การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาแบบผสมผสานเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิตและการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 2) ศึกษาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาแบบผสมผสานเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิตและการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 3) พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 4) พัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 5) ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาแบบผสมผสานเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิตและการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา การวิจัยเป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development)กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยาภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 40 คน และครูผู้สอนสุขศึกษาระดับมัธยมศึกษาในจังหวัดสงขลา จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้สุขศึกษา2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ 3) แบบทดสอบวัดทักษะการคิดสร้างสรรค์จำนวน 20 ข้อ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 15 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาแบบผสมผสานเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิตและการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษามีองค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการจัดการเรียนรู้ สาระความรู้ ทักษะกระบวนการสิ่งที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ระบบสังคม สิ่งสนับสนุน และหลักการตอบสนอง ซึ่งกระบวนการจัดการเรียนรู้มี 7 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นความสนใจ ขั้นที่ 2 ขั้นรวบรวมข้อมูล ขั้นที่ 3 ขั้นฝึกปฏิบัติเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัย ขั้นที่ 4 ขั้นฝึกคิดสร้างสรรค์จากสถานการณ์ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล ขั้นที่ 6 ขั้นสรุปประเด็นความรู้ และขั้นที่ 7 ขั้นขยายผลเพื่อร่วมสร้างสรรค์สังคม
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 95.39/83.85 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาแบบผสมผสานเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิตและการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. คะแนนการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 87.55 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
5. นักเรียนมีความพึงพอใจหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาแบบผสมผสานเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิตและการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา อยู่ในระดับมาก
This research aimed to: (1) develop a blended health education learning management model to promote life safety and creative thinking among Grade 11 students under the Health and Physical Education Learning Area; (2) examine the efficiency of the developed blended learning management model; (3) improve students learning achievement; (4) enhance students creative thinking skills; and (5) evaluate students satisfaction with the implementation of the model. The study employed a research and development (R&D) design. The sample group comprised 40 Grade 11 students from Class 5/2 of Hat Yai Wittayalai Somboonkulkanya School, during the second semester of the 2024 academic year, and 10 secondary health education teachers in Songkhla Province. The research instruments included: (1) health education learning management plans, (2) a 40-item learning achievement test, (3) a 20-item creative thinking skills test, and (4) a 15-item student satisfaction questionnaire. Data were analyzed using percentage, mean, standard deviation, and content analysis.
The research findings revealed that: 1) The developed blended learning management model for health education to promote life safety and creative thinking among Grade 11 students consisted of the following elements: principles, objectives, learning management process, content knowledge, process skills, learning support elements, social system, supporting factors, and responsive principles. The learning management process comprised seven steps: (1) engagement, (2) information gathering, (3) practice for safety enhancement, (4) creative thinking practice through situational learning, (5) evaluation, (6) knowledge summarization, and (7) social creativity extension, 2) The efficiency of the developed model was 95.39/83.85, which exceeded the established criterion, 3) The post-learning achievement scores of Grade 11 students taught using the developed blended learning management model were significantly higher than their pre-learning scores at the .05 level, 4) A total of 87.55% of the students achieved creative thinking scores above the 80% criterion, exceeding the expected standard, and 5) Students expressed a high level of satisfaction with the use of the blended health education learning management model to promote life safety and creative thinking.