เรื่อง ผลการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต ที่จัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS
ผู้วิจัย นางสาวนุชรี วงค์สวัสดิ์
ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3
โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต ที่จัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS เป็นการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้นักเรียนพัฒนาการคิดวิเคราะห์ การวิจัยครั้งนี้จึงมีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะ การคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต ที่จัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต ที่จัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอบจ. เมืองภูเก็ต ที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต ที่จัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอบจ. เมืองภูเก็ต ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 35 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต ที่จัด การเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS จำนวน 8 แผน ใช้เวลาเรียนทั้งสิ้น 16 ชั่วโมง 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต ที่จัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS ซึ่งเป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติ (t-test)
ผลการวิจัย พบว่า
1. แผนการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต ที่จัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.31/84.95
2. แผนการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต ที่จัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7013
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต ที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต ที่จัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด
โดยสรุป การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อบจ. เมืองภูเก็ต ที่จัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL PLUS มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลเหมาะสม สามารถพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ได้ตามขั้นตอน ส่งผลให้นักเรียนเกิดการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ รู้จักการแก้ปัญหาจากการลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ทำให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีทักษะด้านการอ่านคิดวิเคราะห์ และสามารถสร้างองค์ความรู้ได้อย่างยั่งยืน จึงควรสนับสนุนให้ครูนำวิธีการ การจัดการเรียนรู้นี้ไปใช้ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุตามจุดประสงค์ของรายวิชาต่อไป