การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1..เพื่อพัฒนาแบบฝึกภาพการ์ตูนการเขียนเรียงความเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 / 80 และ 2.เพื่อเปรียบเทียบความสามารถด้านการเขียนเรียงความเชิงสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกภาพการ์ตูน

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1, 2/3, 2/4,2/7 และ 2/9 โรงเรียนคงคาราม จังหวัดเพชรบุรี ที่กำลังเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 5 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เฉพาะนักเรียนที่มีปัญหาในการเขียนเรียงความ

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1. แบบฝึกภาพการ์ตูน เป็นสื่อการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยใช้ภาพการ์ตูนเป็นสิ่งเร้าให้นักเรียนเกิดความคิดจินตนาการ และเขียนถ่ายทอดออกมาเป็นเรียงความเชิงสร้างสรรค์ได้ โดยแบบฝึกมีทั้งหมด 10 แบบฝึก ซึ่งเป็นแบบฝึกในเรื่อง ความคิดสร้างสรรค์ การเขียนคำและประโยค การเขียนลำดับเหตุการณ์ การเขียนบรรยาย การเขียนย่อหน้า การเขียนเค้าโครงเรื่อง การเขียนคำนำ การเขียนเนื้อเรื่อง การเขียนสรุป และ การเขียนเรียงความเชิงสร้างสรรค์จากภาพ 2.แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการเขียนเรียงความเชิงสร้างสรรค์ เป็นแบบทดสอบที่ผู้วิจัย สร้างขึ้นใช้ทดสอบความสามารถของผู้เรียนในการเขียนเรียงความก่อนและหลังใช้แบบฝึกภาพการ์ตูน มีลักษณะเป็นแบบทดสอบอัตนัย โดยการให้ผู้เรียนเขียนเรียงความจากภาพการ์ตูนที่กำหนดให้พร้อมทั้งตั้งชื่อเรื่องประกอบให้เหมาะสม และ 3.แผนการจัดการเรียนรู้ด้านการเขียนเรียงความเชิงสร้างสรรค์โดยใช้แบบฝึกภาพการ์ตูน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 10 แผน เวลา 10 ชั่วโมง การวิเคราะห์ข้อมูลการหาประสิทธิภาพของแบบฝึก ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 จากสูตร E1 / E 2 และการเปรียบเทียบความสามารถด้านการเขียนเรียงความเชิงสร้างสรรค์ก่อนและหลังการใช้แบบฝึก ภาพการ์ตูน ใช้ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัย พบว่า

1.ผลการหาค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกภาพการ์ตูนการเขียนเรียงความเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้ค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 82.00 / 86.00 แสดงว่า แบบฝึกที่สร้างขึ้นมีเกณฑ์ประสิทธิภาพผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้

2. ผลของการเปรียบเทียบความสามารถด้านการเขียนเรียงความเชิงสร้างสรรค์ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกโดยใช้ค่าเฉลี่ย ร้อยละและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลปรากฏว่าเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ โดยสรุปได้ว่า คะแนนการเรียนรู้ก่อนการใช้แบบฝึกของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างทั้ง 5 คน มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 13.40 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.14 และคะแนนหลังการใช้แบบฝึกมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 17.00 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.3 แสดงว่า ความสามารถด้านการเขียนเรียงความเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังการใช้แบบฝึกมีค่าสูงกว่าก่อนการใช้แบบฝึก แสดงให้เห็นว่าแบบฝึกภาพการ์ตูน การเขียนเรียงความเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นนั้นทำให้นักเรียนมีความสามารถในการเขียนเรียงความเชิงสร้างสรรค์อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เว็บน่าสนใจ