จบศึกมรดก 100 ล้าน ?หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย? ร่ำไห้กราบขอขมา ?แม่เลี้ยง?

“หนุ่ม กรรชัย” น้ำตาแตกกราบขอขมาแม่เลี้ยง ก่อนได้แบ่งสมบัติที่ดิน 26 ไร่ ราคา 28 ล้าน แลกคืนพระฤาษี ด้านนางวิมลรัตน์ปล่อยโฮ ขอโทษหนุ่มที่ไม่มีเวลาให้จนเกิดความน้อยใจ ยินดีไปสู่ขอ “เมย์” ให้อีก ส่วน “พลอยไพลิน” เริ่มสำนึก บอกน้อยใจแต่ยังรักอาหนุ่ม

เคลียร์คัทจบทุกคดี สำหรับเรื่องราวการฟ้องร้องแย่งสมบัติ 100 ล้านของพิธีกรอารมณ์ดี “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องแม่เลี้ยงตัวเอง “นางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย” และพี่ชายต่างมารดา “นายอัคระ กำเนิดพลอย” คดีฉ้อโกงมรดกของบิดา “นายประกอบ กำเนิดพลอย” พร้อมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนผู้จัดการมรดก

นอกจากนี้หนุ่มยังฟ้องหลานในไส้ “พลอยไพลิน กำเนิดพลอย” ในคดีหมิ่นประมาท และผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ หลังถูกอีกฝ่ายสาวไส้ด่าจวกตามหลังว่า “อกตัญญู” แถมยังส่งอีเมล์ไปว่าผ่านแฟนสาว “เมย์ เฟื่องอารมณ์” ด้าน “พลอยไพลิน” กับบิดา “นายเชษฐา กำเนิดพลอย” ก็ไม่ยอมแพ้ขอเอาคืน ด้วยการฟ้องร้องกลับในคดีฟ้องเท็จ และลักทรัพย์พระฤาษี หลังหนุ่มทำยึกยักไม่ยอมเอาพระฤาษี ซึ่งเป็นทรัพย์มรดกมาโชว์ให้ดูตามที่ตกลงกันไว้

ภายหลังมีความพยายามไกล่เกลี่ย แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ จนกลายเป็นคดีที่ยืดเยื้อมานาน ในที่สุดศึกมรดกตระกูล “กำเนิดพลอย” ก็ปิดฉากจบลงด้วยดี เมื่อศาลได้นัดให้คู่กรณีทั้งสองฝ่าย มาไกล่เกลี่ยในทุกคดีเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (11 ส.ค) ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน โดยในห้องพิจารณาคดีที่ 303 ศาลได้มีการสอบสวนทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยทีละปาก และใช้เวลาไกล่เกลี่ยอยู่นานกว่า 4 ชั่วโมง กระทั่งคู่กรณีทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงยอมความกันได้

โดย ฝ่ายแม่เลี้ยง “นางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย” ยินดียกที่ดินที่อ.ประทิว จ.ชุมพร จำนวน 26 ไร่ราคาประมาณ 28 ล้านบาทให้หนุ่ม ด้านพิธีกรอารมณ์ดีจึงตอบแทนด้วยการให้เงินสดแก่แม่เ ลี้ยงจำนวน 2 ล้านบาท แต่ขอผ่อนชำระจ่ายเดือนละ 5 หมื่นบาทจนครบ ในส่วนทรัพย์มรดกอื่นๆ จะมีการแบ่งกันภายในครอบครัวต่อไป และยังคงมีนางวิมลรัตน์เป็นผู้จัดการดูแลมรดกตามเดิม

เมื่อคดีสิ้นสุดจบลง “หนุ่ม กรรชัย” ก็ได้นำพระฤาษีราคา 15 ล้าน และพระหลวงพ่อแก้ว วัดไพรวัลย์จำนวน 2 องค์ ราคาองค์ละ 3 ล้านบาทมาคืน จากนั้นศาลได้สั่งให้หนุ่มขอขมาแม่เลี้ยง และพี่ชายต่างมารดาทั้ง 3 คน ซึ่งหนุ่มก็ร่ำไห้ก้มลงกราบแทบเท้าของแม่เลี้ยง ทำเอานางวิมลรัตน์ถึงกับปล่อยโฮ นอกจากนี้ศาลยังสั่งให้หลานสาว “พลอยไพลิน” ขอขมาอาหนุ่มเช่นกัน ซึ่งพลอยก็น้ำตาแตกยินดียอมทำตาม

ต่อมาทั้งหมดได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยนางวิมลรัตน์เผยว่า ที่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากหนุ่มเป็นลูกชายของตน ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้คุยกัน เลยทำให้เกิดความเข้าใจผิด

“ที่ตกลงกันได้เพราะเขาเป็นลูกชายแม่ เขามาอยู่กับแม่ตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่อายุ 15-16 แล้วเขากลับมานอนที่บ้านไม่เป็นเวลา เขาเลยขอไปนอนบ้านป้าที่ราชวัตร คิดว่าที่ผ่านมาเป็นเพราะเขาไม่ได้เข้ามาหาแม่เลย เขางานยุ่ง ส่วนแม่ก็ทำงานการกุศลตลอดเวลา เลยทำให้เราไม่ได้คุยกันเป็นปีๆ เขาอาจเกิดความน้อยใจ หรือเข้าใจแม่ผิด ซึ่งแม่เป็นคนผิดเองค่ะ ที่ทำให้ลูกคิดแบบนี้ (ร้องไห้)”

“แม่ขอโทษนะที่ทำให้เราไม่ค่อยได้เจอกัน เขาก็เลยไม่ค่อยเข้าใจแม่ แต่ไม่มีอะไร ส่วนเรื่องมรดกตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว ก็เรียบร้อยหมดแล้ว เขาก็ยังเป็นลูกที่แม่รักเหมือนเดิม แม่ให้อภัยหนุ่ม ต่อจากนี้เขาสามารถเข้าไปหาแม่ได้เหมือนเดิมทุกอย่าง แม่ก็ฝากหนุ่มด้วยนะคะเขาเป็นคนดีจริงๆ”

หนุ่มกล่าวเสริมต่อว่า “จริงๆ มันเป็นปัญหาที่ไม่เข้าใจกัน ไม่ได้คุยกันก่อน เลยอาจทำให้เข้าใจกันผิด พอเราไม่ได้คุยกันมันเลยมีปัญหา แต่ตอนนี้ตกลงกันได้แล้ว ก็ยินดีที่ผ่านไปได้ด้วยดี ที่ผ่านมาก็บอกแม่ว่าขอโทษ วันนี้ก็ได้กราบเท้าคุณแม่ไปแล้ว”

ผู้ สื่อข่าวถามนางวิมลรัตน์ว่า จะเป็นผู้ใหญ่ไปเจรจาทาบทามสู่ขอ “เมย์ เฟื่องอารมย์” ให้หนุ่มหรือไม่ เจ้าตัวแย้มว่าเคยไปสู่ขอมาแล้ว แต่ถ้าทั้งคู่มีแพลนจะแต่งงานกันจริงๆ ตนก็ยินดีไปทาบทามสู่ขอให้อีกครั้ง

“ก็ไปขอให้แล้ว หลายปีมาแล้ว แต่เขาจะแต่งกันเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ เพราะเขายังอยากมีความสนุกสนาน ก็เลยยังไม่อยากมีอะไรที่ต้องมาห่วง ก็ไปขอเมย์แล้ว แม่เป็นคนไปขอเอง แล้วถ้าเขาคิดจะแต่งงานกันจริงๆ ก็ไปขอให้อีกได้”

ด้านหลานสาว “พลอยไพลิน” รับน้อยใจอาหนุ่ม แต่เอ่ยปากยังรัก และได้กราบขอโทษเรียบร้อยแล้ว

“พลอยกราบขอโทษอาหนุ่มไปแล้ว คือพลอยกับเขาเหมือนพี่น้องทะเลาะกัน ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว (“สนิทกว่าแก้วที่ไม่ได้ร้าวอีก” เสียงแม่เลี้ยงพูดแทรก) ปกติพลอยจะสนิทกับอาหนุ่มมาก สนิทกันมาตลอด เวลาเสียใจหรือไม่สบายใจ อาหนุ่มก็ตามใจมาตลอด คือจริงๆ พลอยไม่ได้โมโหเขานะ แต่น้อยใจมาก ตอนนี้พลอยก็ยังรักอาหนุ่มอยู่ค่ะ (ร้องไห้สะอึกสะอื้น)”

“พลอยก็ยังเป็นหลานที่ผมรักอยู่ ตอนนี้เรื่องคดีมันจบไปแล้วครับ” หนุ่มกล่าวปิดท้าย