ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดแก้ปัญหา กลุ่มส

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดแก้ปัญหา

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ผู้ศึกษา นายปรีดา คูณวงษ์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนไพรบึงวิทยาคม ตำบลไพรบึง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ

ปีที่พิมพ์ 2562

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) การศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยวิธีการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้วิธีการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้วิธีการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้วิธีการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนไพรบึงวิทยาคม ที่เรียนสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม วิชาเคมี 2 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 40 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบวัดทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิดแก้ปัญหา และแบบสอบถามความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา

ผลการวิจัยพบว่า

1. จากการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพที่คาดหวังและสภาพปัจจุบันครูผู้สอนวิทยาศาสตร์

ครูคาดหวังให้ผู้เรียนมีเหตุมีผลตามลำดับขั้นตอน มีการแสวงหาข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายด้วยตนเอง สามารถรู้ คิดและนำข้อมูลที่สำคัญเก็บไว้ในความจำได้ระยะยาว แก้ปัญหาได้อย่างมีเหตุผล แล้วประมูลความรู้เพื่อการเลือกทางเลือกในการแก้ปัญหาที่ถูกต้องมีเหตุผล แต่สภาพสภาพปัจจุบันพบว่า ผลการประเมินผู้เรียนส่วนใหญ่ยังไม่ผ่านการประเมินการคิด การจัดการเรียนรู้ด้านการคิด และวิทยาศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาจึงยังไม่บรรลุเป้าหมายตามสภาพที่คาดหวัง การจัดการเรียนรู้ไม่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง ไม่ฝึกการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ การคิดริเริ่มสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา ทำให้ผู้เรียนเรียนวิทยาศาสตร์แบบท่องจำ ไม่มีเหตุผล ลืมง่าย ทำให้ผู้เรียนคิดไม่เป็น ทำไม่ได้ แก้ปัญหาไม่ได้ ไม่รักการอ่านและสืบค้นข้อมูล ไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และครูมีความต้องการเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยครูจะต้องจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ด้วยการสอนคิดหลาย ๆ ด้าน ได้แก่ การสอนคิดแก้ปัญหาที่ถูกต้อง พัฒนาความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณและคิดแก้ปัญหาไปพร้อมกับพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ โดยเน้น กระบวนการคิด การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสได้เรียนรู้และฝึกฝนด้วยตนเอง ผู้เรียนได้สำรวจ ตั้งคำถาม อธิบายเหตุผลและพบคำตอบโดยการทำกิจกรรมทั้งทางกายภาพและทางสมองด้วยตนเอง

2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น มีองค์ประกอบหลัก คือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนรู้ สาระความรู้และทักษะความสามารถ สิ่งที่ส่งเสริมการเรียนรู้ หลักการตอบสนอง สิ่งสนับสนุน และรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีกระบวนการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 2) ขั้นสืบเสาะหาความรู้ แบ่งเป็น 3 ขั้นคือ คือ (2.1) ขั้นทำความเข้าใจปัญหาและข้อความของปัญหาให้ชัดเจน (2.2) ขั้นดำเนินการศึกษาค้นคว้าแก้ปัญหา (2.3) ขั้นนำเสนอคำตอบหรือผลการแก้ปัญหา 3) ขั้นอธิบายเป็นการอธิบายและเรียนรู้ร่วมกัน ขั้นที่ 4) ขั้นขยายความรู้ความเข้าใจ และ 5) ขั้นประเมินผล ซึ่งรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นนำไปหาประสิทธิภาพ แบบรายบุคคล แบบกลุ่มเล็ก และแบบภาคสนาม โดยมีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 75.83/79.17, 82.17/81.75 และ 84.19/82.58 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฏว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์พบว่า โดยภาพรวมคะแนนสูงกว่าร้อยละ 80 ซึ่งผลการประเมินระหว่างเรียน มีค่าเฉลี่ย 8.44 คิดเป็นร้อยละ 84.42 ผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน มีค่าเฉลี่ย 33 คิดเป็นร้อยละ 82.50 และผลการประเมินทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณมีค่าเฉลี่ย 15.47 คิดเป็นร้อยละ 85.94

4. ผลการประเมินการใช้รูปแบบจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิดแก้ปัญหา กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ พบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียน 40 คน มีนักเรียนที่ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ของคะแนนเต็มจำนวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2) ความสามารถ ในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ นักเรียน 40 คน มีนักเรียนที่ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ของคะแนนเต็มจำนวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 92.50 ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยผู้เรียนมี ความพึงพอใจด้านประโยชน์ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้สูงที่สุด เพราะรูปแบบการจัดการเรียนรู้ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติด้วยตนเอง และร่วมกันคิดหาคำตอบกับกลุ่มเพื่อนอย่างสร้างสรรค์ ทำให้เข้าใจเนื้อหา มีทักษะในการคิดอย่างมีวิจารณญาณและคิดแก้ปัญหา รูปแบบการจัดการเรียนรู้มีความสอดคล้องกับเนื้อหาวิชา ครูจัดชั้นเรียนได้เหมาะสมกับสภาพกิจกรรม นักเรียนมีความสุขและสนุกสนานในการเรียนรู้ สามารถสรุปความรู้เชื่อมโยงนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ประจำ

โพสต์โดย ปรีดา คูณวงษ์ : [28 ส.ค. 2562 เวลา 10:26 น.]
อ่าน [3339] ไอพี : 1.1.181.194
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 14,641 ครั้ง
ชมด่วน คลิป หมาเดาะบอลขั้นเทพ
ชมด่วน คลิป หมาเดาะบอลขั้นเทพ

เปิดอ่าน 10,963 ครั้ง
รู้เท่าทันก่อนจะหันมาใช้ "บัตรเครดิต" โดย สคบ.
รู้เท่าทันก่อนจะหันมาใช้ "บัตรเครดิต" โดย สคบ.

เปิดอ่าน 7,512 ครั้ง
ปัญหาอมตะครูไทย เร่งแก้ก่อนการศึกษาดำดิ่ง
ปัญหาอมตะครูไทย เร่งแก้ก่อนการศึกษาดำดิ่ง

เปิดอ่าน 9,896 ครั้ง
หายใจผิด ตัวการทำลายผิว
หายใจผิด ตัวการทำลายผิว

เปิดอ่าน 55,607 ครั้ง
"โรงเรียนแบบไหนที่สร้างเด็กให้ฉลาด" โดย ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ
"โรงเรียนแบบไหนที่สร้างเด็กให้ฉลาด" โดย ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

เปิดอ่าน 14,612 ครั้ง
8 วิธีถนอมหลังห่างไกลอาการปวด
8 วิธีถนอมหลังห่างไกลอาการปวด

เปิดอ่าน 16,140 ครั้ง
วอยเอเจอร์ 2 เผยระบบสุริยะไม่กลม
วอยเอเจอร์ 2 เผยระบบสุริยะไม่กลม

เปิดอ่าน 14,287 ครั้ง
ครม.ไฟเขียว "กัญชง" ปลูกได้ครัวละไม่เกิน1ไร่ พืชเศรษฐกิจไทยตัวใหม่
ครม.ไฟเขียว "กัญชง" ปลูกได้ครัวละไม่เกิน1ไร่ พืชเศรษฐกิจไทยตัวใหม่

เปิดอ่าน 29,984 ครั้ง
การคูณด้วยไม้ตะเกียบแบบบูรณาการ (ชมคลิป)
การคูณด้วยไม้ตะเกียบแบบบูรณาการ (ชมคลิป)

เปิดอ่าน 17,978 ครั้ง
กระเจี๊ยบเขียว
กระเจี๊ยบเขียว

เปิดอ่าน 57,692 ครั้ง
เกณฑ์คุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561
เกณฑ์คุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561

เปิดอ่าน 36,245 ครั้ง
เด็กๆ ควรใช้นิ้วมือในการนับเลขหรือไม่
เด็กๆ ควรใช้นิ้วมือในการนับเลขหรือไม่

เปิดอ่าน 12,001 ครั้ง
แก้อาการนอนไม่หลับโดยใช้เทคนิคการหายใจแบบ 4-7-8
แก้อาการนอนไม่หลับโดยใช้เทคนิคการหายใจแบบ 4-7-8

เปิดอ่าน 13,889 ครั้ง
ชีวิตหลังเกษียณ (1)
ชีวิตหลังเกษียณ (1)

เปิดอ่าน 13,198 ครั้ง
ไหว้พระเสริมบารมี (แก้ชง) ปีม้า 2557
ไหว้พระเสริมบารมี (แก้ชง) ปีม้า 2557

เปิดอ่าน 22,316 ครั้ง
"ย่านาง" ตำรับยาแก้ไข้ สมุนไพรอายุวัฒนะ
"ย่านาง" ตำรับยาแก้ไข้ สมุนไพรอายุวัฒนะ
เปิดอ่าน 5,515 ครั้ง
สับสนกับเมเจอร์ที่เลือก แต่ไม่อยากรีแอดมิชชั่นต้องทำยังไง
สับสนกับเมเจอร์ที่เลือก แต่ไม่อยากรีแอดมิชชั่นต้องทำยังไง
เปิดอ่าน 20,749 ครั้ง
งานบันทึกเสียงมีความเป็นมาอย่างไร?
งานบันทึกเสียงมีความเป็นมาอย่างไร?
เปิดอ่าน 31,075 ครั้ง
iPhone 6 เปิดตัวแล้ว ไอโฟน6 มีอะไรใหม่บ้าง มาดูกัน
iPhone 6 เปิดตัวแล้ว ไอโฟน6 มีอะไรใหม่บ้าง มาดูกัน
เปิดอ่าน 29,855 ครั้ง
สอนให้เก่งพีชคณิต ต้องออกท่าออกทาง
สอนให้เก่งพีชคณิต ต้องออกท่าออกทาง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ