Advertisement
นิ้วกลม: แบบเรียนที่ไม่ได้มีไว้เลียนแบบ
หนึ่งคำถามล้านคำตอบ
มติชนสุดสัปดาห์ 7-13 พฤศจิกายน 2557
![](http://www.matichon.co.th/online/2014/11/14157303301415730457l.jpg)
1 ป้ายค่านิยม 12 ประการติดหราไว้หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง เหลือบไปเห็นขณะขับรถผ่านระหว่างเดินทางไปงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ไม่แน่ใจว่านักเรียนจะต้องท่องให้คุณครูฟังก่อนก้าวเท้าเข้าโรงเรียนหรือเปล่า
ค่านิยมในป้ายหลายข้อนั้นดูดีเป็นเรื่องที่น่าปฏิบัติตาม คำถามคือเด็กๆ จะปฏิบัติตามผ่านการท่องจำเหมือนท่องสูตรคูณอย่างนั้นจริงหรือ และถ้าเด็กนักเรียนมีข้อสงสัยในบางข้อ เขามีสิทธิถามครูก่อนท่องจำไหม เช่น "เจ็ด เรียนรู้อธิปไตยของประชา แปด รักษาวินัย กฎหมายไทย" แล้วการทำรัฐประหารถือเป็นการปฏิบัติตามค่านิยมสองข้อนี้ไหมครับครู
ครูคงบอกว่า "ท่องไปก่อนนะนักเรียน นี่ยังไม่ใช่เวลาของการตั้งคำถาม"
2 สิ่งใหม่ที่ผุดขึ้นมาในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติและงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติในช่วงสองปีมานี้คือ นิทรรศการให้ความรู้แก่ผู้เข้าชมงาน ซึ่งจัดได้อย่างสวยงาม เข้มข้น และน่าสนใจทุกครั้ง
ครั้งล่าสุดเป็นนิทรรศการเรื่อง "ระลึกชาติในแบบเรียน"
เนื้อหาของนิทรรศการนั้นไล่เรียงเรื่องราวของแบบเรียนมาตั้งแต่แบบเรียนเล่มแรกมาจนกระทั่งถึงแบบเรียนเล่มล่าสุด ตั้งแต่แบบเรียนหลวง 6 เล่ม ที่พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เป็นผู้แต่ง แบบเรียนคดีธรรม สมบัติผู้ดี ดรุณศึกษา พ่อหลีพี่หนูหล่อ วิชาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม เรณู ปัญญา ในยุค จอมพล ป. นิทานร้อยบรรทัด ไล่มาถึงยุคมานี ชูใจ เปลี่ยนมาเป็นกล้า แก้ว และแบบเรียนชุดภาษา พาที ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
เมื่อไล่เรียงแบบเรียนเคียงคู่ไปกับสถานการณ์บ้านเมืองและการเมืองของแต่ละยุค เราจะสังเกตได้เลยว่า แบบเรียนในแต่ละสมัยนั้นมีเจตนารมณ์บางอย่างสอดประสานอยู่ในนั้นเสมอ
ผู้ใหญ่ทั้งหลายนิยมเปรียบเด็กน้อยเป็นผ้าขาวที่สามารถใส่เรื่องราวอะไรก็ได้เข้าไปในหัว อยากให้พวกเขามีลวดลายอย่างไร อยากย้อมสีอะไรใส่เข้าไปก็ต้องเริ่มทำในวัยเด็ก แบบเรียนดูเหมือนจะเป็นความพยายาม "ย้อมผ้าขาว" ของผู้ใหญ่ที่เป็นรูปธรรม
แบบเรียนจึงเปลี่ยนไปตามผู้ปกครองที่ขึ้นมามีอำนาจ รวมถึงสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนั้น
ในสมัยเริ่มต้นของการศึกษา การเรียนการสอนในยุคแรกนั้นมุ่งเน้นให้เด็กนักเรียนอ่านออกเขียนได้เป็นสำคัญ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นพร้อมๆ กันทั่วโลก เช่น การปฏิวัติในอิหร่านและตุรกี การปฏิวัติในโปรตุเกส และเหตุการณ์สำคัญที่สุดคือการล้มราชวงศ์แมนจู เพื่อสร้างสาธารณรัฐประชาชนจีน
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดแนวคิดชาตินิยมของคนจีนในประเทศไทย เพราะก่อนหน้านั้น ซุนยัตเซน ผู้นำในการปฏิวัติจีนได้เดินทางมาประเทศไทยถึง 4 ครั้ง ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้เองจึงทำให้เกิดการศึกษาเพื่อปลูกฝังความรักชาติและสร้างความชอบธรรมในการบริหารประเทศ
อุดมการณ์ที่ได้รับการตอกย้ำในแบบเรียนช่วงนี้คือ ความรักชาติ จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และยึดมั่นในพุทธศาสนา ซึ่งถือว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความเป็นชาตินั่นเอง
พอมาถึงยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 คณะราษฎรได้ปรับปรุงแผนการศึกษา มีวิชาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ซึ่งสอนให้รู้จักสิทธิหน้าที่ของพลเมือง การปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งหน้าที่อันพึงมีต่อสาธารณะ ซึ่งก็สอดคล้องไปกับเจตนารมณ์ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่ว่า "ประเทศนี้เป็นของราษฎรทั้งหลาย"
แล้วหลักสูตรก็ได้รับการปรับปรุงอีกครั้ง ใน พ.ศ.2490 หลังจากประเทศได้ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ แบบเรียนในยุคนี้จะเน้น "ชาติไทย" และนักเรียนก็เริ่มมีการยืนตรงเคารพธงชาติกันตั้งแต่ในยุคนี้
พอมาถึงยุค จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งมุ่งสร้างพลเมืองที่ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มุ่งเน้นไปที่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประเทศชาติมากกว่าเสรีภาพส่วนบุคคลจึงได้มีการตัดหน้าที่ในการเคารพรัฐธรรมนูญออกไปจากแบบเรียน
มาถึงแบบเรียนในยุคของผม "มานะ มานี ปิติ ชูใจ" (และเจ้าโต) เป็นแบบเรียนที่เกิดขึ้นในยุคหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519
แบบเรียนชุดนี้นำเสนอจินตภาพของชาติเหมือนหมู่บ้านขนาดเล็ก ซึ่งมีปัญหาที่เกิดขึ้นจากศีลธรรมเสื่อมทราม เช่น ปัญหาการตัดไม้เพราะความโลภของนายทุนบางคน การดำเนินชีวิตของตัวละครซึ่งเป็นคนดี
ในแบบเรียนชุดนี้จะมีความรักชาติบ้านเมืองเป็นแรงผลักสำคัญอยู่เสมอ แต่สิ่งที่ถูกลืมหรือมิได้ถูกกล่าวถึงก็คือ ปัญหาเชิงโครงสร้างและความซับซ้อนของปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีแค่ปลูกฝังศีลธรรมให้ทุกคนเป็นคนดีเท่านั้น
แน่นอนว่าการพูดถึงปัญหาในมิตินั้นอาจจะยากเกินความเข้าใจของนักเรียนในวัยเด็ก แต่การไม่ชี้ชวนให้เห็นปัญหาในเชิงโครงสร้างเลยก็อาจหล่อหลอมให้นักเรียนที่โตมากับแบบเรียนนี้มองเห็นวิธีแก้ปัญหาเป็นเพียงแค่เรื่องที่คนดี-คนชั่วต้องต่อสู้กันเท่านั้น ทั้งที่ปัญหาในความเป็นจริงนั้นสลับซับซ้อนกว่ามาก
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เคยตรัสไว้ว่า "รัฐมีอำนาจที่จะตกแต่งนิไสยใจคอไพร่บ้านพลเมืองได้ด้วยแต่งหนังสือสำหรับสอนเด็ก...ประโยชน์ของการแต่งหนังสือจึงไม่แพงเลย"
จากวันนั้นถึงวันนี้ "การตกแต่งนิสัยใจคอ" ของพลเมืองยังคงถูกกระทำผ่านแบบเรียนต่อเนื่องกันมาโดยตลอด โดยเปลี่ยนแปลงเนื้อหากันไปตามยุคสมัยและสถานการณ์
คำถามก็คือ เมื่อโลกเดินทางมาถึงยุคโลกาภิวัฒน์ที่ชีวิตสลับซับซ้อนมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลเข้าหูตาของผู้คนและนักเรียนมากมายราวกับเขื่อนแตก เส้นแบ่งเขตแดนของแต่ละประเทศเริ่มพร่าเลือน ประชากรประเทศนั้นย้ายมาทำงานในประเทศนี้ ประเทศนี้ไปประเทศนู้น เสรีภาพในการสื่อสารมีมากขึ้น คำถามจำนวนมากถูกส่งเสียงลอยอยู่ในอากาศ แบบเรียนที่เน้นการปลูกฝังค่านิยมในแบบเดิมๆ จะยังคง "เวิร์ก" อยู่หรือไม่?
3 ในยุคสมัยที่แค่นั่งอยู่เฉยๆ ข้อมูลและความรู้ก็พุ่งเข้าลูกกะตา อยากรู้อะไรก็กระดิกนิ้วหาจากกูเกิลเช่นนี้ หากครูยังทำหน้าที่เป็นผู้มอบความรู้ และใช้แบบเรียนเป็นคัมภีร์ที่บรรจุความจริงแท้ที่ทุกคนต้องท่องจำและปฏิบัติตาม ก็มีสิทธิอย่างมากที่ผู้เรียนจะรู้สึกว่า สิ่งที่ครูสอนนั้นแคบกว่าสิ่งที่เขาพบเจอในชีวิตประจำวัน
ครูในยุคนี้จึงมิใช่ "ผู้ให้ความรู้" อีกต่อไป แต่น่าจะเป็น "ผู้สอนวิธีหาความรู้" แก่เด็กนักเรียน (เพราะความรู้นั้นหาได้ทุกที่) นอกจากนั้นครูเองอาจต้องแปลงร่างเป็นเด็กนักเรียนในบางเรื่อง เมื่อนักเรียนไปหาความรู้ที่ครูไม่เคยรู้มาบอกกับครู
โรงเรียนจึงมิใช่สถานที่ "ให้ความรู้" หรือปลูกฝังความรู้อีกต่อไป แต่เป็นสถานที่ที่สร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น ทุกคนในโรงเรียนเป็นคนที่รักการเรียนรู้ เป็นทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสาร ไม่ว่าเขาหรือเธอจะเป็นนักเรียนหรือครู เหมือนที่อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ เคยบอกว่า "เราไม่สามารถมีคนเพียงนิดเดียวมีอาชีพเป็นครูได้อีกแล้ว ทุกคนต้องเป็นครูให้ตัวเองและเป็นครูให้แก่กันและกัน"
สังคมอุดมความรู้และปัญญาจึงเป็นสังคมที่ทุกคนมีทักษะของความเป็นครู และยินดีจะเป็นนักเรียนอยู่ตลอดเวลา เป็นสังคมแห่งการกระตุกให้คิด ให้ตั้งคำถาม หมั่นหาคำตอบด้วยตัวเอง แบ่งปันความคิดและความรู้แก่กันและกัน รับฟังแง่มุมที่แตกต่าง และเรียนรู้จากกันและกันอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด
เสียงในสังคมเช่นนี้อาจจะเจี๊ยวจ๊าว ต่างจากการประสานเสียงท่องจำสิ่งที่ครูบอกเป็นเสียงเดียวกัน แต่แน่นอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเจี๊ยวจ๊าวนั้นคือปัญญาที่เกิดจากการถกเถียงแลกเปลี่ยนกันในแง่มุมที่หลากหลาย ทั้งยังกลั่นออกมาจากการขบคิดวิเคราะห์ด้วยตนเอง
บรรยากาศการเรียนรู้ในสังคมเช่นนี้ ย่อมมิได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของครูหรือแบบเรียนที่เน้นให้ท่องจำและทำตาม มิได้เป็นการเรียนที่อยู่กับความกลัวครู กลัวผิด ไม่กล้าคิดสร้างสรรค์ ไม่กล้าคิดแตกต่าง ขาดความมั่นใจในเหตุผลของตนเอง สังคมที่ทุกคนมีวิธีหาความรู้ด้วยตัวเองย่อมเปิดกว้างต่อความคิดที่แตกต่างหลากหลาย เพราะทุกครั้งที่ได้รับฟังความคิดที่แตกต่างเหล่านั้นก็เป็นการเรียนรู้แบบหนึ่ง ต่างจากการเรียนที่ต้องฟังครูคนเดียว คิดอะไรต่างจากครูย่อมมีสิทธิจะถูกกากบาทสีแดงลงบนกระดาษคำตอบ
หากอยากสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้เช่นนี้ขึ้น เราจะออกแบบแบบเรียนและการเรียนการสอนกันอย่างไร
4 ระหว่างที่เด็กนักเรียนของเรากำลังท่องจำค่านิยม 12 ประการ ประเทศสิงคโปร์ได้กำหนดวิสัยทัศน์ด้านการศึกษาเพื่อเตรียมประเทศให้พร้อมเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 โดยกำหนดวิสัยทัศน์เพื่อชาติว่า ให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนนักคิด ให้ประเทศเป็นประเทศแห่งการเรียนรู้ โดยจะสร้างทักษะชีวิตที่สำคัญ คือ การคิด การสร้างสรรค์ การแก้ไขปัญหา การทำงานร่วมกัน ความสนใจใคร่รู้แก่นักเรียน รวมทั้งจะปลูกฝังความคิดเรื่องนวัตกรรมและความกระหายสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นส่วนสำคัญต่อการสร้างความมั่งคั่งส่วนบุคคลและประเทศโดยรวม
วิสัยทัศน์เพื่อชาติของเขาคือ การคิดและการเรียนรู้
ส่วนวิสัยทัศน์ด้านการศึกษานั้น สิงคโปร์กำลังเน้นให้ "สอนน้อยลง เรียนรู้ให้มากขึ้น" โดยมีเป้าหมายให้นักเรียนเรียนรู้ได้โดยไม่ต้องสอน
วิธีการคือ ให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้น ตั้งแต่การกำหนดโจทย์ สิ่งที่อยากเรียน ขณะที่ครูพูดให้น้อยลง สอนแบบป้อนความรู้ให้น้อยลง สื่อสารทางเดียวให้น้อยลง แบบเรียนจึงไม่ใช่แบบเรียนตายตัวเพียงแบบเดียว แต่สื่ออื่นๆ นอกห้องเรียนล้วนแล้วแต่เป็นสื่อประกอบการเรียนได้ทั้งสิ้น
นักเรียนจึงเป็นนักเรียนที่เป็นฝ่ายกระทำ (active) ไม่ใช่ฝ่ายถูกกระทำ (passive)
การเรียนจึงกลายเป็นเรื่องสนุก เพราะเขามีส่วนในการสอนด้วย ครูใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการแนะแนวทางเพื่อให้นักเรียนไปหาความรู้ด้วยตัวเอง และนำมาวิเคราะห์ขบคิดเป็นความรู้ใหม่ด้วยตัวเอง
และนี่คือทักษะของนักเรียนศตวรรษที่ 21
เราไม่ได้ต้องการนักเรียนเชื่องๆ ท่องจำสิ่งที่ครูอยากให้ท่องได้ทั้งหมด หรือทำตามที่ครูและแบบเรียนบอกทุกกระเบียดนิ้ว การแข่งขันในโลกยุคใหม่นั้นต้องการนักเรียนที่มีชีวิตชีวา กระตือรือร้น รู้จักตั้งคำถามที่ท้าทาย หาคำตอบได้ด้วยตัวเอง เป็นตัวของตัวเอง รักที่จะเรียนรู้จากความหลากหลาย นอกจากรู้จักแสดงความคิดเห็นแล้วยังรู้จักรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง มีหัวใจที่เคารพความแตกต่างหลากหลายของคนอื่นอันเป็นพื้นฐานของประชาธิปไตย ซึ่งทั้งหมดนี้คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านการท่องจำค่านิยมว่า "เด็กดีต้องรู้จักตั้งคำถามท้าทาย ขวนขวายหาคำตอบด้วยตัวเอง ครื้นเครงกับความหลากหลาย มิวายรับฟังคนอื่น รู้ตื่นเรื่องประชาธิปไตย" หรืออะไรทำนองนี้
ตรงกันข้าม ทักษะของนักเรียนในศตวรรษที่ 21 อาจเริ่มต้นจากการมานั่งวิเคราะห์ "ค่านิยม 12 ประการ" ของท่านผู้นำก็เป็นได้
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
Advertisement
![เปิดม่านการศึกษา : 2 พ.ค. 59 : โดย...ครูแจ่ม เปิดม่านการศึกษา : 2 พ.ค. 59 : โดย...ครูแจ่ม](news_pic/p80614690811.jpg) เปิดอ่าน 9,939 ครั้ง ![เจาะประเด็นการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ : ธนชน มุทาพร เจาะประเด็นการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ : ธนชน มุทาพร](news_pic/p41156250656.jpg) เปิดอ่าน 26,799 ครั้ง ![การศึกษาปัญหาที่แก้ไม่ตก การศึกษาปัญหาที่แก้ไม่ตก](news_pic/p42162201446.jpg) เปิดอ่าน 8,626 ครั้ง ![ระบบการศึกษาไม่สมดุล (2) ระบบการศึกษาไม่สมดุล (2)](news_pic/p24554680919.jpg) เปิดอ่าน 8,063 ครั้ง ![อยากเลี้ยงลูกให้ฉลาด ต้องไม่มีคำว่า....โดย ดร.สุพาพร เทพยวรรณ อยากเลี้ยงลูกให้ฉลาด ต้องไม่มีคำว่า....โดย ดร.สุพาพร เทพยวรรณ](news_pic/p73922400714.jpg) เปิดอ่าน 24,874 ครั้ง ![กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน? กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?](news_pic/p74531921413.jpg) เปิดอ่าน 10,216 ครั้ง ![ปัญหาอมตะครูไทย เร่งแก้ก่อนการศึกษาดำดิ่ง ปัญหาอมตะครูไทย เร่งแก้ก่อนการศึกษาดำดิ่ง](news_pic/p57343451305.jpg) เปิดอ่าน 7,723 ครั้ง ![เทคนิคการอ่านเพื่อให้เกิดทักษะ เทคนิคการอ่านเพื่อให้เกิดทักษะ](news_pic/p56362201930.jpg) เปิดอ่าน 17,648 ครั้ง ![เราสอบไปเพื่ออะไร? เราสอบไปเพื่ออะไร?](news_pic/p85650130945.jpg) เปิดอ่าน 21,983 ครั้ง ![การแก้ปัญหาการศึกษาไทย คันที่หลัง อย่าไปเกาที่ขา การแก้ปัญหาการศึกษาไทย คันที่หลัง อย่าไปเกาที่ขา](news_pic/p61417641116.jpg) เปิดอ่าน 18,603 ครั้ง ![การศึกษาไทย 2.0 การศึกษาไทย 2.0](news_pic/p44886401334.jpg) เปิดอ่าน 12,830 ครั้ง ![โปรดอ่านทำความเข้าใจ! กรณีการเรียน ป.บัณฑิต โปรดอ่านทำความเข้าใจ! กรณีการเรียน ป.บัณฑิต](news_pic/p68841820638.jpg) เปิดอ่าน 17,408 ครั้ง ![คุณครูกับคนดี โดย กล้า สมุทวณิช คุณครูกับคนดี โดย กล้า สมุทวณิช](news_pic/p50888151314.jpg) เปิดอ่าน 8,336 ครั้ง ![ปฏิรูปการศึกษาส่วนภูมิภาค 6 เดือน กศจ.ไปต่ออย่างไร? โดย อดิศร เนาวนนท์ ปฏิรูปการศึกษาส่วนภูมิภาค 6 เดือน กศจ.ไปต่ออย่างไร? โดย อดิศร เนาวนนท์](news_pic/p38026230618.jpg) เปิดอ่าน 22,305 ครั้ง ![ปฏิรูปการศึกษา คือ รากฐานของการปฏิรูปประเทศ โดย รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ ปฏิรูปการศึกษา คือ รากฐานของการปฏิรูปประเทศ โดย รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์](news_pic/p26137651738.jpg) เปิดอ่าน 10,759 ครั้ง ![ผู้บริหารการศึกษาควรได้รับการปฏิรูปก่อน ผู้บริหารการศึกษาควรได้รับการปฏิรูปก่อน](news_pic/p73423201619.jpg) เปิดอ่าน 11,898 ครั้ง
|
!["แก่"
อย่างมีคุณค่า โดย รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ "แก่"
อย่างมีคุณค่า โดย รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์](news_pic/p68070330532.jpg)
เปิดอ่าน 11,044 ☕ คลิกอ่านเลย |
![ยิ่งกวดวิชามาก ยิ่งสะท้อนปัญหามาก ยิ่งกวดวิชามาก ยิ่งสะท้อนปัญหามาก](news_pic/pic/p60449751544.jpg)
เปิดอ่าน 8,010 ☕ คลิกอ่านเลย | ![ระบบการศึกษาไม่สมดุล (2) ระบบการศึกษาไม่สมดุล (2)](news_pic/p24554680919.jpg)
เปิดอ่าน 8,063 ☕ คลิกอ่านเลย | ![ปัดฝุ่น "สถาบันฝึกหัดครู" พัฒนาพลเมืองการศึกษาศตวรรษ 21 ปัดฝุ่น "สถาบันฝึกหัดครู" พัฒนาพลเมืองการศึกษาศตวรรษ 21](news_pic/p69252440650.jpg)
เปิดอ่าน 9,289 ☕ คลิกอ่านเลย | ![ปฏิรูปการศึกษา เรียนรู้จากผู้ประสบผลสำเร็จ : "เกาหลีใต้" ปฏิรูปการศึกษา เรียนรู้จากผู้ประสบผลสำเร็จ : "เกาหลีใต้"](news_pic/p99114881009.jpg)
เปิดอ่าน 20,849 ☕ คลิกอ่านเลย | ![ตามไปดูการศึกษานอกหลักสูตร : ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ คำตอบสุดท้ายจะออกมาอย่างไร ตามไปดูการศึกษานอกหลักสูตร : ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ คำตอบสุดท้ายจะออกมาอย่างไร](news_pic/p76483091015.jpg)
เปิดอ่าน 11,153 ☕ คลิกอ่านเลย | ![เรียนยังไงให้ "เก่ง" และต้องเก่งกว่าครูบาอาจารย์ คำแนะนำจากนักเรียนทุนชื่อ "ดร.ป๋วย" เรียนยังไงให้ "เก่ง" และต้องเก่งกว่าครูบาอาจารย์ คำแนะนำจากนักเรียนทุนชื่อ "ดร.ป๋วย"](news_pic/p64952340609.jpg)
เปิดอ่าน 13,343 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ ![ยาสระผมเข้าตาบ่อย ๆ เป็นอันตรายต่อดวงตามั้ย ยาสระผมเข้าตาบ่อย ๆ เป็นอันตรายต่อดวงตามั้ย](news_pic/p98548020031.jpg)
เปิดอ่าน 31,299 ครั้ง | ![เตือนคนไทยระวัง "โรคลมร้อน" เตือนคนไทยระวัง "โรคลมร้อน"](news_pic/p54224321034.jpg)
เปิดอ่าน 9,486 ครั้ง | ![ตำนาน ชา ตำนาน ชา](news_pic/p15437710159.jpg)
เปิดอ่าน 11,482 ครั้ง | ![รอบรู้เรื่องการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย รอบรู้เรื่องการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย](news_pic/p26908250744.jpg)
เปิดอ่าน 25,791 ครั้ง | ![คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แนะนำการ DIY หน้ากากผ้าไว้ใช้ป้องกัน แทนหน้ากากอนามัย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แนะนำการ DIY หน้ากากผ้าไว้ใช้ป้องกัน แทนหน้ากากอนามัย](news_pic/p46557051153.jpg)
เปิดอ่าน 30,275 ครั้ง |
|
|