ความปลอดภัยในสถานศึกษาเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการศึกษา การดำเนินชีวิตของนักเรียน และประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้ของครู ปัจจุบันสถานศึกษาต้องเผชิญกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่มีความซับซ้อน ทั้งภัยจากยาเสพติด ภัยไซเบอร์ ความรุนแรงในโรงเรียน การกลั่นแกล้งทางออนไลน์ และภัยจากธรรมชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของผู้เรียนและภาพลักษณ์ของสถานศึกษาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐๒๕๖๙ ก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวซึ่งเห็นได้จากยุทธศาสตร์ที่ ๑ การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ เพื่อให้กระบวนการจัดการศึกษาเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความมั่นคง ปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามต่าง ๆ (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, ๒๕๖๐)
นอกจากนี้ นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘๒๕๖๙ ได้กำหนดหลักการ การศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต โดยมุ่งให้ทุกสถานศึกษาเป็นพื้นที่ปลอดภัย สร้างสุขภาวะที่ดี และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๖๘) อีกทั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาตรัง กระบี่ ก็ได้ดำเนินการตอบสนองนโยบายของหน่วยงานต้นสังกัดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗๒๕๖๘ ทั้งนโยบายหลักและนโยบายเร่งด่วน โดยตั้งเป้าหมายให้การบริหารจัดการและดำเนินงานของสถานศึกษาบรรลุตามจุดมุ่งหมายของกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สร้างต้นแบบของสถานศึกษา ผู้บริหาร ครู นักเรียน และชุมชนที่มีคุณภาพและความปลอดภัยอย่างยั่งยืน (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาตรัง กระบี่, ๒๕๖๘)
อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์บริบทของโรงเรียนเขาดินประชานุกูล พบว่า แม้จะมีมาตรการด้านความปลอดภัย แต่ยังขาดระบบการบริหารจัดการที่เป็นรูปธรรมและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ส่งผลให้การดำเนินงานด้านความปลอดภัยยังไม่ครอบคลุมทุกมิติ ไม่สามารถป้องกันหรือรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของดวงจันทร์ ภู่วัฒนา (๒๕๖๗) พบว่า การเสริมสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษาจะเกิดผลสัมฤทธิ์ได้สูงสุดเมื่อมีการบริหารแบบมีส่วนร่วม (Participatory Management) ระหว่างผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และภาคีเครือข่ายท้องถิ่น ขณะที่งานวิจัยของ ปิยนุช สุวรรณ (๒๕๖๕) ชี้ว่า การจัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับผู้เรียนช่วยลดความเครียดของนักเรียนลงร้อยละ ๒๕ และเพิ่มความผูกพันต่อโรงเรียนอย่างมีนัยสำคัญ
จากข้อมูลดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนารูปแบบ เพื่อบริหารจัดการความปลอดภัยอย่างเป็นระบบในโรงเรียนเขาดินประชานุกูล
แนวทางแก้ปัญหาและพัฒนา
จากการวิเคราะห์สภาพจริงของ โรงเรียนเขาดินประชานุกูล พบว่า ยังขาดระบบบริหารจัดการความปลอดภัยที่มีโครงสร้างชัดเจนและต่อเนื่องปัญหาที่พบ เช่น การประสานงานระหว่างครู บุคลากร และหน่วยงานภายนอกยังไม่เป็นระบบ ขาดกิจกรรมที่ปลูกฝังทักษะความปลอดภัยให้แก่นักเรียนอย่างต่อเนื่อง ระบบเฝ้าระวังและติดตามผลด้านความปลอดภัยยังไม่ครอบคลุมทุกมิติ เป็นต้น สภาพปัญหาดังกล่าวสอดคล้องกับผลการวิจัยของ อรุณี ศรีวิเชียร (๒๕๖๖) ที่ศึกษาการบริหารจัดการสถานศึกษาด้านความปลอดภัยในโรงเรียนขนาดกลาง พบว่า การขาดรูปแบบการบริหารที่เป็นระบบและขาดความร่วมมือจากชุมชน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มาตรการความปลอดภัยไม่ยั่งยืน และผลการศึกษาของ วราภรณ์ อินทรมณี (๒๕๖๔) ที่ชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาระบบความปลอดภัยต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้เรียนและชุมชน เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความรับผิดชอบร่วมกัน
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ข้าพเจ้าในฐานะรองผู้อำนวยการโรงเรียนเขาดินประชานุกูล จึงได้พัฒนาแนวทางการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยในสถานศึกษา โดยออกแบบ SECURITY Model เพื่อเป็นนวัตกรรมในการเสริมสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษาให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านกายภาพ จิตใจ และสังคม
วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษา โดยใช้ SECURITY Model ให้มีความเหมาะสมและเป็นระบบ ๒. เพื่อส่งเสริมให้นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษามีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการดำเนินชีวิตอย่างปลอดภัย ๓. เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานภายนอกในการบริหารจัดการความปลอดภัยอย่างยั่งยืน
ผลการดำเนินงานพบว่า
- โรงเรียนมีระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัยที่เป็นรูปธรรม โดยใช้ชื่อว่า SECURITY Model และมีมาตรการความปลอดภัยครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในโรงเรียน
- ครู บุคลากร และนักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะด้านความปลอดภัย สามารถรับมือเหตุฉุกเฉินได้อย่างถูกต้อง
- โรงเรียนสามารถลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุและเหตุการณ์ไม่ปลอดภัยลงอย่างเห็นได้ชัด
- เกิดเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียน หน่วยงานท้องถิ่น และชุมชน ในการส่งเสริมความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
- ผู้ปกครองและชุมชนเกิดความเชื่อมั่นในระบบการดูแลความปลอดภัยของโรงเรียน
เชิงปริมาณ
- ติดตั้งกล้องวงจรปิดครบทุกจุดเสี่ยง จำนวน ๒๖ จุด ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของโรงเรียน
- จัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ ภาคเรียนละ ๑ ครั้ง (รวม ๒ ครั้งต่อปี)
- ลดอัตราเหตุอุบัติเหตุในโรงเรียนได้ ร้อยละ ๔๒ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- ครูและบุคลากรทุกคน (ร้อยละ ๑๐๐) ผ่านการอบรมด้านความปลอดภัย
- นักเรียนทุกคน (ร้อยละ ๑๐๐) ได้รับการฝึกความรู้และการปฏิบัติจริงในการรับมือเหตุฉุกเฉิน
เชิงคุณภาพ
- โรงเรียนมีระบบ สถานศึกษาปลอดภัยทั้งระบบ ที่สามารถดำเนินการได้จริง
- ครูมีสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้และเป็นผู้นำในสถานการณ์ฉุกเฉิน
- นักเรียนมีความรู้ ทักษะ และเจตคติที่ดีในการปฏิบัติตามกฎความปลอดภัย
- ผู้ปกครองมีความมั่นใจและไว้วางใจในความปลอดภัยของบุตรหลาน
- โรงเรียนได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายในชุมชนอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง