It ของแต่ละคนในกลุ่มมาติดหน้ากระดานชั้นเรียน นักเรียนกลุ่มอื่น ๆ ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องและครูให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
ขั้นตอนที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร
คือ ขั้นนำเสนอความรู้ด้วยการมใช้ภาษาที่ถูกต้อง ชัดเจน และเป็นที่เข้าใจ อาจเป็นการนำเสนอภาษา และนำเสนอด้วยวาจา
4.1 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า
...นักเรียนคิดว่าครอบครัวของนักเรียนและสังคมรอบตัวเราจะได้ประโยชน์อะไรบ้างจากเรื่องสถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี...
ขั้นตอนที่ 5 การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม
เป็นขั้นตอนการฝึกเด็กให้นำความรู้ที่เข้าใจ นำการเรียนรู้ไปใช้ประโยชน์เพื่อส่วนรวม หรือเห็นต่อประโยชน์ส่วนรวมด้วยการทำงานเป็นกลุ่ม ร่วมสร้างผลงานที่ได้จากการแก้ปัญหาสังคมอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งอาจเป็นความรู้ แนวทางสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งอาจเป็นนวัตกรรม ด้วยตวามรับผิดชอบต่อสังคม อันเป็นการแสดงออกของการเกื้อกูล และแบ่งปันให้สังคมมีสันติอย่างยั่งยืน
5.1 นักเรียนสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี เพื่อตรวจสอบความรู้ความเข้าใจและทบทวนการเรียนรู้ เป็นใบงานจากการมอบหมายงานของครู
3. ขั้นตรวจสอบและประเมินผลการพัฒนางาน (Check)
1) นักเรียนมีความตื่นตัวในการเข้าร่วมกิจกรรม มีการค้นคว้าข้อมูลจากหลายแหล่งเรียนรู้ และมีการปรับปรุงเป็นระยะ โดยมีผู้สอนทำหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงและพัฒนางาน
2) เมื่อนักเรียนทำใบงานแล้ว ผู้สอนทำหน้าที่ตรวจสอบ และเสนอแนะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับนักเรียน
4. ขั้นสรุปและรายงาน (Action)Reflection หรือถอดบทเรียน เป็นขั้นตอนการนำเสนอผลงานของนักเรียนในแต่ละกลุ่มเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันระหว่างกลุ่ม นอกจากนี้มีกระบวนการการถอดบทเรียนจากการ
ทำผลงานหรือนวัตกรรมของตนเองว่านักเรียนเรียนรู้อะไร ได้อะไรจากการทำผลงานหรือนวัตกรรมในครั้งนี้เพื่อเป็นการทบทวกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้งหน่วยการเรียนรู้ที่ผ่านมา หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นกระบวนการตกผลึกทางความคิด เพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้ที่ได้รับกับการนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยมีผู้สอนทำหน้าที่ให้คำชี้แนะอย่างใกล้ชิด
4. ผลการดำเนินการ/ผลสัมฤทธิ์/ประโยชน์ที่จะได้รับ
4.1 ผลการดำเนินงาน
4.1.1 ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการทางความคิดวิเคราะห์ผ่านการทำ post it
4.1.2 ผู้เรียนสามารถค้นพบความรู้หรือแนวทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วยตนเองโดยใช้กระบวนการ 5 STEPS Active Learning ร่วมกับเกมการตอบคำถามพัฒนาศักยภาพนักเรียน
4.1.3 ผู้เรียนเกิดการรับรู้ความรู้นั้นอย่างมีความหมาย เก็บเป็นข้อมูลไว้ในสมองได้อย่างยาวนานสามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
4.1.4 ผู้เรียนสามารถ รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล อย่างครบถ้วนและเป็นระบบ
4.1.5 นำองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้าเผยแพร่ในวงกว้าง ทั้งภายในสถานศึกษาและชุมชนภายนอก
4.2 ผลสัมฤทธิ์
ผลการดำเนินงานการจัดการเรียนการสอน 5 STEPS Active Learningร่วมกับเกมการตอบคำถาม พัฒนาศักยภาพนักเรียน พบว่า นักเรียนได้ใช้กระบวนการทางความคิดวิเคราะห์ผ่านการทำ post it ได้ลงมือปฏิบัติทำแผนผังความคิด เรื่อง สถานภาพ บทบาทหน้าที่ของพลเมืองดี เพื่อค้นพบความรู้หรือแนวทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วยตนเอง กระบวนการที่นักเรียนจะต้องสืบค้น เสาะหา สำรวจตรวจสอบและค้นคว้าด้วยวิธีการต่าง ๆ จนทำให้นักเรียนเกิดความเข้าใจ และเกิดการรับรู้ความรู้นั้นอย่างมีความหมาย สามารถสร้างเป็นองค์ความรู้ของนักเรียนเอง และเก็บเป็นข้อมูลไว้ในสมองได้อย่างยาวนานสามารถนำมาใช้ได้เมื่อมีสถานการณ์ใด ๆ มาเผชิญหน้า ผู้เรียนสามารถพัฒนาความคิดได้อย่างเต็มที่ รู้จักใช้เหตุผลมาวิเคราะห์บทเรียน สามารถคิดอย่างเป็นระบบมีขั้นตอนในการคิด อันจะส่งผลต่อผู้เรียนในการพัฒนาตัวเองเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับวิชาอื่นๆต่อไป
4.3 ประโยชน์ที่จะได้รับ
4.3.1 นักเรียนเกิดการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ เกิดทักษะการคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดแก้ปัญหา สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจได้
4.3.2 นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำให้เกิดความมั่นใจในตนเอง กล้าแสดงออกมีการสร้างสรรค์ผลงาน
4.3.3 ได้รับความรู้ในเนื้อหาสาระของวิชา ฝึกกระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม การนำเสนอผลงานการวิเคราะห์ วิจารณ์อย่างมีเหตุผล
5.ปัจจัยความสำเร็จ
5.1 กระบวนการจัดการเรียนรู้การจัดการเรียนการสอน 5 STEPS Active Learning ร่วมกับเกมการตอบคำถามพัฒนาศักยภาพนักเรียน มีการวางแผนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ รัดกุมทำให้เกิดประสิทธิภาพในการสร้างนวัตกรรมของนักเรียน
5.2 ครูและนักเรียนกล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง กล้าคิด กล้าลงมือทำหวังผลเพื่อพัฒนาตนเองให้เต็มศักยภาพ
5.3 นักเรียนสามารถคิดเรื่องอย่างเป็นระบบมีขั้นตอนในการคิด อันจะส่งผลต่อผู้เรียนในการพัฒนาตัวเองเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับวิชาอื่นๆ
5.4 การกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ที่เน้นการฝึกกระบวนการเรียนมีความชัดเจนทำให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้
5.5 ผู้บริหารและคณะครูให้ความเห็นชอบและให้การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรม มีวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดกิจกรรมอย่างเพียงพอ
6.บทเรียนที่ได้รับ
6.1 การระบุข้อมูลที่ได้รับจากการผลิตและการนำผลงานไปใช้
1) ผู้เรียนสามารถค้นพบความรู้หรือแนวทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วยตนเองโดยใช้กระบวนการ 5 STEPS Active Learning ร่วมกับเกมการตอบคำถาม พัฒนาศักยภาพนักเรียน
2) ผู้เรียนทราบวิธีการค้นคว้าและคัดเลือกข้อมูลหรือองค์ความรู้ได้อย่างถูกต้องและเป็นระบบ
3) ผู้เรียนมีความภาคภูมิใจในผลงานหรือนวัตกรรมของตนเอง
4) ผู้เรียนเกิดการรับรู้ความรู้นั้นอย่างมีความหมาย เก็บเป็นข้อมูลไว้ในสมองได้อย่างยาวนานสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
6.2 ข้อเสนอแนะ
1) ผู้เรียนขาดประสบการณ์และทักษะในการค้นคว้า เลือกใช้และรวบรวมข้อมูล การจัดทำผลงานหรือนวัตกรรมครั้งนี้ ผู้สอนจำเป็นต้องดูแล ให้คำแนะนำในลักษณะของผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) และผู้ให้คำแนะนำ (Coach) อย่างใกล้ชิด พร้อมช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหา ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนางานให้ดียิ่งขึ้น
2) ผู้สอนต้องวางแผนการจัดทำผลงานหรือนวัตกรรมของนักเรียนให้มีความชัดเจน รัดกุม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
6.3 แนวทางในการพัฒนานวัตกรรมเพิ่มเติม
1) การพัฒนาผลงานหรือนวัตกรรมของนักเรียนด้วยการจัดการเรียนการสอน 5 STEPS Active Learning ร่วมกับเกมการตอบคำถามพัฒนาศักยภาพนักเรียน ควรจัดทำในรูปแบบของสื่อออนไลน์ เช่น วีดีทัศน์ เพื่อให้สามารถมีผู้เข้าถึงองค์ความรู้ที่นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้าและเรียบเรียงอย่างเป็นระบบได้จำนวนมากและวงกว้างยิ่งขึ้น หรือเข้าถึงโดยการสแกน QR code
2) การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้กับผลงานหรือนวัตกรรมของนักเรียนมากขึ้น
เช่นการใช้ AR Augmented Reality เป็นเทคโนโลยีที่นำภาพเสมือน ที่เป็นรูปแบบ 3 มิติ จำลองเข้าสู่โลกจริง
ผ่านกล้อง จะทำให้ผลงานหรือนวัตกรรมของนักเรียนมีความน่าสนใจและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่านได้มากยิ่งขึ้น
สอดคล้องกับการพัฒนาการศึกษาในยุคไทยแลนด์ 4.0
3) การกำหนดประเด็นที่จะศึกษา ค้นคว้า ให้มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาองค์ความรู้อย่างละเอียดและลึกซึ้ง