ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรคสำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

บทคัดย่อ

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและ

การป้องกันโรค สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ เทศบาลตำบลหนองแค จังหวัดสระบุรี มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรคสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ให้มีคุณภาพ 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

4) เพื่อประเมินและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรคสำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ เทศบาลตำบลหนองแค จังหวัดสระบุรี ที่กำลังศึกษาใน

ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 47 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบ

การจัดการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x̄) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) การทดสอบค่าทีแบบไม่อิสระ และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่นักเรียนต้องการ พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ต้องการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เพราะนักเรียนได้เล่นปนเรียน มีเกมที่สนุกสนานท้าทายมีการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศในการเรียนสนุกสนาน ผู้เรียนมีโอกาสศึกษาด้วยตัวเองและผู้สอนเป็นผู้แนะนำช่วยเหลือผู้เรียน กิจกรรมการเรียนการสอนมีความหลากหลายไม่น่าเบื่อ มีสื่อที่น่าสนใจ รูปภาพสื่อความหมายได้ตรงกับเนื้อเรื่อง และมีสีสันสดใสเพื่อดึงดูดความสนใจของนักเรียน สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองเป็นการท้าทายความสามารถของนักเรียน

2. ผลการพัฒนารูปแบบการสอนที่ผู้วิจัยใช้ชื่อเรียกว่า “ACEGPE Model” มีองค์ประกอบ คือ

ใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรคสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนเทศบาล 4 หนองแคอนุสรณ์ เทศบาลตำบลหนองแค จังหวัดสระบุรี ซึ่งมีกระบวนการเรียนการสอน 6 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Attention)

2) ขั้นสร้างองค์ความรู้ (Construction) 3) ขั้นอภิปรายความรู้ (Explain) 4) ขั้นทำกิจกรรมกลุ่ม (Group activities) 5) ขั้นนำเสนองาน (Presentation) และ 6) ขั้นประเมินผล (Evaluation) ผลจากการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ 5 คน ด้านวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ต้องการให้พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้อย่างมีความสุข เพราะมีการเรียนรู้

จากสื่อที่หลากหลาย ซึ่งนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ควบคู่กับกิจกรรมกลุ่มและการทำใบกิจกรรม เนื้อหามีภาพสีสันสดใส มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายไม่น่าเบื่อพร้อมทั้งให้นักเรียนเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและ

การป้องกันโรค สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ได้ค่าประสิทธิภาพ E1/E2 แบบรายบุคคล (Individual Tryout) เท่ากับ 76.67/74.44 ค่าประสิทธิภาพ E1/E2 แบบกลุ่มเล็ก (Small Group Tryout) เท่ากับ 80.00/78.15 และจากการทดลองภาคสนาม เท่ากับ 83.08/82.11 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 47 คน ได้ค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 83.35/82.48 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบ

การจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 คะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. ผลการประเมินและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นถึงความเหมาะสมขององค์ประกอบรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรคที่พัฒนาขึ้นโดยรวมมีความเหมาะสมในระดับมาก และผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นถึงความเหมาะสมของการรับรองขั้นตอนและกิจกรรมการเรียนการสอนตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎี การสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยรวมมีความเหมาะสมในระดับมาก ผลการประเมินสุขภาพและการป้องกันโรค ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ทุกข้อมีผลการประเมินในระดับดี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 อยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย butraya : [10 ส.ค. 2561 เวลา 12:55 น.]
อ่าน [3290] ไอพี : 101.108.80.134
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,297 ครั้ง
7 วิธี เอาชนะริ้วรอย
7 วิธี เอาชนะริ้วรอย

เปิดอ่าน 55,381 ครั้ง
ประโยชน์และโทษของเทคโนโลยี
ประโยชน์และโทษของเทคโนโลยี

เปิดอ่าน 22,243 ครั้ง
ขนบธรรมเนียม ประเพณีของชาวสยาม
ขนบธรรมเนียม ประเพณีของชาวสยาม

เปิดอ่าน 18,579 ครั้ง
3 แนวทาง"พลิกโฉม"คุณภาพการศึกษาไทยสู่มาตรฐานสากล
3 แนวทาง"พลิกโฉม"คุณภาพการศึกษาไทยสู่มาตรฐานสากล

เปิดอ่าน 10,895 ครั้ง
12 เรื่องน่ารู้ การถ่ายภาพ ด้วยกล้องดิจิตอล
12 เรื่องน่ารู้ การถ่ายภาพ ด้วยกล้องดิจิตอล

เปิดอ่าน 13,452 ครั้ง
อาหารกับการออกกำลัง
อาหารกับการออกกำลัง

เปิดอ่าน 14,001 ครั้ง
สดชื่นยามเช้าสำหรับคนนอนดึก
สดชื่นยามเช้าสำหรับคนนอนดึก

เปิดอ่าน 16,023 ครั้ง
เทควันโด : อวัยวะของร่างกายที่ใช้เป็นอาวุธ
เทควันโด : อวัยวะของร่างกายที่ใช้เป็นอาวุธ

เปิดอ่าน 14,923 ครั้ง
เหรียญงานพระราชสงครามยุโรป
เหรียญงานพระราชสงครามยุโรป

เปิดอ่าน 38,626 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 10 ลูกบอลอยู่ในการเล่นและอยู่นอกการเล่น
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 10 ลูกบอลอยู่ในการเล่นและอยู่นอกการเล่น

เปิดอ่าน 90,525 ครั้ง
จั๋ง...ต้นไม้ฟอกอากาศ
จั๋ง...ต้นไม้ฟอกอากาศ

เปิดอ่าน 37,088 ครั้ง
การประเมินวิทยฐานะช่วงเปลี่ยนผ่านจากเกณฑ์เก่าสู่ระบบ PA (ศึกษานิเทศก์)
การประเมินวิทยฐานะช่วงเปลี่ยนผ่านจากเกณฑ์เก่าสู่ระบบ PA (ศึกษานิเทศก์)

เปิดอ่าน 13,733 ครั้ง
นี่คือ 5 เหตุผล ทำไมผู้ใหญ่เล่นโซเชียล แล้วอันตรายกว่าวัยรุ่น
นี่คือ 5 เหตุผล ทำไมผู้ใหญ่เล่นโซเชียล แล้วอันตรายกว่าวัยรุ่น

เปิดอ่าน 17,379 ครั้ง
เปิดจุดแข็ง-จุดอ่อนของคน 12 ราศี
เปิดจุดแข็ง-จุดอ่อนของคน 12 ราศี

เปิดอ่าน 18,868 ครั้ง
5 ต้นไม้ดูดสารพิษ ช่วยกรองอากาศแบบธรรมชาติ
5 ต้นไม้ดูดสารพิษ ช่วยกรองอากาศแบบธรรมชาติ

เปิดอ่าน 29,498 ครั้ง
"พริกขี้หนูเลย"กับ"พริกขี้หนูยอดสน"ทางเลือกใหม่ของการ ปลูกพริก
"พริกขี้หนูเลย"กับ"พริกขี้หนูยอดสน"ทางเลือกใหม่ของการ ปลูกพริก
เปิดอ่าน 35,950 ครั้ง
ประเภทของภาพกราฟิก
ประเภทของภาพกราฟิก
เปิดอ่าน 19,295 ครั้ง
สุดยอดสมุนไพร"รางจืด"ราชายาแก้สารพัดพิษ ต้านมะเร็ง ช่วยลด-เลิก"ยาบ้า"
สุดยอดสมุนไพร"รางจืด"ราชายาแก้สารพัดพิษ ต้านมะเร็ง ช่วยลด-เลิก"ยาบ้า"
เปิดอ่าน 35,790 ครั้ง
ทำให้ถั่วฝักยาวมีฝักมาก
ทำให้ถั่วฝักยาวมีฝักมาก
เปิดอ่าน 10,399 ครั้ง
อยากได้กันมั๊ย ชมคลิปโชว์ความสามารถ Google Glass แว่นตาอัจฉริยะ
อยากได้กันมั๊ย ชมคลิปโชว์ความสามารถ Google Glass แว่นตาอัจฉริยะ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ